xs
xsm
sm
md
lg

โคตรรวยแบบอภิมหาประชาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


ข่าวจากสื่อของสหรัฐเอมิเรตส์ (www.thenational.ae) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมารายงานว่า ศาลอาญานครดูไบได้ตัดสินจำคุก ทนายความที่ใช้ชื่อย่อว่า”เคเอ็ม” วัย 45 ปี ชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นทนายความของทักษิณ ชินวัตร ในการติดต่อธุรกิจกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในอังกฤษ และได้แอบยักยอกเงินจากบัญชีเงินฝากของทักษิณ ชินวัตร ในมอนเตเนโกร จำนวนอย่างน้อย 15 ล้านยูโร หรือราว 580 ล้านบาท โดยได้ใช้เงินที่ยักยอกได้จำนวน 339 ล้านบาทไปซื้อบ้านพักตากอากาศสุดหรูแถบเอมิเรตส์ฮิลล์ หรือที่เรียกกันว่า เบเวอร์ลี่ฮิลล์แห่งนครดูไบ ซึ่งเป็นสถานที่ตากอากาศของมหาเศรษฐี

ข่าวดังกล่าวอาจดูเป็นเรื่องสามัญธรรมดาสำหรับคนต่างชาติทั่วไป แต่สำหรับคนไทยที่เคยถูกปกครองโดยนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีอย่างทักษิณ ชินวัตร และยังต้องวุ่นวายขัดแย้งแบ่งฝ่ายจนสังคมไทยแยกเป็นเสี่ยงๆ เพราะคนคนนี้อย่างที่เป็นอยู่ ทำให้อดสนใจใคร่รู้มิได้ว่า นักการเมืองคนหนึ่งที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 5 ปีเศษ โดยอ้างว่าไม่ได้ประกอบธุรกิจใดๆ เลย เมื่อมาทำงานทางการเมือง แต่เหตุไฉนจึงมีเงินทองให้ทนายความยักยอกทีละเล็กละน้อยได้ถึง 580 ล้านบาท และแม้จะถูกยึดทรัพย์ไว้ในเมืองไทยจำนวน 46,000 ล้านบาท ปัจจุบันก็ยังใช้ชีวิตในต่างประเทศอย่างมหาเศรษฐีโลก ที่เดินทางไปไหนมาไหนด้วยเครื่องบินส่วนตัว จ้างกัปตันและแอร์โฮสเตสส่วนตัว พร้อมทั้ง รปภ. 3 คน และเลขานุการพร้อมผู้ช่วยอีก 3 คน เดือนละหลายล้านบาท ซึ่งยังไม่นับค่าเช่าจอดเครื่องบินและค่าบำรุงรักษาอีกจำนวนไม่น้อย การพักค้างแรมในประเทศต่างๆ ก็ล้วนใช้โรงแรมสุดหรูคืนละเป็นแสนบาทขึ้นไป และยังมีบ้านพักระดับมหาเศรษฐีที่ซื้อไว้ในหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ ฮ่องกง ดูไบ และมอนเตเนโกร ซึ่งมูลค่ารวมเกินกว่าพันล้านบาทขึ้นไป

นี่ยิ่งถ้านับรวมที่ถูกรัฐบาลอังกฤษอายัดเงินในบัญชีธนาคารไว้อีก 140,000 ล้านบาทอีกต่างหาก และยังไม่นับมูลค่าหุ้นและทรัพย์สินต่างๆ ที่ถือไว้โดยอดีตภรรยาคุณหญิงพจมาน กับลูกๆ อีก ซึ่งก็มีกันคนละเป็นพันล้านหมื่นล้านขึ้นไปทั้งนั้น

ยิ่งถ้าสามารถคำนวณนับอีกมากมายที่เป็นค่าจ้างผีโม่แป้ง ไม่ว่าจะการดำเนินการทางการเมืองของนักการเมืองในรัฐบาลและรัฐสภา ค่าจ้างบริหารจัดการม็อบเสื้อแดงของบรรดาแกนนำที่ต่างก็ร่ำรวยขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ทั้งๆ ที่ไม่ได้ประกอบสัมมาอาชีพใดๆ ยังไม่นับนักวิชาเกินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งต่างก็ทุ่มเทวิชาความรู้รับใช้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ซึ่งก็คงได้รับประโยชน์โภคผลต่างตอบแทนในรูปแบบต่างๆ กันไปคนละไม่น้อย

อยากรู้เหลือเกินว่า บรรดาวิญญูชนที่อ้างว่ารักเทิดทูนระบอบประชาธิปไตย จนต้องฝักใฝ่ยึดข้างคนเสื้อแดงและทักษิณ ชินวัตร เพราะอ้างว่าต้องเคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตยนั้น ได้เคยฉุกคิดถึงจำนวนมูลค่าทรัพย์สินมากมายมหาศาล ในความครอบครองของทักษิณ ชินวัตรและบริวารบ้างหรือไม่ ว่าต่อให้มีความสามารถในการประกอบธุรกิจสุจริตใดๆ ก็ยากที่จะมีผลกำไรเป็นทรัพย์สินเงินทองรวดเร็วและท่วมท้นทะลักทลายได้ถึงปานฉะนี้

มันเป็นเรื่องของการร่ำรวยผิดปกติ ที่สามัญชนคนธรรมดาควรจะฉุกคิดขึ้นมาได้ อย่าว่าแต่คนที่ร่ำเรียนมาถึงระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ที่เป็นครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ ด้วยซ้ำไป ที่น่าจะคิดเรื่องตื้นๆ ธรรมดาสามัญเยี่ยงนี้ได้ อย่างไม่ต้องใช้สติปัญญาใดๆ เลย

เงินจำนวน 140,000 ล้านบาทที่รัฐบาลอังกฤษอายัดไว้ ก็เพราะไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของการได้มา เพราะข้อเท็จจริงที่อาศัยอยู่ในอังกฤษเพียง 1 ปีเศษ จะไปทำธุรกิจประเภทใด ที่จะมีผลกำไรมีเงินฝากถึงแสนกว่าล้าน จึงเป็นเรื่องผิดปกติของคนต่างชาติที่อังกฤษไม่ไว้วางใจ ว่าอาจเป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจที่คดโกงเงินมาจากประเทศอื่น อังกฤษจึงถอนวีซ่าบังคับให้ขายหุ้นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้จนหมด และลบชื่อออกจากสโมสร รวมทั้งไม่อนุญาตให้ลี้ภัยทางการเมืองในประเทศอังกฤษอีกต่อไป

ยังมีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อายัดทรัพย์ไว้อีก 76,000 ล้าน ซึ่งต่อมาศาลตัดสินยึดบางส่วนจำนวน 46,000 ล้านบาท เพราะมีที่มาโดยมิชอบขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทรัพย์สินเงินทองที่งอกเงยมหาศาลเหล่านั้น คือสิ่งที่ทักษิณ ชินวัตร จะต้องชี้แจงต่อประชาชนคนไทยเช่นเดียวกันว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร? 

เพราะมันขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับหลักฐานข้อเท็จริงที่ทักษิณ ชินวัตร แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2546 ก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2 ได้แจ้งทรัพย์สิน ไว้โดยสรุปรวม ดังนี้

- ทักษิณ ชินวัตร มีทรัพย์สินหลังหักหนี้สินแล้ว จำนวน  406,493,972.11 บาท

- พจมาน ชินวัตร มีทรัพย์สินหลังหักหนี้สินแล้ว จำนวน 8,802,344,860.62 บาท

- ลูกยังไม่บรรลุนิติภาวะ (น.ส.แพรทองธาร) จำนวน 3,262,882,988.49 บาท

รวมทรัพย์สินทั้งหมดจำนวน 12.471,772,821.22 บาท

และทักษิณ ชินวัตร ได้แจ้งต่อสาธารณะหลายต่อหลายครั้งว่า “รวยแล้วไม่โกง”โดยเมื่อเข้าทำงานทางการเมือง ได้วางมือจากธุรกิจทุกอย่าง ขายหุ้นโอนหุ้นพ้นจากตนไปแล้วทั้งหมดทั้งสิ้น ปัญหาที่ทักษิณ ชินวัตร ต้องตอบต่อสาธารณะ ณ บัดนี้ ก็คือ ทรัพย์สินเงินทอง หลังปี 2549 ที่พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่งอกเงยเกินกว่า หนึ่งหมื่นสองพันกว่าล้านบาทตามที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้อย่างมากมายมหาศาลนั้น ท่านเนรมิตหรือได้แต่ใดมา?

ข้อเท็จจริงตำตาเหล่านี้ คณะนิติราษฎร์ และนักวิชาการที่ฝักใฝ่คนเสื้อแดงทั้งหลาย เคยสนใจใคร่รู้บ้างหรือไม่? และยังยืนยันที่จะยกย่องเทิดทูนให้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นสัญลักษณ์แห่งประชาธิปไตยที่ท่านเรียกร้องและโหยหาอีกต่อไปอย่างหน้ามืดตามัวหรือ?

และทั้งสิ้นทั้งปวงเหล่านี้ คือปัญหาหมักหมมเรื้อรังทางการเมืองไทยที่สมควรช่วยกันคิดหาทางขจัดแก้ไขอย่างเร่งด่วน ยิ่งกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบเลิกศาล ยุบเลิกองค์กรอิสระ ออกกฎหมายปรองดองและนิรโทษกรรม เพื่อช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นผิดอีกต่อไปไหม?

สาธุชนทั้งมวลพึงสดับ และตั้งสติไตร่ตรองเถิด พระเดชพระคุณเอ๋ย
กำลังโหลดความคิดเห็น