xs
xsm
sm
md
lg

งามหน้า“เรืองไกร”-จ่อฟันร่ำรวยผิดปกติ- 3 ปี เงินงอก34ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-งามหน้า “เรืองเก๊” เรื่องถึง ปปช.แน่! พบเส้นทางการเงินครอบครัว สงสัยรวยผิดปกติ หลังพบพิรุธ แค่3 ปีเงินงอกถึง 34 ล้าน ปูด“หลังบ้าน”รวยพุ่งเกือบ 60 ล้าน ตุนอื้อพันธบัตร หุ้น 35 ล้าน ปลูกบ้านใหม่ 17 ล้าน

นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ในวันที่ 6ก.ค. ตนจะเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบความผิดปกติในบัญชีทรัพย์สินของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ว่าเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีทรัพย์สินของนายเรืองไกร พบว่า มีความผิดปกติ เนื่องจากมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ตั้งแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งส.ว.สรรหา จนถึงวันที่ออกจากตำแหน่ง เป็นเวลา 3ปี ซึ่งน่าสงสัยว่า ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น 34ล้านบาท มีรายได้มาจากส่วนใด ซึ่งนายเรืองไกร จะต้องไปพิสูจน์ที่ปปช. โดยเฉพาะกรณีทรัพย์สินของบุตรที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ที่เดิมมีทรัพย์สินอยู่ประมาณ 1แสนกว่าบาท แต่ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินตอนพ้นจากตำแหน่งกลับมีเงินและเงินลงทุนในพันธบัตรสูงถึง 3ล้านกว่าบาท

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนรับตำแหน่งนายเรืองไกร ภรรยา และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินรวม 120ล้านบาท แต่หลังออกจากตำแหน่งส.ว.สรรหา มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 154 ล้านบาท หรือเพิ่ม 34ล้านบาท ภายใน 3ปี ซึ่งในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. นายเรืองไกรได้แจ้งว่า มีรายจ่ายปีละ 6.5 ล้านบาท และมีบัญชีเงินฝากในธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา 3.3ล้านบาท บัญชีธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จาก 4แสนบาท เพิ่มขึ้นเป็น 7.6 ล้านบาท บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาสาทร จาก 6.2หมื่น เพิ่มขึ้นเป็น 1.7 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ สาขาสาทร มี 6.7ล้านบาท มีเงินลงทุนพันธบัตรออมทรัพย์ จาก33ล้านบาท เป็น 66ล้านบาท และมีที่ดิน 1แปลง และบ้าน 1หลัง ย่าน บางซื่อใต้รวมราคา 14ล้านบาท ที่ผ่านมานายเรืองไกร มีพฤติกรรมเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงและจัดรายการโทรทัศน์ พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจึงถึงเวลาที่นายเรืองไกร ต้องถูกตรวจสอบบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นสำนักข่าวอิศรา ได้เปรียบเทียบทรัพย์สินของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ว.สรรหา กับทรัพย์ของ นางอโนทัย (ภรรยา) ทิ้งความน่าฉงนชวนให้ตั้งข้อกังขาดังนี้

แม้ตอนรับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สรรหา) เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2551 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และคู่สมรสมีหนี้สินเพียง 18,710.92 บาท เพิ่มเป็น 10,243,818.39 บาท เมื่อพ้นตำแหน่งวันที่ 18 เม.ย. 2554 และลดลงเหลือ 3,703,939.97 บาท เมื่อพ้นตำแหน่ง 1 ปี วันที่ 17 เม.ย. 2555 และแม้ในช่วงเวลา 4 ปีที่รับตำแหน่ง-พ้นตำแหน่ง เฉพาะนายเรืองไกรมีทรัพย์สินลดลง 9,833,139 บาท และในช่วงเวลา 5 ปีที่รับตำแหน่ง-พ้นตำแหน่งครบ 1 ปีเมื่อ 17 เม.ย. 2555 นายเรืองไกรมีทรัพย์สินลดลง 10,587,497.57 บาท

แต่ทว่าในห้วงเวลา 4 ปี นายเรืองไกรและคู่สมรส ทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเพิ่มขึ้น 34,034,133.53 บาท และในห้วงเวลา 5 ปี ทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเพิ่มขึ้น 47,815,182.29 บาท
ที่สนใจก็คือ ทรัพย์สินนางอโนทัย ภรรยาของนายเรือ
งไกร ในช่วง 4 ปี เพิ่มขึ้น 50,822,197.62 บาท และในช่วง 5 ปี เพิ่มขึ้น 58,679,028.23 บาท

จากการตรวจสอบเปรียบเทียบทรัพย์สินพบว่า รายการทรัพย์สินของนายเรืองไกรที่ลดลง คือ เงินฝาก รายการทรัพย์สินของนางอโนทัยที่เพิ่มขึ้น คือ เงินลงทุน และที่ดิน

เงินลงทุน ตอนรับตำแหน่ง นายเรืองไกรมี 1 รายการ คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 2 ล้านบาท คู่สมรสมีเงินลงทุน 5 รายการ ได้แก่ 1. พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 19 ล้านบาท 2. หุ้นกู้บริษัท ดีวีดี เอสพีวี 5 ล้านบาท 3. กองทุนเปิดบังหลวงหุ้นระยะยาว 448,123.87 บาท 4. กองทุนเปิดบัวหลวงระยะยาว 75/25 มูลค่า 302,089.30 บาท 5. เงินลงทุนห้างหุ้นส่วนสามัญ ไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์โฮลดิ้งส์ 6,400,000 บาท

ตอนพ้นตำแหน่ง เรืองไกร มีเงินลงทุน 3 รายการ 1. หุ้นกู้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 20,000 หุ้น มูลค่า 20 ล้านบาท 2. พันธบัตร ธปท. มูลค่า 2 ล้านบาท 3. พันธบัตรไทยเข้มแข็ง 1 ล้านบาท

นางอโนทัย มีเงินลงทุน 9 รายการ ได้แก่ 1. พันธบัตร ธปท.18 ล้านบาท 2. พันธบัตรไทยเข้มแข็ง 1 ล้านบาท 3. หุ้นกู้ ปตท.เคมิคอล 3,000 หุ้น มูลค่า 3 ล้านบาท 4. หุ้นกู้ ดีเอดี เอสพีวี 5,000 หุ้น มูลค่า 5 ล้านบาท 5. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว มูลค่า 607,744.73 บาท 6. กองทุนเปิดบัวหลวงระยะยาว 75/25 มูลค่า 1,558,914.58 บาท 7. กองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ 3/11 มูลค่า 5,003,950 บาท 8. กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี มูลค่า 2,810.31 บาท 9. เงินลงทุนห้างหุ้นส่วนสามัญ ไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์โฮลดิ้งส์ 7,200,000 บาท ขณะที่บุตรมีเงินลงทุนพันธบัตรไทยเข้มแข็ง 2 ล้านบาท

ตอนพ้นตำแหน่ง ครบ 1 ปี นายเรืองไกรมีเงินลงทุน 2 รายการ 1. หุ้นกู้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 20,000 หุ้น มูลค่า 20 ล้านบาท 2. พันธบัตร ไทยเข้มแข็ง มูลค่า 1 ล้านบาท

นางอโนทัย มีเงินลงทุน 8 รายการ 1. พันธบัตร ธปท.8 ล้านบาท 2. พันธบัตรไทยเข้มแข็ง 1 ล้านบาท3. หุ้นกู้ พีทีที โกลบอล 3,000 หุ้น มูลค่า 3 ล้านบาท 4. หุ้นกู้ ดีเอดี เอสพีวี 5,000 หุ้น มูลค่า 5 ล้านบาท 5. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว มูลค่า 1,222,777.51 บาท 6. กองทุนเปิดบัวหลวงระยะยาว 75/25 มูลค่า 839,028.49 บาท 7. กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี มูลค่า 2,875.18 บาท 8. เงินลงทุนห้างหุ้นส่วนสามัญ ไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ส โฮลดิ้งส์ 7,200,000 บาท ขณะที่บุตรมีเงินลงทุนพันธบัตรไทยเข้มแข็ง 2 ล้านบาท

รายการที่ดิน ตอนรับตำแหน่งนายเรืองไกรมีที่ดิน 10 แปลง (ถือกรรมสิทธิ์ร่วม 3 คน) เนื้อที่ รวม 27-1-76 ไร่ อยู่ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ คู่สมรส 4 แปลง เนื้อที่ 1-3-91 ไร่ และถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันกับคู่สมรส 1 แปลง เนื้อที่ 1-1-33 ไร่

ตอนพ้นตำแหน่ง นายเรืองไกรมีที่ดิน 10 แปลง (ถือกรรมสิทธิ์ร่วม 3 คน) เนื้อที่ รวม 27-1-76 ไร่ อยู่ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ คู่สมรส 4 แปลง เนื้อที่ 3-1-99 ไร่ และไม่เปลี่ยนแปลงตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปีนอกจากนี้ นางอโนทัยยังปลูกบ้านใหม่ ราคา 17 ล้านบาท (นางอโนทัยเป็นหุ้นส่วนบริษัท ไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด).

ด้านนายเรืองไกร กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของนายสาธิตที่จะยื่นและขอให้รีบยื่นต่อ ป.ป.ช. ซึ่งการยื่นเรื่องกล่าวหาใครจะต้องมีมูลพิสูจน์ได้หากไม่มีมูลระวังอาจเป็นการกล่าวหาเท็จ อาจเข้าข่ายมีความผิดทางอาญาได้ ก็ต้องขอบคุณนายสาธิต ที่จะยื่นเพราะตนก็เตรียมเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.หลายคน ที่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ไว้ โดยเฉพาะนายสาธิต พบว่ามีความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน เพราะมีที่ดินงอกขึ้นมา 40 ไร่ ไม่มีที่มาที่ไป รวมทั้งทรัพย์สินที่แจ้งในนามของภรรยานายสาธิตด้วย ซึ่งเท่าที่ดูก็พอมีมูล

อย่างไรก็ตาม ในส่วนทรัพย์สินของตนที่ผ่านมาหลังจากที่มีการกล่าวหาทางหน้าสื่อว่าตนร่ำรวยผิดปกติเงินเพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท ตนก็ได้ยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบตัวเอง เมื่อปี 2552 ซึ่งสุดท้ายทาง ป.ป.ช.ได้รับรองว่าไม่มีปัญหาดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น