สำรวจทรัพย์จอมแฉ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” น่าฉงน 5 ปีนับจากนั่งเก้าอี้ ส.ว.สรรหาจนลง 10 ล้าน ขณะที่ภรรยารวยอื้อซ่าเกือบ 60 ล้าน ตุนพันธบัตร หุ้น 35 ล้าน ปลูกบ้านใหม่ 17 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศรา ได้เปรียบเทียบทรัพย์สินของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ว.สรรหา กับทรัพย์ของ นางอโนทัย (ภรรยา) ทิ้งความน่าฉงนชวนให้ตั้งข้อกังขาดังนี้
แม้ตอนรับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สรรหา) เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2551 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และคู่สมรสมีหนี้สินเพียง 18,710.92 บาท เพิ่มเป็น 10,243,818.39 บาท เมื่อพ้นตำแหน่งวันที่ 18 เม.ย. 2554 และลดลงเหลือ 3,703,939.97 บาท เมื่อพ้นตำแหน่ง 1 ปี วันที่ 17 เม.ย. 2555
และแม้ในช่วงเวลา 4 ปีที่รับตำแหน่ง-พ้นตำแหน่ง เฉพาะนายเรืองไกรมีทรัพย์สินลดลง 9,833,139 บาท และในช่วงเวลา 5 ปีที่รับตำแหน่ง-พ้นตำแหน่งครบ 1 ปีเมื่อ 17 เม.ย. 2555 นายเรืองไกรมีทรัพย์สินลดลง 10,587,497.57 บาท
แต่ทว่าในห้วงเวลา 4 ปี นายเรืองไกรและคู่สมรส ทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเพิ่มขึ้น 34,034,133.53 บาท และในห้วงเวลา 5 ปี ทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเพิ่มขึ้น 47,815,182.29 บาท
ที่สนใจก็คือ ทรัพย์สินนางอโนทัย ภรรยาของนายเรืองไกร ในช่วง 4 ปี เพิ่มขึ้น 50,822,197.62 บาท และในช่วง 5 ปี เพิ่มขึ้น 58,679,028.23 บาท
จากการตรวจสอบเปรียบเทียบทรัพย์สินพบว่า รายการทรัพย์สินของนายเรืองไกรที่ลดลง คือ เงินฝาก รายการทรัพย์สินของนางอโนทัยที่เพิ่มขึ้น คือ เงินลงทุน และที่ดิน
เงินลงทุน ตอนรับตำแหน่ง นายเรืองไกรมี 1 รายการ คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 2 ล้านบาท คู่สมรสมีเงินลงทุน 5 รายการ ได้แก่
1. พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 19 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท ดีวีดี เอสพีวี 5 ล้านบาท
3. กองทุนเปิดบังหลวงหุ้นระยะยาว 448,123.87 บาท
4. กองทุนเปิดบัวหลวงระยะยาว 75/25 มูลค่า 302,089.30 บาท
5. เงินลงทุนห้างหุ้นส่วนสามัญ ไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์โฮลดิ้งส์ 6,400,000 บาท
ตอนพ้นตำแหน่ง เรืองไกร มีเงินลงทุน 3 รายการ
1. หุ้นกู้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 20,000 หุ้น มูลค่า 20 ล้านบาท 2. พันธบัตร ธปท. มูลค่า 2 ล้านบาท 3. พันธบัตรไทยเข้มแข็ง 1 ล้านบาท
นางอโนทัย มีเงินลงทุน 9 รายการ ได้แก่
1. พันธบัตร ธปท.18 ล้านบาท
2. พันธบัตรไทยเข้มแข็ง 1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ ปตท.เคมิคอล 3,000 หุ้น มูลค่า 3 ล้านบาท
4. หุ้นกู้ ดีเอดี เอสพีวี 5,000 หุ้น มูลค่า 5 ล้านบาท
5. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว มูลค่า 607,744.73 บาท
6. กองทุนเปิดบัวหลวงระยะยาว 75/25 มูลค่า 1,558,914.58 บาท
7. กองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ 3/11 มูลค่า 5,003,950 บาท
8. กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี มูลค่า 2,810.31 บาท
9. เงินลงทุนห้างหุ้นส่วนสามัญ ไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์โฮลดิ้งส์ 7,200,000 บาท
ขณะที่บุตรมีเงินลงทุนพันธบัตรไทยเข้มแข็ง 2 ล้านบาท
ตอนพ้นตำแหน่ง ครบ 1 ปี นายเรืองไกรมีเงินลงทุน 2 รายการ
1. หุ้นกู้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 20,000 หุ้น มูลค่า 20 ล้านบาท
2. พันธบัตร ไทยเข้มแข็ง มูลค่า 1 ล้านบาท
นางอโนทัย มีเงินลงทุน 8 รายการ
1. พันธบัตร ธปท.8 ล้านบาท
2. พันธบัตรไทยเข้มแข็ง 1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ พีทีที โกลบอล 3,000 หุ้น มูลค่า 3 ล้านบาท
4. หุ้นกู้ ดีเอดี เอสพีวี 5,000 หุ้น มูลค่า 5 ล้านบาท
5. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว มูลค่า 1,222,777.51 บาท
6. กองทุนเปิดบัวหลวงระยะยาว 75/25 มูลค่า 839,028.49 บาท
7. กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี มูลค่า 2,875.18 บาท
8. เงินลงทุนห้างหุ้นส่วนสามัญ ไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ส โฮลดิ้งส์ 7,200,000 บาท
ขณะที่บุตรมีเงินลงทุนพันธบัตรไทยเข้มแข็ง 2 ล้านบาท
รายการที่ดิน ตอนรับตำแหน่งนายเรืองไกรมีที่ดิน 10 แปลง (ถือกรรมสิทธิ์ร่วม 3 คน) เนื้อที่ รวม 27-1-76 ไร่ อยู่ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ คู่สมรส 4 แปลง เนื้อที่ 1-3-91 ไร่ และถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันกับคู่สมรส 1 แปลง เนื้อที่ 1-1-33 ไร่
ตอนพ้นตำแหน่ง นายเรืองไกรมีที่ดิน 10 แปลง (ถือกรรมสิทธิ์ร่วม 3 คน) เนื้อที่ รวม 27-1-76 ไร่ อยู่ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ คู่สมรส 4 แปลง เนื้อที่ 3-1-99 ไร่ และไม่เปลี่ยนแปลงตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี
นอกจากนี้ นางอโนทัยยังปลูกบ้านใหม่ ราคา 17 ล้านบาท (นางอโนทัยเป็นหุ้นส่วนบริษัท ไพร์ซวอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด)
สรุปว่า นายเรืองไกรจนลง แต่เงินไปโป่งที่ภรรยาแทน!?