"นพดล" แจงแทน "แม้ว" ปัดเพื่อไทย จ้องแก้ ม.68 - ม.165 แสดงความเห็นไม่ได้ดิสเครดิตศาล รธน. อ้างเห็นตรงกับนักวิชาการ-นักกฎหมาย "ยะใส" แนะจับตา "แม้ว" พลิกเกม สั่งสภาฯ ลักไก่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 3 วาระรวด ทิ้งเรื่องแก้ไข รธน. เพราะอุปสรรคเยอะ ด้าน ปชป.ท้าถอน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง หากคิดว่า "มาร์ค" จะได้ประโยชน์
วานนี้ (22 ก.ค.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ส่งอีเมล มายังผู้สื่อข่าว ชี้แจงกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โจมตีการให้สัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าใส่ร้าย ดิสเครดิตศาลรัฐธรรมนูญ เพราะคำตัดสินไม่ตรงใจ พร้อมทั้งอ้างว่าพรรคเพื่อไทย จะแก้มาตรา 68 และมาตรา165 เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นผิดว่าการที่
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อสิงคโปร์ เป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะคนที่ห่วงใยประเทศ ซึ่งความคิดเห็นของพ.ต.ท.ทักษิณ สอดคล้องกับนักกฎหมายชั้นนำ นักวิชาการ นักการเมือง และประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่เห็นว่าการยื่นคำร้องตาม มาตรา 68 นั้นต้องยื่นต่ออัยการสูงสุดก่อน จะยื่นตรงต่อศาลไม่ได้ และศาลไม่ควรมีอำนาจแทรกแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะขัดกับหลักการแบ่งแยกอำนาจ
ดังนั้น การที่ศาลใช้อำนาจที่ตนเองไม่มี จึงถือเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญโดยตรง เสมือนเป็นการเขียนกฎหมายขึ้นใหม่โดยศาล ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักนิติรัฐ นิติธรรม
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดแสดงความคิดเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ เหมือนนักกฎหมาย นักวิชาการทั่วๆไป หลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13 ก.ค. ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความจำเป็นที่จะไปใส่ร้าย และดิสเครดิตศาลรัฐธรรมนูญ แต่อย่างใด
นายนดล กล่าวอีกว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 165 พรรคยังไม่มีข้อสรุป นายเทพไทไม่ควรจะสู่รู้ คาดการณ์ไปต่างๆ นานา เพราะรังแต่จะสร้างความสับสนในสังคม และหากพรรคเพื่อไทยมีข้อสรุปเป็นอย่างใดแล้วโฆษกพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้แถลงเอง คงไม่ใช่นายเทพไท อดีตโฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ เป็นผู้แถลง
** คุยประชามติชนะได้ ไม่ต้องแก้ม.165
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาพรรคเพื่อไทย จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 165 เรื่องการทำประชามติ ว่า เป็นเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคฯไม่เคยหารือเรื่องนี้ แต่จะหารือหลังทราบคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
ทั้งนี้ พรรคไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขมาตรา 165 เพราะไม่มีประโยชน์อะไรในการไปลดสัดส่วนคะแนนการทำประชามติ จนถูกนำไปร้องเรียนว่า เป็นการแก้ไขเพื่อตัวเอง จึงไม่สมควรแก้ไขมาตราดังกล่าว แม้จะต้องใช้คะแนนเสียงจำนวนมาก แต่มั่นใจว่าหากมีการรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญ อย่างจริงจังก็จะได้คะแนนเสียงตามที่กฎหมายกำหนดไว้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้แนวโน้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะเหลืออยู่ 2 ทางคือ 1. การทำประชามติก่อนโหวตลงมติ วาระ 3 และ 2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นรายมาตรา ส่วนการเดินหน้าโหวตลงมติวาระ 3 นั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะจะถูกฝ่ายตรงข้ามไปยื่นร้องเรียนว่า มีการกระทำล้มล้างระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อีกครั้ง อีกทั้ง ส.ส.และ ส.ว.คงไม่ร่วมโหวตลงมติในวาระ 3 ด้วย เพราะเกรงว่าจะถูกร้องเรียน เอาผิดทางกฎหมาย
** อ้างแก้ม.309 เพื่อปชต.ไม่ใช่เพื่อ"แม้ว"
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหา พรรคเพื่อไทย จะแก้ไขมาตรา 309 เพื่อช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นการจินตนาการไปเอง อยากให้ประชาชนเห็นธาตุแท้ นายอภิสิทธิ์ ที่ไปสนับสนุน มาตรา 309 ที่รับรองการกระทำการรัฐประหาร ปากอ้างรักประชาธิปไตย แต่หัวใจปกป้องเผด็จการ หากจะมีการแก้ไข ก็เพื่อให้มีความเป็นนิติรัฐมากขึ้น ทำให้อำนาจประชาชนมีจริงเต็มร้อย การแก้ไขมาตรา 309 ไม่ใช่เพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย ไม่มีร่างเงาทหารมาปรากฏในรัฐธรรมนูญ
** จับตาดันพ.ร.บ.ปรองดอง 3 วาระรวด
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะปรับแผนสั่งให้สภาฯ ลักไก่เอาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ขึ้นมาพิจารณาก่อน ในระหว่างรอความชัดเจนถึงแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร เพราะหากจะรอแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ เพื่อเป็นใบเบิกทางในการกลับประเทศนั้น ต้องใช้เวลายาวนาน เพราะกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถรวบรัดมัดมือชกด้วยเสียงข้างมากแบบเดิม ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง มีเป้าหมายปลายทางเดียวกันคือ การลบล้างความผิดและนิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญติดขัด และไม่มีความแน่นอนอีกต่อไป ก็อาจจำเป็นต้องหันมาผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแทน
วันนี้พรรคเพื่อไทยจึงเลือกปล่อยข่าวแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญสารพัดแนวทางเพื่อลวงความสนใจของประชาชน แต่ลึกๆ แล้ว เตรียมการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง แบบ 3 วาระรวด อีกครั้งหนึ่ง เหมือนช่วงสมัยประชุมสภาฯที่แล้ว เพียงแต่ครั้งนั้นประเมินกำลังฝ่ายตรงข้ามต่ำไป
ส่วน ข้อเสนอของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ที่เคยเสนอต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ให้เลื่อน พ.ร.บ.ปรองดอง ออกไป 3-6 เดือนนั้น เพราะไม่คิดว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสะดุดหรืออาจต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดแบบที่เป็นอยู่ ในขณะที่สภาฯก็กำลังจะเปิดสมัยประชุมสามัญในวันที่ 1 ส.ค.นี้แล้ว แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังไม่ละทิ้งความพยายามล้างผิด พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่ต้องปรับแผนไปตามสถานการณ์เท่านั้น
" ต้องไม่ลืมว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ความสำคัญกับ ร่าง พ.ร.บ.ปรอบดอง ล้างผิดให้ตัวเองมากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลา และยิ่งเนิ่นนานออกไปประชาชนยิ่งรู้ทันว่าการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นไปเพื่อคนคนเดียว จึงทำให้มีแรงต่อต้านมากขึ้นกว่าเดิม"
ดังนั้นสังคมจึงต้องช่วยกันจับตาการประชุมสภาฯ ที่จะเริ่มในไม่กี่วันนี้ ซึ่งอาจมีการลักไก่เอา ร่าง พ.ร.บ. ปรองดองมาพิจารณา เป็นวาระแรกๆของสมัยประชุมนี้ก็ได้
**อัดรัฐบาลลับ ลวง พราง แก้รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ฝ่ายรัฐบาลกำลังพลิกแพลงใช้วิธีการ ลับ ลวง พราง เพื่อให้สังคมตายใจ และจะฉวยโอกาสผลักดัน เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ปรองดองให้สำเร็จตามที่นายใหญ่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.ร.บ.ปรองดอง มีการเสนอแนวความคิดเปิดเวทีประชาเสวนาขึ้นมาใน 8 เวที ใน 8 กลุ่มจังหวัด ซึ่งเป็นวิธีการจัดฉากสร้างภาพซื้อเวลาออกไป ตรงกับยุทธศาสตร์ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ที่พูดไว้ในคลิปลับว่า ให้ถอน พ.ร.บ.ออกไปสัก 3 เดือน 6 เดือน แล้วไปจัดเวทีสานเสวนา ใช้ชื่อของรัฐเป็นกระบอกเสียง โฆษณาชวนเชื่อกับประชาชน แล้วค่อยกลับเข้ามาพิจารณาใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะถอน พ.ร.บ.ปรองดอง ออกไปอย่างจริงจัง เป็นแค่กลลวง เพื่อจะฉวยโอกาสนำกลับคืนเข้ามาใหม่
" การจัดเวทีประชาเสวนาเพื่อสร้างความปรองดอง เป็นแค่รูปแบบที่รัฐบาลต้องการสร้างขึ้นมา ให้ครบองค์ประกอบตามคำแนะนำของสถาบันพระปกเกล้า เพื่อจะเป็นข้ออ้างกับสังคมว่า รัฐบาลได้รับฟังความคิดเห็นครบถ้วนทุกกระบวนการแล้ว ทั้งที่การจัดทำเป็นเพียงจัดในพื้นที่บางแห่ง และใช้กลไกของรัฐ เช่น กรมการพัฒนาชุมชนเป็นฝ่ายเลขานุการ เข้าไปครอบงำแนวความคิดของประชาชน เพื่อหาข้อสรุปมาเป็นคำตอบกับสังคมที่ต่อต้าน พ.ร.บ.ปรองดอง"
** ท้ารัฐบาลลงมติแก้รธน.วาระ3
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ก็ยังมีความสับสนในพรรคเพื่อไทย และฝ่ายรัฐบาล อยากจะให้พรรคเพื่อไทย ฟันธงออกมาว่าจะเอาอย่างไร กับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 หากต้องการความชัดเจนเพื่อให้เดินหน้าไปตามที่นายใหญ่ต้องการ ก็ควรที่จะผลักดันให้มีการลงมติใน วาระ3 ในช่วงเผปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไปทันที เพื่อจะให้ได้รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากลงมติวาระ3 ไปแล้ว บ้านเมืองก็จะไม่อึมครึม ถกเถียงพูกกันไปมาไม่เป็นประโยชน์กับสังคม ถ้าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลมั่นใจว่า การลงมติวาระ 3 ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ก็สนับสนุนให้ลงมติเลย แต่อะไรจะเกิดขึ้นตามมา พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบในผลการกระทำของตนเองด้วย ไม่ควรจะมาโอดครวญว่าถูกกลั่นแกล้ง หรือจ้องจับผิด หรือ สองมาตรฐานอีกต่อไป
**ปชป.ท้าถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดอง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินทางไปเชียงใหม่ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปตย์ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมาแต่ถูกคนเสื้อแดงตามต่อต้าน ว่า การลงพื้นที่ของนายอภิสิทธิ์ เป็นการไปทำงานเพื่อประชาชน โดยเฉพาะการติดตามความคืบหน้าในการจัดการโฉนดชุมชน ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ วางนโยบายไว้ เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้ประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง จึงทำให้คนที่สนับสนุน และรัฐบาลไม่พอใจ เกรงว่าพรรคจะได้คะแนนนิยมสูงขึ้น จึงขัดขวางนายอภิสิทธิ์ ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ที่สนามบินเชียงใหม่ จนถึงพื้นที่จัดงาน ตามไปขวางถนน และชุมนุมหน้าโรงแรมที่มีการจัดสัมนาด้วย
" สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับรัฐบาลคือ ปล่อยให้คนที่สนับสนุนตัวเองใช้กำลังประทุษร้ายให้คนที่สนับสนุนรัฐบาลทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน โดยที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ดำเนินการ เอารถจอดขวางทั้งหน้า และหลังเพื่อบล็อก ปาก้อนหินใส่รถนายอภิสิทธิ์ โชคดีกระจกไม่แตก ทำแบบนี้อย่าคิดว่าพวกเราจะกลัว และเราจะไปให้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงเข้ม และมีคนสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เป็นจำนวนมาก ถ้ารัฐบาลยังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีใครยอมรับได้ ไม่มีใครยอมเป็นเบี้ยล่าง เป็นประชาชนชั้นสอง อยู่ภายใต้การข่มขู่ของอันธพาลกวนเมือง ซึ่งเป็นส่วนน้อยของคนเสื้อแดงที่พยายามสร้างราคาให้ตัวเอง เป็นหน้าซ้ำ หน้าเดิมๆ ทั้งสิ้น"
นายชวนนท์ ยังได้กล่าวฝากไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์? ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ออกทีวีเชิญชวนประชาชนคนไทย เที่ยวทั่วไทย โดยภาพส่วนใหญ่ที่นำมาประกอบ ก็เป็นจ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ตนและประชาชนก็อยากไป แต่ถ้าไปแล้วเอาอันธพาลมาข่มขู่อย่างนี้ ไม่ต้องเสียเวลาทำโฆษณา เพราะการท่องเที่ยวไปไม่ถึงไหน ภาพการชุมนุมใช้ความรุนแรง ข่มขู่คนอื่นถูกส่งออกไปยังสื่อต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำลายการท่องเที่ยว ยิ้มสวยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ช่วยอะไร ถ้ายังมีพฤติกรรมหน้าไหว้ หลังหลอกอยู่ ที่สำคัญคือคนของพรรคเพื่อไทยพยายามบอกว่า นายอภิสิทธิ์ ต้องยอมรับสภาพ เพราะประชาชนยังมีอารมณ์โกรธ ในเรื่องการสั่งปราบประชาชนจากการกระชับพื้นที่
" ถ้าพวกท่านยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายประชาชน ทหาร เจ้าหน้าที่เสียชีวิต ผมท้าให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 4 ฉบับ ออกจากสภา เพราะจะทำให้นายอภิสิทธิ์ พ้นผิด แต่ถ้าไม่ถอน พ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับออก ก็ตั้งสมมติฐานว่า นายอภิสิทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายประชาชน คนทำร้าย สั่งฆ่า เอาประชาชนมาตายกลางถนนคือคนอยู่เบื้องหลัง รัฐบาลได้ประโยชน์ทั้งคดีอาญาได้รับทรัพย์สินคืนคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าไม่กล้าถอน พ.ร.บ.ปรองดองออกจากสภา อย่ามีหน้ามากล่าวหาว่าเป็นฆาตกร เพราะกล่าวหาแต่กลับจะออกกฎหมายล้างผิดให้ ทำไมไม่เดินหน้าพิสูจน์ความจริง" นายชวนนท์ กล่าว.