โฆษกปชป.ห่วงไทยหลงกลเขมรที่นัดถอนทหาร 18 ก.ค.นี้ แนะต้องคิดให้รอบคอบและมั่นใจไร้ทหารเขมร ก่อนถอนทหารบริเวณเขาพระวิหาร สงสัย "ฮุนเซน" ยอมง่ายผิดปกติ แลกเปลี่ยนไทยสนับสนุนเป็นเจ้าภาพกรรมการมรดกโลก กุมอำนาจบรรจุวาระการประชุมหรือไม่ ชี้ไม่สู้เพื่อรักษาประโยชน์ชาติ เหตุมีวาระซ่อนเร้นสนองประโยชน์ส่วนตนของคนที่อยู่เบื้องหลัง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากเดินทางไปเยือนกัมพูชาที่มีการลงนามถอนทหารบริเวณชายเดนเขาพระวิหาร ว่า จะต้องแน่ใจว่ากัมพูชามีการถอนทหารจริง โดยการถอนทหารนั้น กัมพูชาจะต้องถอนออกจากบริเวณสันปันน้ำทั้งหมด หมายความว่า จะต้องไม่มีทหารกัมพูชาแม้แต่คนเดียว ในบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว การถอนทหารของกัมพูชา เป็นเพียงการเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นพลเรือนเท่านั้น แต่ยังมีการพกพาอาวุธตามปกติ จึงไม่อยากให้หลงกลกัมพูชา
นายชวนนท์ ยังแสดงความประหลาดใจ ที่ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยอมถอนทหารออกจากพื้นที่ และเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปกัมพูชา แต่น่าจะเป็นเพราะไทยปล่อยให้เหตุผลรองรับ คือ การที่ไทยยอมปล่อยให้กัมพูชา เป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปีหน้า แต่เพียงผู้เดียว โดยรัฐบาลยอมซูเอี๋ยกับกัมพูชา ด้วยการยอมเป็นรองประธานคณะกรรมการมรดกโลก ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ที่มีกัมพูชาเป็นประธาน ทั้งที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ต่อสู้เรื่องนี้มาเกือบ 3 ปี แต่รัฐบาลชุดนี้ ทำลายเกียรติภูมิของชาติทั้งหมด โดยไม่พยายามรักษาผลประโยชน์ประเทศ เพราะต่อจากนี้ ไทยจะคัดค้านไม่ได้แล้ว รวมทั้งไม่มีโอกาสเป็นเจ้าภาพอีก เนื่องจากในปีหน้าประเทศไทย จะเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกเป็นปีสุดท้าย ซึ่งตนมีความเป็นห่วงว่า เมื่อกัมพูชาได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก จะทำให้บรรจุวาระการประชุมได้ และอาจส่งผลต่อการตัดสินของศาลโลกในกลางปีหน้าด้วย
ทั้งนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าวิตกว่า จะฝากให้รัฐบาลนี้รักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองได้หรือไม่ เนื่องจากเรื่องนี้ อาจมีการแลกเปลี่ยนผละประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง
** "สุกำพล"นัดเจรจาถอนทหาร18 ก.ค.นี้
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวทางการปรับกำลังทหาร บริเวณเขาพระวิหาร ว่า เป็นการทำตามมติศาลโลกครบ 1 ปี ที่มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวออกมา ดังนั้นในวันที่ 18 ก.ค.นี้ ทั้งไทยและกัมพูชาจะปรับกำลังทหารพร้อมกัน โดย พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา จะเดินทางไปที่เขาพระวิหาร เพื่อทำพิธีถอนทหาร 400 กว่านายออก แล้วนำตำรวจกว่า 300 นาย รวมทั้งตำรวจท่องเที่ยว เข้าไปทำหน้าที่แทน ส่วนตนจะเดินทางไปจ.ศรีสะเกษ เพื่อเข้าไปในพื้นที่เขาพระวิหาร ฝั่งของไทย และทำพิธีพร้อมกัน แต่ยังไม่ได้หารือกันว่า จะไปเจอกันตรงกลางหรือไม่ ขณะนี้กำลังประสานอยู่
ส่วนการปรับกำลังจะมีครั้งเดียว หรือจะมีขึ้นอีกหรือไม่นั้น รมว.กลาโหม กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ทั้งหลาย อย่าลืมว่าเป้าหมายคือต้องปฏิบัติตามคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก ทางไทยและกัมพูชาก็ปฏิบัติตาม หลักการคือเราทำให้เหมือนกันและพร้อมกัน ไม่มีใครเอาเปรียบกัน โดยจะปรับใช้กำลังจากทหาร เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนแทน
เมื่อถามต่อว่า หากศาลโลกมีมติให้ทั้งสองประเทศ ถอนทหารให้พื้นที่เขาพระวิหารเป็นเขตปลอดทหารทั้งหมด พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ก็ต้องทำ เพราะเป็นคำสั่งศาล เมื่อถามอีกว่า กังวลหรือไม่ว่าประวัติศาสตร์จะจารึกว่าในยุคของ พล.อ.อ.สุกำพล เป็น รมว.กลาโหม ไทยต้องถอนทหาร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ถามว่าเป้าหมายใหญ่คืออะไร ไม่ใช่เรื่องของศักดิ์ศรี ก็เหมือนกับเวลาเจ้านายสั่งให้ทำ ลูกน้องจะไม่ทำได้อย่างไร มันไม่ได้เกี่ยวว่าถอนทหารแล้วเสียอย่างไร มองต้องมองให้ลึก ถ้ามองอย่างนี้ก็เหมือนหาเรื่อง พื้นฐานของทหารเป็นอย่างไรต้องมองให้ดี แต่เราคุยกับใครต้องทำอย่างไร ต้องรู้เขารู้เรา
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากเดินทางไปเยือนกัมพูชาที่มีการลงนามถอนทหารบริเวณชายเดนเขาพระวิหาร ว่า จะต้องแน่ใจว่ากัมพูชามีการถอนทหารจริง โดยการถอนทหารนั้น กัมพูชาจะต้องถอนออกจากบริเวณสันปันน้ำทั้งหมด หมายความว่า จะต้องไม่มีทหารกัมพูชาแม้แต่คนเดียว ในบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว การถอนทหารของกัมพูชา เป็นเพียงการเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นพลเรือนเท่านั้น แต่ยังมีการพกพาอาวุธตามปกติ จึงไม่อยากให้หลงกลกัมพูชา
นายชวนนท์ ยังแสดงความประหลาดใจ ที่ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยอมถอนทหารออกจากพื้นที่ และเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปกัมพูชา แต่น่าจะเป็นเพราะไทยปล่อยให้เหตุผลรองรับ คือ การที่ไทยยอมปล่อยให้กัมพูชา เป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปีหน้า แต่เพียงผู้เดียว โดยรัฐบาลยอมซูเอี๋ยกับกัมพูชา ด้วยการยอมเป็นรองประธานคณะกรรมการมรดกโลก ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ที่มีกัมพูชาเป็นประธาน ทั้งที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ต่อสู้เรื่องนี้มาเกือบ 3 ปี แต่รัฐบาลชุดนี้ ทำลายเกียรติภูมิของชาติทั้งหมด โดยไม่พยายามรักษาผลประโยชน์ประเทศ เพราะต่อจากนี้ ไทยจะคัดค้านไม่ได้แล้ว รวมทั้งไม่มีโอกาสเป็นเจ้าภาพอีก เนื่องจากในปีหน้าประเทศไทย จะเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกเป็นปีสุดท้าย ซึ่งตนมีความเป็นห่วงว่า เมื่อกัมพูชาได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก จะทำให้บรรจุวาระการประชุมได้ และอาจส่งผลต่อการตัดสินของศาลโลกในกลางปีหน้าด้วย
ทั้งนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าวิตกว่า จะฝากให้รัฐบาลนี้รักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองได้หรือไม่ เนื่องจากเรื่องนี้ อาจมีการแลกเปลี่ยนผละประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง
** "สุกำพล"นัดเจรจาถอนทหาร18 ก.ค.นี้
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวทางการปรับกำลังทหาร บริเวณเขาพระวิหาร ว่า เป็นการทำตามมติศาลโลกครบ 1 ปี ที่มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวออกมา ดังนั้นในวันที่ 18 ก.ค.นี้ ทั้งไทยและกัมพูชาจะปรับกำลังทหารพร้อมกัน โดย พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา จะเดินทางไปที่เขาพระวิหาร เพื่อทำพิธีถอนทหาร 400 กว่านายออก แล้วนำตำรวจกว่า 300 นาย รวมทั้งตำรวจท่องเที่ยว เข้าไปทำหน้าที่แทน ส่วนตนจะเดินทางไปจ.ศรีสะเกษ เพื่อเข้าไปในพื้นที่เขาพระวิหาร ฝั่งของไทย และทำพิธีพร้อมกัน แต่ยังไม่ได้หารือกันว่า จะไปเจอกันตรงกลางหรือไม่ ขณะนี้กำลังประสานอยู่
ส่วนการปรับกำลังจะมีครั้งเดียว หรือจะมีขึ้นอีกหรือไม่นั้น รมว.กลาโหม กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ทั้งหลาย อย่าลืมว่าเป้าหมายคือต้องปฏิบัติตามคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก ทางไทยและกัมพูชาก็ปฏิบัติตาม หลักการคือเราทำให้เหมือนกันและพร้อมกัน ไม่มีใครเอาเปรียบกัน โดยจะปรับใช้กำลังจากทหาร เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนแทน
เมื่อถามต่อว่า หากศาลโลกมีมติให้ทั้งสองประเทศ ถอนทหารให้พื้นที่เขาพระวิหารเป็นเขตปลอดทหารทั้งหมด พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ก็ต้องทำ เพราะเป็นคำสั่งศาล เมื่อถามอีกว่า กังวลหรือไม่ว่าประวัติศาสตร์จะจารึกว่าในยุคของ พล.อ.อ.สุกำพล เป็น รมว.กลาโหม ไทยต้องถอนทหาร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ถามว่าเป้าหมายใหญ่คืออะไร ไม่ใช่เรื่องของศักดิ์ศรี ก็เหมือนกับเวลาเจ้านายสั่งให้ทำ ลูกน้องจะไม่ทำได้อย่างไร มันไม่ได้เกี่ยวว่าถอนทหารแล้วเสียอย่างไร มองต้องมองให้ลึก ถ้ามองอย่างนี้ก็เหมือนหาเรื่อง พื้นฐานของทหารเป็นอย่างไรต้องมองให้ดี แต่เราคุยกับใครต้องทำอย่างไร ต้องรู้เขารู้เรา