รมว.กลาโหมโต้รัฐบาลไม่โง่ไปคุยเขมรแลกประโยชน์ทางทะเล สวนอย่าโยงปมเขมรผูกกับการค้า พร้อมถกปรับลดกำลังทหารไทย-เขมร เผยเขมรปัดยิงเครื่องบินไทย รับหาหลักฐานยิงยาก ด้าน ”ประยุทธ์” ยังไม่แน่ใจเขมรยิง-ไม่ยิง จี้เขมรขอโทษถ้ายิงจริง ยันจีที 200 ยังใช้งานได้ ชี้ถ้าไม่มีอะไรมาแทนก็ต้องใช้ โยนรัฐบาลตัดสินฟ้องผู้จำหน่าย
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวก่อนเดินทางพร้อมกับ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เสนาธิการทหาร และตัวแทนจากกองทัพภาคที่ 2 ไปกัมพูชาว่า คณะของตนเดินทางไปสมทบกับคณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีโปรแกรมชัดเจนว่าจะคุยกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมของกัมพูชาหรือไม่ เพราะไม่ได้นัดหมายกัน
ทั้งนี้ ตนไปกับคณะของนายกรัฐมนตรีที่จะไปร่วมสนทนากับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งหากเจรจาพูดคุยกันเรื่องการปรับกำลังที่เขาพระวิหาร ตนก็ร่วมพูดคุยกันด้วย ส่วนความชัดเจนว่าจะปรับเมื่อใดนั้นยังบอกไม่ได้ ต้องรอกลับมาก่อน แต่ภาพรวมคือจะทำพร้อมๆ กัน เวลาใกล้เคียงกัน ส่วนความพร้อมในการนำกำลังของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้าไปทดแทนนั้น ถ้าคุยออกมาเป็นอย่างไรทางกองทัพคงเตรียมความพร้อมไว้แล้ว
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านมองว่า มีนัยยะเรื่องการนำผลประโยชน์ทางธุรกิจพลังงานในทะเลมาแลกเปลี่ยน พล.อ.อ.สุกำพล ย้อนว่า ต้องถามว่านัยยะที่ถามคืออะไร อยากถามกลับว่าจะเกี่ยวข้องกับการปรับกำลังทหารอย่างไร เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยในเรื่องการลงทุน การค้า เป็นคนละเรื่อง อย่านำไปผูกกัน ขณะนี้ประเทศไทยมีแต่เรื่องแย่ๆ ขอให้พูดเรื่องดีๆ กันบ้าง รัฐบาลไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะนำเรื่องปรับกำลังไปผูกกับเรื่องการค้า ซึ่งไม่มีใครเขาทำกัน ให้คนที่ไม่ชอบรัฐบาลมองไป สื่ออย่าไปตาม ขอให้มองความเป็นจริง เราต้องเดินประเทศไปไกลๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป จะทำอะไรก็มีปัญหาตลอด ไม่มีอะไรราบรื่น
“การปรับกำลังเป็นเรื่องดี ทำไมไม่มองว่าตอนนี้คำพิพากษาชั่วคราวศาลโลกผ่านมาเกือบ 1 ปีแล้ว ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะมัวเจรจากันอยู่ การทำอย่างนี้เป็นสิ่งที่ดีทั้งสองฝ่าย อันนี้เป็นเรื่องจริง อย่าไปมองเรื่องการค้า การลงทุน การพลังงานมาเกี่ยวข้อง ถ้าลดกำลังก็ทำทั้งคู่ ไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบกัน ถึงเวลาคงต้องทำกัน” พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
ส่วนกรณีที่กระแสข่าวว่า ทหารกัมพูชาฝั่งตรงข้าม จ.สระแก้ว ได้ยิงขู่เครื่องบินโดยสารของไทยที่เตรียมจะบินไปลงที่ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ได้เช็คดูแล้ว ทราบว่าเป็นเครื่องเอทีอาร์ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งเป็นเครื่องใบพัด เมื่อเจอสภาพอากาศไม่ดีก็บินต่ำ ส่วนจะมีการยิงหรือไม่นั้น ไม่มีการยืนยัน ซึ่งตนได้สอบถามไปทางกัมพูชา เขาบอกว่าไม่ได้ยิง ก็เลยแค่นั้น และเครื่องบินของเราไม่ได้โดนอะไร สรุปคือ หาหลักฐานยาก เพราะเครื่องเราไม่โดนยิง ก็เงียบๆ ไว้ก่อน เมื่อเขาบอกไม่ได้ยิง เราก็ฟังไว้
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ที่หาดยาว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ขณะนี้เขากำลังประสานกันอยู่ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุอะไร มีการยิงจริงหรือไม่ อาจจะไม่ได้ยิงก็ได้ ต้องไปดูอีกที ซึ่งต้องมีการพูดคุยกัน โดยมีหลายช่องทาง อย่างแรก คือ ช่องทางผู้ช่วยทูตทหาร กระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาล ถ้าเขายิงจริงแล้วผิด เขาต้องขอโทษ แต่อาจไม่ได้เจตนา เครื่องบินโดยสารใครจะไปยิง แต่อาจมีการพูดคุยสื่อสารผิดพลาดหรือเปล่า ตนไม่แน่ใจ
ส่วนกรณีที่สำนักข่าวบีบีซีประเทศอังกฤษเปิดเผยว่า ผู้ผลิตอุปกรณ์ตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ถูกแจ้งข้อหาผลิตและขายอุปกรณ์เพื่อการฉ้อโกง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของทางโน้น ก็ต้องว่ากันไป อย่าเอาเรื่องเก่าและเรื่องใหม่มาปนกัน สมัยนั้นเป็นเครื่องมือเดียวที่ใช้งานได้อยู่ ตนยังยืนยันว่า มันยังใช้งานได้อยู่ ทุกเหล่าทัพยังใช้กันอยู่ แต่เมื่อทดสอบแล้วมันใช้ไม่ได้ก็ต้องไปหาอย่างอื่นมาให้ตนใช้ เมื่อวันนี้ไม่มีอะไรมาให้ใช้เลย กำลังพลไม่มีความปลอดภัย
ทั้งนี้ ตนไม่ได้มาแก้ตัวว่า เขาดีหรือไม่ ผิดก็คือผิด ไม่ดีก็ต้องไปทดสอบกัน แต่ที่ผ่านมากองทัพใช้เพราะมันได้ผล ไม่ทราบว่า ด้วยเหตุใด อาจจะเป็นความเชื่อมั่นก็ได้ บางอย่างอาจอยู่ที่ความเชื่อมั่น เพราะจีที 200 สามารถตรวจพบวัตถุระเบิด แต่ถ้าพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วไม่ได้ก็คือไม่ได้ เรื่องนี้ก็จบ แต่เราไม่ได้มีเจตนาไปซื้อของที่ใช้ไม่ได้มา อยากถามว่า ถ้าใช้ไม่ได้แล้วคุณจะซื้อไหม
เมื่อถามว่า กองทัพจะฟ้องร้องบริษัทจีที 200 ที่ขายให้กองทัพหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่รู้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องพูดคุยกัน ต้องดูว่า มีนโยบายอย่างไร