xs
xsm
sm
md
lg

ทุนสิงคโปร์-มาเลย์ฯลุยซื้อรร.ภูเก็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ทุนต่างชาติโยกเงินเข้าชอปอสังหาฯในเมืองท่องเที่ยว "ไนท์แฟรงค์"เผยดิวล่าสุด สิงคโปร์ มาเลเซีย ซื้อกิจการรีสอร์ตในภูเก็ต จับตาเศรษฐีตะวันออกกลางแห่ซื้อวิลลา รองรับการพักผ่อน ขณะที่DSIยอมรับ กม.เปิดช่องให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดิน ด้านเอเจนซี่ฯคาดอสังหาฯเปิดใหม่ปีนี้ มูลค่ากว่า2.6 แสนล้าน
นายณัฏฐา คหาปนะ ผู้อำนวยการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต จำกัด กล่าวว่าภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตว่า นักลงทุนในภูเก็ตที่ระงับโครงการต่างๆไว้ตั้งแต่ปี 2551 ขณะนี้เริ่มหยิบเอาโครงการนั้นขึ้นมาทำใหม่แล้ว เพื่อเติมเต็มความต้องการ(ดีมานด์)ของลูกค้าทั้งกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ ตลาดกลับมาดูคึกคักขึ้นอีกครั้ง และนอกจากจะมีผู้ซื้อจากตะวันออกกลางแล้ว ก็ยังมีนักลงทุนจากแอฟริกาใต้ที่หลั่งไหลกันมายังภูเก็ตเพื่อลงทุนในโครงการที่พักอาศัยด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงแรมหลายแห่งที่มีการเปลี่ยนมือกันเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่นนักลงทุนจากสิงคโปร์ในรูปบริษัทย่อยของ L.C. Development จากสิงคโปร์ก็เพิ่งจะซื้อกิจการ เอวาซอนภูเก็ต และ Bon Island Resort เดิมไปเมื่อไม่นานมานี้ หรือจะเป็น โมเวนพิค รีสอร์ท แอนด์ สปา กะรน บีช ที่ภูเก็ต ที่ทางคิงดอม โฮเทล อินเวสต์เม้นท์ ขายให้กับ ทีเอ โกลบอล บีเอชดี จากมาเลเซียไปในราคา 90.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ในช่วงเดือนพ.ย.ของปีนี้ เครือโรงแรม ACCOR Group สัญชาติฝรั่งเศสจะเปิดโรงแรมแห่งใหม่ที่หาดในทอนโดยใช้ชื่อว่า ACCOR's Pullman เป็นโรงแรมขนาด 277 ห้องพักและมีห้องบอลรูมขนาดใหญ่สำหรับแขก 250 ท่านจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับตลาด MICE และจะมีโรงแรมแห่งใหม่อีกแห่งหนึ่งก็คือ นิกกี้บีชโฮเต็ลแอนด์สปา ซึ่งจะเป็นที่หาดลายันใกล้กับย่านลากูน่าที่คึกคักด้วย” นาย ณัฎฐา กล่าว
***คาดทั้งปีอสังหาฯเปิดใหม่มูลค่า2.66แสนล.
ดร. โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด กล่าวว่า ในครึ่งแรกของปี 55 มีอสังหาฯเกิดใหม่ถึง 47,000 หน่วย รวมมูลค่า 124,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยถึง 45,000 หน่วยรวมมูลค่า 120,000 ล้านบาท แสดงว่าอสังหาฯประเภทอื่นยังเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด
ในจำนวนที่อยู่อาศัยเกิดใหม่ในปี พ.ศ.2555 นี้เป็นห้องชุดพักอาศัยถึง 75% รอบลงมาเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ อย่างละ 10% ที่เหลือเป็นบ้านแฝด ตึกแถวและที่ดินเปล่าจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัย ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ห้องชุดพักอาศัยเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะในปี พ.ศ.2554 ห้องชุดมีสัดส่วนประมาณ 60% ของที่อยู่อาศัย และในปี พ.ศ.2553 ห้องชุดมีสัดส่วนเพียง 50% เท่านั้น
สาเหตุที่ห้องชุดเกิดขึ้นมาก เนื่องจากในเขตรอบนอกในช่วงที่ผ่านมา เกิดที่อยู่อาศัยได้ยากตามผังเมือง และยังเกิดปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา จึงมีการพัฒนาไม่มากนักในไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2555 ยิ่งกว่านั้นการเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าใจกลางเมืองหลายสาย ทำให้เกิดความเป็นไปได้เป็นอย่างดีสำหรับการพัฒนาโครงการอาคารชุดริมทางรถไฟฟ้าในใจกลางเมือง
สำหรับราคาที่อยู่อาศัยในครึ่งแรกของปี เฉลี่ย 2.632 ล้านบาท ซึ่งถูกกว่าที่อยู่อาศัยในภูเก็ต สมุย พัทยา และหัวหิน ซึ่งมีบ้านพักตากอากาศอยู่เป็นจำนวนมาก ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงในปี 55 ก็เพราะการพัฒนาบ้านเดี่ยวราคาแพงเกิดขึ้นน้อยลง และการพัฒนาห้องชุดพักอาศัยราคาแพง ๆ ใจกลางเมืองก็มีการก่อสร้างไม่มากเช่นกัน ทั้งนี้มีบ้านเดี่ยวที่ราคาเกิน 20 ล้านบาทเปิดขายในครึ่งปีแรกเพียง 898 หน่วย ขณะที่เป็นห้องชุดราคาเกิน 20 ล้านบาทเพียง 129 หน่วยเท่านั้น แต่ห้องชุดราคา 1-2 ล้านบาทมีการพัฒนามากที่สุด ถึงประมาณ 18,000 หน่วยหรือเกินกว่า 40% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครึ่งแรกของปี 55 นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาห้องชุดราคาไม่เกิน 1,000,000 บาทถึง 4,476 หน่วย ห้องชุดกลุ่มนี้มีราคาเฉลี่ยเพียง 851,000 บาท จะเห็นได้ว่าโอกาสที่จะสร้างที่อยู่อาศัยประเภทอื่นนอกจากห้องชุดมีน้อยลงเรื่อย ๆ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 55 จะมีโครงการอสังหาฯเกิดใหม่ประมาณ 100,319 หน่วย โดยแยกเป็นที่อยู่อาศัยถึง 97,369 หน่วย ทั้งนี้จะเติบโตกว่าปี 54 อยู่ประมาณ 15% รวมมูลค่าอสังหาฯทั้งหมดประมาณ 266,254 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น