ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วานนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำลังเสร็จสิ้น และบรรดารัฐมนตรี เริ่มทยอยออกจากห้องประชุม ปรากฏว่า มีรถแท็กซี่สีชมพู สหกรณ์แท็กซี่ปทุมวัน หมายเลขทะเบียน ทย 9522 ได้ขับฝ่าด่านรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล ด้านสะพานอรทัย เข้ามายังพื้นที่ชั้นในทำเนียบรัฐบาล จนมาจอดที่หน้าตึกบัญชาการ 1 โดยที่คนขับไม่ยอมลงจากรถ และได้บีบแตรเสียงดังต่อเนื่อง พร้อมเบิ้ลเครื่องยนต์ ท่ามกลางข้าราชการ และผู้สื่อข่าวจำนวนมาก ที่มุงดูด้วยความโกลาหล จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำทีเข้าไปแจ้งว่า เป็นสื่อมวลชน ทำให้คนขับยอมลงจากรถ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจค้นรถ เพื่อหาวัตถุต้องสงสัยหรือเป็นอันตราย แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
ทั้งนี้ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่แท็กซี่คันดังกล่าว คือนายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 49 ปี ชาวกทม. ซึ่งตกเป็นข่าวบ่อยครั้ง ในการเดินทางไปร้องเรียนตามสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งที่รัฐสภา และที่ทำการพรรคการเมืองต่างๆ ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ไปจอดขวางทางเข้าพรรคประชาธิปัตย์ และที่ศาลรัฐธรรมนูญ ในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน โดยนายพงศ์พิชาญ ได้นำภาพข่าวที่ตัวเองขึ้นหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ มาแจกจ่าย และติดบนตัวรถมาด้วย
เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบถึงพฤติกรรมที่ผ่านมา จึงได้พยายามนำตัวไปสงบสติอารมณ์ ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนประชาชน แต่เมื่อนายพงศ์พิชาญ เห็นช่างภาพสื่อมวลชน เริ่มเข้ามาถ่ายภาพ จึงได้ร้องโวยวายขึ้นมาว่า ตนจะมาร้องเรียนที่ถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ไม่ยอมจ่ายเงินเยียวยาจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง โดยนายพงศ์พิชาญ อ้างว่า ตนได้รับผลกระทบ 2 เหตุการณ์ แต่ได้รับเงินเพียง 1 เหตุการณ์ อีกทั้งยังไม่ยอมจ่ายเงินค่าอาการบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น นายพงศ์พิชาญ ได้พยายามขัดขืนเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดการยื้อยุดชุดกระชากกัน โดยนายพงศ์พิชาญ พยายามตะโกนว่า “อย่าทำร้ายผม แขนผมบาดเจ็บ ผมมีใบรับรองแพทย์” พร้อมทำสีหน้าคล้ายจะร่ำไห้ ทำให้เจ้าหน้าที่ถอยห่างออกมา เพราะเกรงว่าจะนายพงศ์พิชาญ จะสร้างความวุ่นวายมากกว่านั้น
จากนั้นนายพงศ์พิชาญ ได้นำบัตรประจำตัว แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาแสดง และตะโกนว่า "ไอ้วีระ (นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช.) มันออกบัตรให้ผม เวลาจะใช้งาน ก็เรียก เสร็จศึกก็ฆ่าขุนพล มันหลอกคนเสื้อแดงด้วยกัน" นอกจากนี้นายพงศ์พิชาญ ยังได้นำธนบัตรในกระเป๋าตัวเอง จำนวนหลายพันบาทมาวางที่พื้น และโชว์สร้อยคอทองคำ น้ำหนักหลายบาท แล้วร้องให้เจ้าหน้าที่มานำสิ่งของเหล่านี้ไปเลย หากอยากจะกลั่นแกล้งกัน แต่หากใครหยิบไป ตนก็จะแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กลุ่มสื่อมวลชนเริ่มทยอยออกจากบริเวณดังกล่าว ทำให้นายพงศ์พิชาญ เลิกโวยวาย และยินยอมให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปสงบสติอารมณ์แต่โดยดี ขณะที่รถแท็กซี่ ก็ได้มีรถลากของตำรวจมาลากออกจากพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า จะมีการแจ้งข้อหาที่ สน.ดุสิต ต่อนายพงศ์พิชาญ ว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ เพราะที่ผ่านมา มักมาร้องเรียน และสร้างความวุ่นวายหลายครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า พฤติกรรมของนายพงศ์พิชาญ คล้ายกับบุคคลที่มีปัญหาทางจิต มักอ้างว่า รู้จักบุคคลสำคัญหลายคน และมักไปแสดงตัวโวยวายตามสถานที่สำคัญต่างๆ พร้อมกับแท็กซี่คันดังกล่าว โดยที่ผ่านมาเมื่อพบนักการเมือง ก็จะเข้าไปเรียกร้องขอในลักษณะต่างๆ ทำให้นักการเมืองหลายคนเห็นใจ และมอบเงินสดให้นายพงศ์พิชาญ อีกทั้งยังเคยปีนเสาวิทยุที่รัฐสภามาก่อนหน้านี้ด้วย
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ไปปรากฏตัวที่บริเวณด้านนอกศาลรัฐธรรมนูญ ในระหว่างที่มีการไต่สวนคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดต่อมาตรา 68 โดยพยายามจะเข้าไปยังตัวอาคาร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอม เพราะมีอาการคล้ายมึนเมาจากการดื่มสุราอีกด้วย
ทั้งนี้ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่แท็กซี่คันดังกล่าว คือนายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 49 ปี ชาวกทม. ซึ่งตกเป็นข่าวบ่อยครั้ง ในการเดินทางไปร้องเรียนตามสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งที่รัฐสภา และที่ทำการพรรคการเมืองต่างๆ ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ไปจอดขวางทางเข้าพรรคประชาธิปัตย์ และที่ศาลรัฐธรรมนูญ ในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน โดยนายพงศ์พิชาญ ได้นำภาพข่าวที่ตัวเองขึ้นหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ มาแจกจ่าย และติดบนตัวรถมาด้วย
เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบถึงพฤติกรรมที่ผ่านมา จึงได้พยายามนำตัวไปสงบสติอารมณ์ ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนประชาชน แต่เมื่อนายพงศ์พิชาญ เห็นช่างภาพสื่อมวลชน เริ่มเข้ามาถ่ายภาพ จึงได้ร้องโวยวายขึ้นมาว่า ตนจะมาร้องเรียนที่ถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ไม่ยอมจ่ายเงินเยียวยาจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง โดยนายพงศ์พิชาญ อ้างว่า ตนได้รับผลกระทบ 2 เหตุการณ์ แต่ได้รับเงินเพียง 1 เหตุการณ์ อีกทั้งยังไม่ยอมจ่ายเงินค่าอาการบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น นายพงศ์พิชาญ ได้พยายามขัดขืนเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดการยื้อยุดชุดกระชากกัน โดยนายพงศ์พิชาญ พยายามตะโกนว่า “อย่าทำร้ายผม แขนผมบาดเจ็บ ผมมีใบรับรองแพทย์” พร้อมทำสีหน้าคล้ายจะร่ำไห้ ทำให้เจ้าหน้าที่ถอยห่างออกมา เพราะเกรงว่าจะนายพงศ์พิชาญ จะสร้างความวุ่นวายมากกว่านั้น
จากนั้นนายพงศ์พิชาญ ได้นำบัตรประจำตัว แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาแสดง และตะโกนว่า "ไอ้วีระ (นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช.) มันออกบัตรให้ผม เวลาจะใช้งาน ก็เรียก เสร็จศึกก็ฆ่าขุนพล มันหลอกคนเสื้อแดงด้วยกัน" นอกจากนี้นายพงศ์พิชาญ ยังได้นำธนบัตรในกระเป๋าตัวเอง จำนวนหลายพันบาทมาวางที่พื้น และโชว์สร้อยคอทองคำ น้ำหนักหลายบาท แล้วร้องให้เจ้าหน้าที่มานำสิ่งของเหล่านี้ไปเลย หากอยากจะกลั่นแกล้งกัน แต่หากใครหยิบไป ตนก็จะแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กลุ่มสื่อมวลชนเริ่มทยอยออกจากบริเวณดังกล่าว ทำให้นายพงศ์พิชาญ เลิกโวยวาย และยินยอมให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปสงบสติอารมณ์แต่โดยดี ขณะที่รถแท็กซี่ ก็ได้มีรถลากของตำรวจมาลากออกจากพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า จะมีการแจ้งข้อหาที่ สน.ดุสิต ต่อนายพงศ์พิชาญ ว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ เพราะที่ผ่านมา มักมาร้องเรียน และสร้างความวุ่นวายหลายครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า พฤติกรรมของนายพงศ์พิชาญ คล้ายกับบุคคลที่มีปัญหาทางจิต มักอ้างว่า รู้จักบุคคลสำคัญหลายคน และมักไปแสดงตัวโวยวายตามสถานที่สำคัญต่างๆ พร้อมกับแท็กซี่คันดังกล่าว โดยที่ผ่านมาเมื่อพบนักการเมือง ก็จะเข้าไปเรียกร้องขอในลักษณะต่างๆ ทำให้นักการเมืองหลายคนเห็นใจ และมอบเงินสดให้นายพงศ์พิชาญ อีกทั้งยังเคยปีนเสาวิทยุที่รัฐสภามาก่อนหน้านี้ด้วย
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้ไปปรากฏตัวที่บริเวณด้านนอกศาลรัฐธรรมนูญ ในระหว่างที่มีการไต่สวนคำร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดต่อมาตรา 68 โดยพยายามจะเข้าไปยังตัวอาคาร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอม เพราะมีอาการคล้ายมึนเมาจากการดื่มสุราอีกด้วย
