วานนี้ (10 ก.ค.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี ทหารพม่าจับกุมคนไทย ที่บุกรุกเข้าไปทำการเกษตร ในเขต จ.เกาะสอง ประเทศพม่า ใกล้กับพรมแดนไทย-พม่า ด้าน จ.ระนอง ว่า ล่าสุดได้รับรายงานจากพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งลงไปดูในพื้นที่ ยืนยันจะให้มีการเจรจาในระดับพื้นที่ก่อน เพราะมีคณะกรรมการประสานระดับชายแดนไทย-พม่า อยู่แล้ว ซึ่งจะเจรจากันและคงจะประสบความสำเร็จมากกว่าการเจรจาในระดับสูง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ก็ดำเนินการอยู่ เพื่อให้คนไทยที่ถูกควบคุมคัวได้รับอิสระ คาดว่าการเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ จะใช้เวลาไม่นาน และหาทางออกร่วมกันได้
ส่วนคนไทยที่กลับมาแล้วนั้น ขณะนี้ได้มีการรายงานตัวเรียบร้อย และอาจจะมีกลับมามากกว่า 43 คน เพราะว่าหลายคนได้กลับบ้านไปเลย ไม่ได้มารายงานตัว ซึ่งคนเหล่านี้อาศัยอยู่ในหลายจังหวัด ทั้ง จ.ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่
ทั้งนี้ ประเด็นของการรุกล้ำพื้นที่นั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 48 อีกทั้งต้นปาล์มที่ปลูกในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเติบโตขึ้นมา ก็มีมูลค่าสูง ดังนั้นคงจะต้องมีการเจรจาเกิดขึ้นอีก โดยจะมีการเจรจาขอเช่าพื้นที่ที่เราเข้าไปรุกล้ำแล้ว
สำหรับสาเหตุที่พม่าปล่อยตัวคนไทยที่เหลือ ช้า เพราะมีเรื่องของยาเสพติด และอาวุธสงครามเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องหาบุคคล ว่าใครจะดำเนินการตรงนั้น เพราะมีคนไทยเข้าไปทำงานบริเวณชายแดนตรงนั้นกว่า 200 คน มีนายทุน 3 กลุ่ม ชักชวนเข้าไปทำงาน ดังนั้นจึงจะต้องมีการสอบสวนต่อไป
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จะเดินทางไปพม่า เพื่อประชุมเรื่องการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่พม่าจะเป็นเจ้าภาพ และจะใช้โอกาสนี้ เจรจาเรื่องการขอปล่อยตัวคนไทยด้วย ขณะเดียวกัน อาจจะขอเจรจาในการเช่าที่ดินในพม่า เพื่อให้คนไทยที่ได้เข้าไปปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันไว้แล้วสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่า พม่าจะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีมายาวนาน และการเจรจาน่าจะประสบผลสำเร็จ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อยากให้เป็นการปัญหาในระดับท้องถิ่น เพราะมีการทำงานในระดับท้องถิ่นอยู่แล้ว คือคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น (ทีบีซี) ซึ่งขณะนี้กองทัพภาคที่ 3 และกองทัพภาคที่ 4 ในฐานะที่เป็นหน่วยอาร์บีซี ก็กำลังเข้าไปแก้ปัญหาอยู่ และมีการพูดคุยอยู่ ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางไปประเทศพม่า และได้พูดคุยกันอยู่ คิดว่า จะคลี่คลายไปในทางที่ดี และภายในเร็ววันนี้นายกรัฐมนตรีของพม่า จะเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งต้องให้เวลาพม่าในการดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ โดยอาจจะมีการกระทำผิดบ้างโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของราษฎรไทย ที่เข้าไปทำกินในพื้นที่พม่า ซึ่งจะต้องไปเคลียร์กันว่า จะแก้ปัญหากันอย่างไร คิดว่า มีสองส่วน คือ ส่วนที่เช่าอยู่แล้ว ส่วนที่สองคือ อาจจะถูกบอกว่า เช่า แต่ความจริงไม่ได้เช่า ซึ่งต้องแก้กันต่อไป คิดว่า คงไม่ยาก
" เชื่อว่า ทุกอย่างพูดคุยกันได้ เพราะเราเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน และพม่าเข้าใจเรา ส่วนเราก็เข้าใจพม่ามาโดยตลอด ถ้าเราเอาหลักนิติศาสตร์มาพูดกันมันยาก และตกลงอะไรกันได้ไม่ง่าย แต่เดี๋ยวเราเอารัฐศาสตร์มาคุยกัน เอาทหารกับทหารมาคุยกัน ซึ่งมีหลายทางเลือก คงเป็นเรื่องการเสียค่าปรับบ้าง และทำสัญญาเช่ากันใหม่ ซึ่งเขากำลังต่อรองกันอยู่ ส่วนความเป็นอยู่ของคนไทย ก็ได้ให้กองกำลังเข้าไปติดต่อโดยตลอด และขอดูสภาพความเป็นอยู่ ซึ่งเขาตอบกลับมาว่า ทุกคนปลอดภัย ไม่ได้ถูกทำร้าย แต่อาจจะมีคิดถึงบ้าน อาหารการกินอาจไม่เหมือนที่บ้านเรา แต่ถ้ามีโอกาสเราจะส่งอาหารไปเพิ่มเติม โดยคนที่ถูกควบคุมยังอยู่ที่เดิม ยังไม่ได้ย้ายไปไหน ในส่วนกรณีที่มีนายทุนว่าจ้างให้คนไทยเข้าไปทำกินในพื้นที่นั้น ต้องมีการสอบสวนว่า มีทั้งคนไทยและคนพม่าหรือไม่ และปัญหาอยู่ที่ไหน เราจะพูดคุยแก้ปัญหากันตรงนั้น และพูดคุยทำความเข้าใจ ซึ่งต้องเอากฎหมายมาว่ากันว่า เขาไปหลอกหลวงชาวบ้านหรือไม่ เพราะชาวบ้านเป็นเพียงแค่ปลายเหตุ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ก็ดำเนินการอยู่ เพื่อให้คนไทยที่ถูกควบคุมคัวได้รับอิสระ คาดว่าการเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ จะใช้เวลาไม่นาน และหาทางออกร่วมกันได้
ส่วนคนไทยที่กลับมาแล้วนั้น ขณะนี้ได้มีการรายงานตัวเรียบร้อย และอาจจะมีกลับมามากกว่า 43 คน เพราะว่าหลายคนได้กลับบ้านไปเลย ไม่ได้มารายงานตัว ซึ่งคนเหล่านี้อาศัยอยู่ในหลายจังหวัด ทั้ง จ.ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่
ทั้งนี้ ประเด็นของการรุกล้ำพื้นที่นั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 48 อีกทั้งต้นปาล์มที่ปลูกในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเติบโตขึ้นมา ก็มีมูลค่าสูง ดังนั้นคงจะต้องมีการเจรจาเกิดขึ้นอีก โดยจะมีการเจรจาขอเช่าพื้นที่ที่เราเข้าไปรุกล้ำแล้ว
สำหรับสาเหตุที่พม่าปล่อยตัวคนไทยที่เหลือ ช้า เพราะมีเรื่องของยาเสพติด และอาวุธสงครามเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องหาบุคคล ว่าใครจะดำเนินการตรงนั้น เพราะมีคนไทยเข้าไปทำงานบริเวณชายแดนตรงนั้นกว่า 200 คน มีนายทุน 3 กลุ่ม ชักชวนเข้าไปทำงาน ดังนั้นจึงจะต้องมีการสอบสวนต่อไป
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จะเดินทางไปพม่า เพื่อประชุมเรื่องการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่พม่าจะเป็นเจ้าภาพ และจะใช้โอกาสนี้ เจรจาเรื่องการขอปล่อยตัวคนไทยด้วย ขณะเดียวกัน อาจจะขอเจรจาในการเช่าที่ดินในพม่า เพื่อให้คนไทยที่ได้เข้าไปปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันไว้แล้วสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเชื่อว่า พม่าจะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีมายาวนาน และการเจรจาน่าจะประสบผลสำเร็จ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อยากให้เป็นการปัญหาในระดับท้องถิ่น เพราะมีการทำงานในระดับท้องถิ่นอยู่แล้ว คือคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น (ทีบีซี) ซึ่งขณะนี้กองทัพภาคที่ 3 และกองทัพภาคที่ 4 ในฐานะที่เป็นหน่วยอาร์บีซี ก็กำลังเข้าไปแก้ปัญหาอยู่ และมีการพูดคุยอยู่ ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางไปประเทศพม่า และได้พูดคุยกันอยู่ คิดว่า จะคลี่คลายไปในทางที่ดี และภายในเร็ววันนี้นายกรัฐมนตรีของพม่า จะเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งต้องให้เวลาพม่าในการดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ โดยอาจจะมีการกระทำผิดบ้างโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของราษฎรไทย ที่เข้าไปทำกินในพื้นที่พม่า ซึ่งจะต้องไปเคลียร์กันว่า จะแก้ปัญหากันอย่างไร คิดว่า มีสองส่วน คือ ส่วนที่เช่าอยู่แล้ว ส่วนที่สองคือ อาจจะถูกบอกว่า เช่า แต่ความจริงไม่ได้เช่า ซึ่งต้องแก้กันต่อไป คิดว่า คงไม่ยาก
" เชื่อว่า ทุกอย่างพูดคุยกันได้ เพราะเราเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน และพม่าเข้าใจเรา ส่วนเราก็เข้าใจพม่ามาโดยตลอด ถ้าเราเอาหลักนิติศาสตร์มาพูดกันมันยาก และตกลงอะไรกันได้ไม่ง่าย แต่เดี๋ยวเราเอารัฐศาสตร์มาคุยกัน เอาทหารกับทหารมาคุยกัน ซึ่งมีหลายทางเลือก คงเป็นเรื่องการเสียค่าปรับบ้าง และทำสัญญาเช่ากันใหม่ ซึ่งเขากำลังต่อรองกันอยู่ ส่วนความเป็นอยู่ของคนไทย ก็ได้ให้กองกำลังเข้าไปติดต่อโดยตลอด และขอดูสภาพความเป็นอยู่ ซึ่งเขาตอบกลับมาว่า ทุกคนปลอดภัย ไม่ได้ถูกทำร้าย แต่อาจจะมีคิดถึงบ้าน อาหารการกินอาจไม่เหมือนที่บ้านเรา แต่ถ้ามีโอกาสเราจะส่งอาหารไปเพิ่มเติม โดยคนที่ถูกควบคุมยังอยู่ที่เดิม ยังไม่ได้ย้ายไปไหน ในส่วนกรณีที่มีนายทุนว่าจ้างให้คนไทยเข้าไปทำกินในพื้นที่นั้น ต้องมีการสอบสวนว่า มีทั้งคนไทยและคนพม่าหรือไม่ และปัญหาอยู่ที่ไหน เราจะพูดคุยแก้ปัญหากันตรงนั้น และพูดคุยทำความเข้าใจ ซึ่งต้องเอากฎหมายมาว่ากันว่า เขาไปหลอกหลวงชาวบ้านหรือไม่ เพราะชาวบ้านเป็นเพียงแค่ปลายเหตุ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
