ASTVผู้จัดการรายวัน-ตัวแทนแบงก์ไทยพาณิชย์ให้ข้อมูลกองปราบ คดีสาวใหญ่ร้องถูกผู้จัดการสาขายักยอกเงินในบัญชีกว่า 100 ล้าน เผยธนาคารได้ตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว เบื้องต้นพบทุจริตจริงแค่ล้านกว่าบาท ตำรวจจ่อตั้งข้อหาลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร
วานนี้ (5 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวน กรณีที่ น.ส.เอื้อมบุญ จันทร์สมา อายุ 60 ปี บุตรสาวของนายทองใบ จันทร์สมา อดีตนักกีฬาขี่ม้าและยิงปืนทีมชาติที่เสียชีวิตไปแล้ว พร้อมทนายความ เข้าร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเงินฝากในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพระราม 4 สูญหายไปกว่า 107 ล้านบาท หลังจากเมื่อหลายปีก่อน ได้มอบหมายให้ผู้จัดการธนาคารแห่งนี้ เป็นผู้นำเงินไปฝากและดูแลบัญชีให้ด้วยความไว้ใจ
นายพงษ์สิทธิ์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ตั้งกรรมการสอบสวน และสั่งพักงานผู้จัดการคนดังกล่าวแล้ว จากการตรวจสอบบัญชีพบว่า ผู้จัดการคนดังกล่าวมีหนี้สินจากการทำธุรกิจมากกว่าทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม ในส่วนยอดเงินที่ผู้เสียหายอ้างว่า 150 ล้าน ขอยืนยันว่าทางผู้เสียหายแจ้งเราเพียง 107 ล้านเท่านั้น แต่จากการตรวจสอบ พบว่าเขาทุจริต 1 ล้านกว่าบาท ซึ่งได้เข้าแจ้งความที่ สน.คลองตันไปแล้ว และจากการตรวจสอบ ไม่พบว่าผู้จัดการคนดังกล่าวทำผิดวิธีปฏิบัติ เพราะหากลูกค้าไม่เซ็นลายเซ็นในการทำธุรกรรมแล้ว เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
“ที่ผ่านมา พบว่าเขาปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์เสมอมาตลอด 28 ปี ที่ทำงานกับเรา ซึ่งลูกค้าหลายๆ ท่าน ก็ชื่นชมมา แต่หลังเกิดเหตุ เราไม่สามารถติดต่อผู้จัดการคนดังกล่าวได้ โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง และขอให้ลูกค้าทราบด้วยว่า ธนาคารดำเนินกิจการมาเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว ต้องแยกแยะว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของคนคนหนึ่งที่ทำความผิด ธนาคารไม่ได้มีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย แต่ทางเราได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทางคดีอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน” นายพงษ์สิทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของ น.ส.เอื้อมบุญ พบว่า ได้ทำธุรกรรมกับทางธนาคารมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งมีเอกสารเยอะมาก ต้องขอเวลารวบรวมหลักฐานอีกสักระยะ โดยจากการสอบถามเบื้องต้น ผู้เสียหายจำไม่ได้ว่าทำธุรกรรมอะไรไว้บ้าง
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า อยากฝากไปยังประชาชนว่าให้ดูแลสมุดบัญชีให้ดี อย่าไว้ใจใคร แม้แต่ผู้จัดการธนาคาร เพราะเมื่อเกิดปัญหาแล้ว ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีเงินในบัญชีเท่าไร เคยทำธุรกรรมอะไรไว้บ้าง โดยทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาขอรวมคดีกับที่ สน.คลองตันด้วย เบื้องต้นพบว่าเข้าข่ายลักทรัพย์ และปลอมแปลงเอกสารของผู้อื่น
วานนี้ (5 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อให้ข้อมูลต่อพนักงานสอบสวน กรณีที่ น.ส.เอื้อมบุญ จันทร์สมา อายุ 60 ปี บุตรสาวของนายทองใบ จันทร์สมา อดีตนักกีฬาขี่ม้าและยิงปืนทีมชาติที่เสียชีวิตไปแล้ว พร้อมทนายความ เข้าร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเงินฝากในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพระราม 4 สูญหายไปกว่า 107 ล้านบาท หลังจากเมื่อหลายปีก่อน ได้มอบหมายให้ผู้จัดการธนาคารแห่งนี้ เป็นผู้นำเงินไปฝากและดูแลบัญชีให้ด้วยความไว้ใจ
นายพงษ์สิทธิ์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ตั้งกรรมการสอบสวน และสั่งพักงานผู้จัดการคนดังกล่าวแล้ว จากการตรวจสอบบัญชีพบว่า ผู้จัดการคนดังกล่าวมีหนี้สินจากการทำธุรกิจมากกว่าทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม ในส่วนยอดเงินที่ผู้เสียหายอ้างว่า 150 ล้าน ขอยืนยันว่าทางผู้เสียหายแจ้งเราเพียง 107 ล้านเท่านั้น แต่จากการตรวจสอบ พบว่าเขาทุจริต 1 ล้านกว่าบาท ซึ่งได้เข้าแจ้งความที่ สน.คลองตันไปแล้ว และจากการตรวจสอบ ไม่พบว่าผู้จัดการคนดังกล่าวทำผิดวิธีปฏิบัติ เพราะหากลูกค้าไม่เซ็นลายเซ็นในการทำธุรกรรมแล้ว เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
“ที่ผ่านมา พบว่าเขาปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์เสมอมาตลอด 28 ปี ที่ทำงานกับเรา ซึ่งลูกค้าหลายๆ ท่าน ก็ชื่นชมมา แต่หลังเกิดเหตุ เราไม่สามารถติดต่อผู้จัดการคนดังกล่าวได้ โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง และขอให้ลูกค้าทราบด้วยว่า ธนาคารดำเนินกิจการมาเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว ต้องแยกแยะว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของคนคนหนึ่งที่ทำความผิด ธนาคารไม่ได้มีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย แต่ทางเราได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทางคดีอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน” นายพงษ์สิทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของ น.ส.เอื้อมบุญ พบว่า ได้ทำธุรกรรมกับทางธนาคารมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งมีเอกสารเยอะมาก ต้องขอเวลารวบรวมหลักฐานอีกสักระยะ โดยจากการสอบถามเบื้องต้น ผู้เสียหายจำไม่ได้ว่าทำธุรกรรมอะไรไว้บ้าง
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า อยากฝากไปยังประชาชนว่าให้ดูแลสมุดบัญชีให้ดี อย่าไว้ใจใคร แม้แต่ผู้จัดการธนาคาร เพราะเมื่อเกิดปัญหาแล้ว ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีเงินในบัญชีเท่าไร เคยทำธุรกรรมอะไรไว้บ้าง โดยทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาขอรวมคดีกับที่ สน.คลองตันด้วย เบื้องต้นพบว่าเข้าข่ายลักทรัพย์ และปลอมแปลงเอกสารของผู้อื่น