ASTV ผู้จัดการรายวัน- กองปราบฯ ส่งชุดสืบสวนสอบเส้นทางการเงินในบัญชีแบงก์ไทยพาณิชย์ 100 กว่าล้านที่สูญหาย ชี้พิรุธผู้จัดการสาขาทำธุรกิจร่วมกัน หากมีความบริสุทธิ์ใจต้องแจ้งยอดเงินในบัญชีให้ผู้เสียหายรับรู้ และกุญแจตู้นิรภัยที่เหลือเพียงดอกเดียว คาดอาจเข้าข่ายข้อหาลักทรัพย์ และ พ.ร.บ.การเงินการธนาคาร
วานนี้ (4 ก.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.เอื้อมบุญ จันทร์สมา อายุ 60 ปี บุตรสาวของนายทองใบ จันทร์สมา อดีตนักกีฬาขี่ม้าและยิงปืนทีมชาติที่เสียชีวิตไปแล้ว พร้อมทนายความเข้าร้องทุกข์เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเงินฝากในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพระราม 4 สูญหายไปกว่า 107 ล้านบาท หลังจากเมื่อหลายปีก่อนได้มอบหมายให้ผู้จัดการธนาคารแห่งนี้เป็นผู้นำเงินไปฝากและดูแลบัญชีให้ว่า ภายหลังพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้รับเรื่องร้องทุกข์และสอบปากคำผู้ร้องไว้แล้วนั้น ได้ประสานไปยังผู้บริหารระดับสูงของธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงประกอบกับเอกสารหลักฐานต่างๆ ของฝ่ายผู้ร้องแล้ว
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวต่อว่า ทางผู้บริหารธนาคารรับว่าจะนำเรื่องไปตรวจสอบโดยเร็ว พร้อมกับตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อเร่งรัดดำเนินการให้เกิดความกระจ่าง อย่างไรก็ดี ตนทราบว่าทางธนาคารได้มีคำสั่งพักงานผู้จัดการสาขาดังกล่าวไปแล้ว นับตั้งแต่ น.ส.เอื้อมบุญ ร้องเรียนไปยังธนาคารก่อนหน้านี้ และผู้แทนของธนาคารก็เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้เช่นกัน
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะหารือร่วมกับทางธนาคารเป็นระยะ เพื่อติดตามความคืบหน้า เนื่องจากกรณีนี้มีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก และเป็นเรื่องที่ก็อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไปซึ่งมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ทั้งนี้ ทางตำรวจพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และจะพยายามติดตามนำเงินฝากของผู้เสียหายกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด ส่วนความผิดจากกรณีดังกล่าวนั้นน่าจะเข้าข่ายข้อหาลักทรัพย์ รวมทั้ง พ.ร.บ.การเงินการธนาคาร หรือ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน ซึ่งขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ได้จากทั้งสองฝ่าย ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะพิจารณาอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการระบุว่าผู้ร้องได้ทำธุรกิจร่วมกับผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์คนดังกล่าวจึงทำให้ยอดเงินฝากในบัญชีหายไปนั้น รอง ผบก.ป.กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่าจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อให้พ้นความผิด เพราะหากมีการทำธุรกิจร่วมกัน ทางผู้จัดการธนาคารรายนี้ก็ควรจะต้องทำให้เกิดความชัดเจน เช่น แยกบัญชีธนาคารออกไป หรือจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายผลประกอบการที่ต้องให้อีกฝ่ายรับรู้ด้วยโดยตลอด
“ถ้าเขาทำธุรกิจร่วมกันแล้วทำให้ยอดเงินในบัญชีหายไป ก็ควรมีการแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการให้ผู้เสียหายได้มีรับรู้ยอดเงินในบัญชีธนาคาร ส่วนอีกข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีนี้คือ เรื่องตู้นิรภัยที่ปกติจะมีกุญแจ 2 ดอกให้แก่ลูกค้า แต่ทางผู้ร้องระบุชัดว่ามีอยู่เพียงดอกเดียว ซึ่งก็เป็นข้อพิรุธผิดวิสัยของการดำเนินการของธนาคาร เรื่องนี้คงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดและคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจสอบเส้นทางจากบัญชีของผู้ร้องแล้วว่าไปอยู่ในส่วนไหนบ้าง เพื่อประกอบเป็นหลักฐานและติดตามคืนให้ผู้ร้องต่อไป” รอง ผบก.ป.กล่าว
วานนี้ (4 ก.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.เอื้อมบุญ จันทร์สมา อายุ 60 ปี บุตรสาวของนายทองใบ จันทร์สมา อดีตนักกีฬาขี่ม้าและยิงปืนทีมชาติที่เสียชีวิตไปแล้ว พร้อมทนายความเข้าร้องทุกข์เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเงินฝากในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพระราม 4 สูญหายไปกว่า 107 ล้านบาท หลังจากเมื่อหลายปีก่อนได้มอบหมายให้ผู้จัดการธนาคารแห่งนี้เป็นผู้นำเงินไปฝากและดูแลบัญชีให้ว่า ภายหลังพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้รับเรื่องร้องทุกข์และสอบปากคำผู้ร้องไว้แล้วนั้น ได้ประสานไปยังผู้บริหารระดับสูงของธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงประกอบกับเอกสารหลักฐานต่างๆ ของฝ่ายผู้ร้องแล้ว
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวต่อว่า ทางผู้บริหารธนาคารรับว่าจะนำเรื่องไปตรวจสอบโดยเร็ว พร้อมกับตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อเร่งรัดดำเนินการให้เกิดความกระจ่าง อย่างไรก็ดี ตนทราบว่าทางธนาคารได้มีคำสั่งพักงานผู้จัดการสาขาดังกล่าวไปแล้ว นับตั้งแต่ น.ส.เอื้อมบุญ ร้องเรียนไปยังธนาคารก่อนหน้านี้ และผู้แทนของธนาคารก็เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้เช่นกัน
พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะหารือร่วมกับทางธนาคารเป็นระยะ เพื่อติดตามความคืบหน้า เนื่องจากกรณีนี้มีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก และเป็นเรื่องที่ก็อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไปซึ่งมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ทั้งนี้ ทางตำรวจพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และจะพยายามติดตามนำเงินฝากของผู้เสียหายกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด ส่วนความผิดจากกรณีดังกล่าวนั้นน่าจะเข้าข่ายข้อหาลักทรัพย์ รวมทั้ง พ.ร.บ.การเงินการธนาคาร หรือ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน ซึ่งขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ได้จากทั้งสองฝ่าย ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะพิจารณาอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการระบุว่าผู้ร้องได้ทำธุรกิจร่วมกับผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์คนดังกล่าวจึงทำให้ยอดเงินฝากในบัญชีหายไปนั้น รอง ผบก.ป.กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่าจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อให้พ้นความผิด เพราะหากมีการทำธุรกิจร่วมกัน ทางผู้จัดการธนาคารรายนี้ก็ควรจะต้องทำให้เกิดความชัดเจน เช่น แยกบัญชีธนาคารออกไป หรือจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายผลประกอบการที่ต้องให้อีกฝ่ายรับรู้ด้วยโดยตลอด
“ถ้าเขาทำธุรกิจร่วมกันแล้วทำให้ยอดเงินในบัญชีหายไป ก็ควรมีการแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการให้ผู้เสียหายได้มีรับรู้ยอดเงินในบัญชีธนาคาร ส่วนอีกข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีนี้คือ เรื่องตู้นิรภัยที่ปกติจะมีกุญแจ 2 ดอกให้แก่ลูกค้า แต่ทางผู้ร้องระบุชัดว่ามีอยู่เพียงดอกเดียว ซึ่งก็เป็นข้อพิรุธผิดวิสัยของการดำเนินการของธนาคาร เรื่องนี้คงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดและคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจสอบเส้นทางจากบัญชีของผู้ร้องแล้วว่าไปอยู่ในส่วนไหนบ้าง เพื่อประกอบเป็นหลักฐานและติดตามคืนให้ผู้ร้องต่อไป” รอง ผบก.ป.กล่าว
