บุตรสาวอดีตนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติ ร้องกองปราบฯ ผู้จัดการแบงก์ไทยพาณิชย์สาขาหนึ่งยักยอกเงินในบัญชีสูญหายกว่า 100 ล้าน เหตุเป็นบุคคลทุพพลภาพ และไว้เนื้อเชื่อใจจึงได้มอบอำนาจให้เป็นผู้จัดการดูแลเงินฝาก รวมทั้งเป็นนายหน้าติดต่อขายที่ดิน ระบุได้ร้องเรียนไปที่ธนาคารและตรวจสอบแล้วพบว่าเงินถูกยักยอกไปเพียง 1 ล้านเศษซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
วันนี้ (3 ก.ค.) ที่กองปราบปราม น.ส.เอื้อมบุญ จันทร์สมา อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นบุคคลทุพพลภาพ บุตรสาวของนายทองใบ จันทร์สมา อดีตนักกีฬาขี่ม้าและยิงปืนทีมชาติ พร้อมด้วยนายวันชัย ศรีสันติธรรม ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเงินฝากใบบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สูญหายไปกว่า 100 ล้าน โดยนำหลักฐานเอกสารทางการเงินต่างๆ ของธนาคารไทยพาณิชย์มามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายวันชัยเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.เอื้อมบุญได้มอบหมายให้ นายรักษ์ (นามสมมติ) ผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งมีความสนิทสนมกับครอบครัวตั้งแต่สมัยบิดาของ น.ส.เอื้อมบุญยังมีชีวิตอยู่ โดยนายรักษ์ทำงานอยู่ในธนาคารไทยพาณิชย์สาขาต่างๆ เช่น ชิดลม สวนพลู พระราม 4 จนกระทั่งขึ้นตำแหน่งผู้จัดการสาขาแห่งหนึ่ง ต่อมาเมื่อประมาณ 6 ปี ก่อน ด้วยความไว้วางใจจึงได้มอบอำนาจให้ผู้จัดการ ดูแลเงินที่ฝากไว้ในธนาคารให้ จากนั้นเมื่อปี 2550 น.ส.เอื้อมบุญต้องการจะขายที่ดินบริเวณหลังสวนเบญจศิริ เนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ที่ได้รับมรดก จึงได้มอบหมายให้ผู้จัดการคนนี้ดำเนินการขายที่ดินแทนจนกระทั่งสามารถขายที่ได้ โดยทาง น.ส.เอื้อมบุญได้รับเงินมาเพียง 115 ล้านบาท ซึ่งความจริงราคาที่ดินควรจะต้องมากกว่านี้ แต่ น.ส.เอื้อมบุญไม่ได้ติดใจอะไร
นายวันชัยกล่าวต่อว่า จากนั้น น.ส.เอื้อมบุญได้มอบหมายให้นายรักษ์นำเงินจำนวน 115 ล้านบาทไปฝากในบัญชีของ น.ส.เอื้อมบุญ ซึ่งรวมกับเงินส่วนตัวที่มีอยู่ในบัญชีก่อนหน้านี้รวมเป็นเงินประมาณ 140-150 ล้านบาท แต่ต่อมาผู้เสียหายเริ่มผิดสังเกต เพราะเวลาจะขอดูสมุดบัญชีธนาคาร นายรักษ์ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ดู ส่วนการซื้อขายที่ดินก็ไม่มีเอกสารหลักฐาน รวมทั้งกุญแจตู้นิรภัยของธนาคารปกติจะได้รับ 2 ดอก แต่ก็ได้รับเพียงดอกเดียวเท่านั้น ซึ่งมีพิรุธหลายอย่าง จนกระทั่งเมื่อเดือน พ.ค.ปี 2555 น.ส.เอื้อมบุญได้มอบหมายให้ตนเข้าไปช่วยตรวจสอบเงินในบัญชีดังกล่าว ทำให้ทราบว่าเงินในบัญชีของ น.ส.เอื้อมบุญถูกแยกเป็น 21 บัญชี และ 3 กองทุน ซึ่งจากการรวบรวมหลักฐานพบว่าถูกถอนออกไปประมาณ 107 ล้านบาท จึงได้รีบไปถอนเงินในบัญชีทั้งหมดได้เงินกลับคืนมาเหลือแค่เพียง 3 ล้านบาท
“จากนั้นผมจึงได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อให้ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมให้แสดงความรับผิดชอบ โดยทางธนาคารได้ตั้งคณะกรรมการทำการตรวจสอบภายใน และพบว่าผู้จัดการคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำนวนเงินที่หายไปจริง แต่ยอดที่ถูกยักยอกไปพบว่ามีเพียงแค่ 1.23 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบได้จำนวนเงินที่หายไปจริงมากกว่านั้น จึงเข้าแจ้งความกองปราบปรามเพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากว่าพบการกระทำผิดก็ให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป” นายวันชัยกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภวเวส พนักงานสอบสวน (สบ 2 ) กก.1 บก.ป. รับเรื่องร้องเรียนพร้อมทั้งสอบปากคำ น.ส.เอื้อมบุญไว้ พร้อมจะประสานไปยังธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป