**เวลานี้รัฐบาล และบรรดาคณะรัฐมนตรี ไม่เป็นอันทำงานทำการกันแล้ว เพราะหลายเรื่องรุมเร้า
ต้องลุ้น ต้องเกร็งกันท้องผูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับครม. เรื่องการวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 หรือไม่ ซึ่งขึ้นเขียงพิจารณากันแล้ว
แนวทางการต่อสู้ของพรรคเพื่อไทย ยืนกระต่ายขาเดียวไม่เกี่ยวข้องล้มล้างระบอบการปกครอง และล้มล้างสถาบันฯ แต่จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเชื่อหรือเปล่า ??
**ออกแนวขึงขัง ข่มขู่ล่วงหน้า ถ้าศาลตัดสินโดยไม่ยึดตัวบทกฎหมาย บ้านเมืองไฟลุกแน่!! ดักคอกันกลายๆ แต่ก็สุมหัวประเมินผลไว้ทั้งในแง่ที่ดีที่สุด คือไม่เกิดอะไรเลย การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อได้ และร้ายที่สุด ถึงขั้นถูกสั่งเบรกห้ามแก้ด้วยข้อหาล้มล้างระบอบการปกครอง นำไปสู่การยุบพรรคโน่นเลย
แน่นอนว่า ถ้าเหตุการณ์ออกมาสุดโต่งเป็นอย่างหลัง สถานการณ์ความเป็นอยู่ของรัฐบาลคงวุ่นวายโกลาหลเป็นแน่แท้ แม้จะปากดี ออกตัวกันว่าไม่เป็นไร พรรคถูกยุบไป รัฐบาลก็ยังอยู่ได้
แต่ในเชิงการเมืองสมการมันไม่เหมือนกับคณิตศาสตร์หรอก เครดิตก็เสีย ความมั่นคงก็สั่นคลอน..
ที่สำคัญเลย จะไปควบคุมปฏิกิริยาคนกันเองอย่างไร โดยเฉพาะคนเสื้อแดง ถ่อย เถื่อน ต้องเดือดดาลปรอทแตกแน่ ไม่แน่อาจจะออกมาเผาบ้านเผาเมืองกันอีกรอบ เอะอะไม่ได้ดั่งใจก็ป่วน เผานู่นเผานี่ ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายอยู่เรื่อยไป
จึงมีเสียงสัญญาณสั่งถอย จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดี ลดดีกรีความร้อนแรงกันไว้ก่อน
"หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ระงับจริงๆ เราก็ถอย อย่าไปดื้อ เพราะดื้อไปก็เกิดปัญหากับรัฐบาล รอฟังศาล โดยภาพรวมไม่อยากให้กระทบกระเทือนรัฐบาล ต้องรักษารัฐบาลไว้ เพราะถ้าดื้อไป ก็เป็นภาระรัฐบาล ศาลก็จะพุ่งเป้าไปที่รัฐบาล ปล่อยให้เป็นเรื่องของสภาฯ"
ทักษิณ พลิกจากเกมเร็วดึงเกมช้า ไม่เกรี้ยวกราดรุนแรงเหมือนเก่าก่อน หลังเจอ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ที่นั่งอยู่ในเก้าอี้นายกฯ ตำแหน่งบริหารสูงสุด ขอคืนพื้นที่อำนาจตัดสินใจ กริ๊ดใส่พี่ชายให้ฟังตัวเองบ้าง รีบเร่งเดินเกมมากเท่าไหร่ ก็นำมาซึ่งความเสื่อมโทรมเร็วของรัฐบาลมากขึ้นเท่านั้น
แว่วว่า สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้รับสัญญาณจาก “ยิ่งลักษณ์” มาโดยตรงเช่นกัน จึงกล้าสั่งลุย ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และชะลอการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้จะถูกคนในพรรคกดดัน ด่าจนยับยู่ยี่ ล่าสุดมีคลิปเสียงหลุดออกมา “โชว์แมน” ประกาศคุยเขื่อง คุยโตว่าเป็นคนที่สะท้อนความเห็นอย่างตรงไปตรงมา จนพ.ต.ท.ทักษิณต้องยอมรับฟัง และปรับเปลี่ยนการเดินหมากคล้อยตามในที่สุด
แต่น่าสนใจว่า การออกมาพูดของ “ขุนค้อนตราดูไบ” ครั้งนี้มันจะเป็นผลดี หรือผลร้ายกับตัวเอง
**คนอย่าง “ทักษิณ” ไม่ชอบอย่างมาก ที่จะให้ใครมาหักเหลี่ยมเฉือนคมตัวเอง ยิ่งออกหน้าต่อสาธารณชนยิ่งแล้วใหญ่ ดังนั้นจึงน่าเป็นห่วงสถานภาพของ “สมศักดิ์” จริงๆ ค้อนในมือ อาจเหลือไว้เคาะที่บ้านแค่นั้น..
ชั่วโมงนี้คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญยังเป็นที่ลุ้นระทึกช็อตแรก ช็อตต่อไปก็คือการปรับครม. ที่มีแนวโน้มชัดขึ้นเรื่อยๆว่าจะเอากันเดือนกรกฎาคมนี่แหละ ก่อนที่จะมีการเปิดสภาสมัยสามัญทั่วไป ที่จะมีเกมกฎหมายร้อนๆ เข้ามามะรุมมะตุ้มกันอีกรอบ หากได้ขุนพลหน้าใหม่ๆ เชี่ยวชาญกฎหมายมารับศึกในสภา พร้อมเตรียมรับมือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล้างแผลสด กันสักครั้งก็น่าจะเป็นอะไรที่เข้าท่า
แต่ช่วงระหว่างนี้ก็เป็นผลเสียทำให้เกิดสุญญากาศ การทำงานของรัฐมนตรีน้ำ 3 จากที่โหลยโท่ยอยู่แล้ว ก็เช้าชามเย็นชามหนักข้อขึ้น โดยเฉพาะจำพวกที่รู้ตัวดีว่าสายป่านยาวไม่ถึงแล้ว จำต้องไสหัวออกจากครม. ในการปรับครม.ที่จะถึงนี้ ก็ทำงานเหมือนรอวันโดนปลด ข้าราชการ ส.ส. เข้าไปติดต่องาน เจอฉุนเฉียวใส่ บอกปัดให้รอไปติดต่อประสานงานกับรัฐมนตรีคนใหม่ นู่น!!
อย่างรายของ สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นั่นปะไร ออกอาการชัดเจน จนไม่ต้องทายว่าสาเหตุแห่งอาการของขึ้น คืออะไร อยู่ดีๆ มาทายว่ารัฐบาลจะอายุสั้นอยู่ไม่ถึงสิ้นปีเสียอย่างนั้น เพราะรู้ตัวมานานแล้วว่า ปรับครม.รอบนี้ เก็บของกลับบ้านแน่ !!
อีกรายที่ข่าวล่ามาแรงว่าจะต้องเปลี่ยนตัวเสียที คือ ธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าของเก้าอี้ตัวนี้ยาวนาน ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ นั่งควบต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ด้วยความเหนียวแน่นระดับ 5 ดาว กาวยี่ห้อหลงจู๊
มีเงื่อนไขพิเศษหลุดออกมาว่า ถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทย แกนหลักรัฐบาลจะขอคืนเก้าอี้ตัวนี้ เพื่อนำไปบริหารเอง
โดยเฉพาะเรื่องการจัดการน้ำ ที่รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ เพราะความรับผิดชอบโดยรวม ไม่ว่ารัฐมนตรีจะเป็นใคร ก็ต้องตกถึงรัฐบาลอยู่ดี หากน้ำท่วมหนักเหมือนปีที่แล้ว รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นเอาตำแหน่งนี้มาบริหารเองดีกว่า และก็เอาเก้าอี้กระทรวงเกรดเอ อย่างศึกษาธิการ ประเคนให้ไปเป็นการแลกเปลี่ยน น่าจะวิน-วิน กันทั้ง 2 ฝ่าย เหลือเพียงรายละเอียดปลีกย่อยที่จะไปตกลงกันเท่านั้น !!
สำหรับรัฐมนตรีในส่วนที่ยังลูกผีลูกคน ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่มั่นใจเลยว่าเก้าอี้ตัวเองจะหลุดตูดไปหรือไม่ ช่วงนี้ขยันเป็นพิเศษ ทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต นายกฯเรียกประชุมเมื่อไหร่ ไม่เคยสาย ไม่เคยขาด เพราะเดี๋ยวอนาคตจะไม่สดใส
และตอนนี้แทบไม่มีคนไหนเลยจะการันตีตำแหน่งรัฐมนตรีของตัวเองเอาไว้ได้ เพราะมีหลายสายเหลือเกิน สายตรงดูไบ สายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า สายเจ๊แดง ฯลฯ
**แต่ที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง แรงกำลังดีมากที่สุด คงจะเป็น สายตึกไทยคู่ฟ้า ที่กำลังสยายปีกคุมรัฐบาล นำโดย “ยิ่งลักษณ์ –กิตติรัตน์- เลขาปุ้ม- เลขากบ” ใครจะไปใครจะมา ว่ากันไป แต่สายนี้ของ “ปู” ต้องอยู่ทำงาน
กระนั้นก็ตาม อีกส่วนหนึ่งที่จับจ้องดูสถานการณ์อยู่เช่นเดียวกัน แกนนำคนเสื้อแดง ก็คาดหมายว่าถึงเวลาของ “คางคกตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่จะขึ้นชั้นเป็นเสนาบดีตาม ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไปเสียที แม้ชั่วโมงนี้ “คางคกตู่” จะกำลังโดนมรสุมอย่างหนัก อาจถึงขั้นเข้าไปนอนในคุก
แต่ถ้ายังอยู่ข้างนอกได้ แกนนำคนเสื้อแดงก็มองว่า น่าจะตอบแทนสิ่งที่ “คางคกตู่” ยอมเลือดตกยางออกบ้าง อันนี้ก็ต้องชั่งใจถาม “ทักษิณ” ว่ายอมหรือไม่ แต่ดูท่าว่า “ยิ่งลักษณ์” ส่ายหน้าบอกปัด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชั่วโมงนี้ บรรดารัฐมนตรี ไม่เว้นแม้กระทั่งคนรอลุ้นจ่อเสียบแทน เรื่อยไปจนถึงหัวขบวนแกนนำ กินนอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่ายอยู่ทุกเวลา กับดีเดย์การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ถูกโหมโรงตีปี๊บประเด็นข่าวกันจนน่ากลัว บ้านเมืองตกอยู่ในสุญญากาศ ค้างเติ่งไม่เดินหน้า
** มันก็เป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำ ก็ใครล่ะทำ ก็ทำตัวเองกันแท้ๆ แล้วประเทศชาติก็ไม่สนใจไปบริหาร เพราะต้องมานั่งลุ้นกับเรื่องทรามๆ ที่ลงมือทำไปทั้งนั้น..
ต้องลุ้น ต้องเกร็งกันท้องผูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับครม. เรื่องการวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68 หรือไม่ ซึ่งขึ้นเขียงพิจารณากันแล้ว
แนวทางการต่อสู้ของพรรคเพื่อไทย ยืนกระต่ายขาเดียวไม่เกี่ยวข้องล้มล้างระบอบการปกครอง และล้มล้างสถาบันฯ แต่จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเชื่อหรือเปล่า ??
**ออกแนวขึงขัง ข่มขู่ล่วงหน้า ถ้าศาลตัดสินโดยไม่ยึดตัวบทกฎหมาย บ้านเมืองไฟลุกแน่!! ดักคอกันกลายๆ แต่ก็สุมหัวประเมินผลไว้ทั้งในแง่ที่ดีที่สุด คือไม่เกิดอะไรเลย การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อได้ และร้ายที่สุด ถึงขั้นถูกสั่งเบรกห้ามแก้ด้วยข้อหาล้มล้างระบอบการปกครอง นำไปสู่การยุบพรรคโน่นเลย
แน่นอนว่า ถ้าเหตุการณ์ออกมาสุดโต่งเป็นอย่างหลัง สถานการณ์ความเป็นอยู่ของรัฐบาลคงวุ่นวายโกลาหลเป็นแน่แท้ แม้จะปากดี ออกตัวกันว่าไม่เป็นไร พรรคถูกยุบไป รัฐบาลก็ยังอยู่ได้
แต่ในเชิงการเมืองสมการมันไม่เหมือนกับคณิตศาสตร์หรอก เครดิตก็เสีย ความมั่นคงก็สั่นคลอน..
ที่สำคัญเลย จะไปควบคุมปฏิกิริยาคนกันเองอย่างไร โดยเฉพาะคนเสื้อแดง ถ่อย เถื่อน ต้องเดือดดาลปรอทแตกแน่ ไม่แน่อาจจะออกมาเผาบ้านเผาเมืองกันอีกรอบ เอะอะไม่ได้ดั่งใจก็ป่วน เผานู่นเผานี่ ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายอยู่เรื่อยไป
จึงมีเสียงสัญญาณสั่งถอย จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดี ลดดีกรีความร้อนแรงกันไว้ก่อน
"หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ระงับจริงๆ เราก็ถอย อย่าไปดื้อ เพราะดื้อไปก็เกิดปัญหากับรัฐบาล รอฟังศาล โดยภาพรวมไม่อยากให้กระทบกระเทือนรัฐบาล ต้องรักษารัฐบาลไว้ เพราะถ้าดื้อไป ก็เป็นภาระรัฐบาล ศาลก็จะพุ่งเป้าไปที่รัฐบาล ปล่อยให้เป็นเรื่องของสภาฯ"
ทักษิณ พลิกจากเกมเร็วดึงเกมช้า ไม่เกรี้ยวกราดรุนแรงเหมือนเก่าก่อน หลังเจอ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ที่นั่งอยู่ในเก้าอี้นายกฯ ตำแหน่งบริหารสูงสุด ขอคืนพื้นที่อำนาจตัดสินใจ กริ๊ดใส่พี่ชายให้ฟังตัวเองบ้าง รีบเร่งเดินเกมมากเท่าไหร่ ก็นำมาซึ่งความเสื่อมโทรมเร็วของรัฐบาลมากขึ้นเท่านั้น
แว่วว่า สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้รับสัญญาณจาก “ยิ่งลักษณ์” มาโดยตรงเช่นกัน จึงกล้าสั่งลุย ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และชะลอการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้จะถูกคนในพรรคกดดัน ด่าจนยับยู่ยี่ ล่าสุดมีคลิปเสียงหลุดออกมา “โชว์แมน” ประกาศคุยเขื่อง คุยโตว่าเป็นคนที่สะท้อนความเห็นอย่างตรงไปตรงมา จนพ.ต.ท.ทักษิณต้องยอมรับฟัง และปรับเปลี่ยนการเดินหมากคล้อยตามในที่สุด
แต่น่าสนใจว่า การออกมาพูดของ “ขุนค้อนตราดูไบ” ครั้งนี้มันจะเป็นผลดี หรือผลร้ายกับตัวเอง
**คนอย่าง “ทักษิณ” ไม่ชอบอย่างมาก ที่จะให้ใครมาหักเหลี่ยมเฉือนคมตัวเอง ยิ่งออกหน้าต่อสาธารณชนยิ่งแล้วใหญ่ ดังนั้นจึงน่าเป็นห่วงสถานภาพของ “สมศักดิ์” จริงๆ ค้อนในมือ อาจเหลือไว้เคาะที่บ้านแค่นั้น..
ชั่วโมงนี้คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญยังเป็นที่ลุ้นระทึกช็อตแรก ช็อตต่อไปก็คือการปรับครม. ที่มีแนวโน้มชัดขึ้นเรื่อยๆว่าจะเอากันเดือนกรกฎาคมนี่แหละ ก่อนที่จะมีการเปิดสภาสมัยสามัญทั่วไป ที่จะมีเกมกฎหมายร้อนๆ เข้ามามะรุมมะตุ้มกันอีกรอบ หากได้ขุนพลหน้าใหม่ๆ เชี่ยวชาญกฎหมายมารับศึกในสภา พร้อมเตรียมรับมือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล้างแผลสด กันสักครั้งก็น่าจะเป็นอะไรที่เข้าท่า
แต่ช่วงระหว่างนี้ก็เป็นผลเสียทำให้เกิดสุญญากาศ การทำงานของรัฐมนตรีน้ำ 3 จากที่โหลยโท่ยอยู่แล้ว ก็เช้าชามเย็นชามหนักข้อขึ้น โดยเฉพาะจำพวกที่รู้ตัวดีว่าสายป่านยาวไม่ถึงแล้ว จำต้องไสหัวออกจากครม. ในการปรับครม.ที่จะถึงนี้ ก็ทำงานเหมือนรอวันโดนปลด ข้าราชการ ส.ส. เข้าไปติดต่องาน เจอฉุนเฉียวใส่ บอกปัดให้รอไปติดต่อประสานงานกับรัฐมนตรีคนใหม่ นู่น!!
อย่างรายของ สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นั่นปะไร ออกอาการชัดเจน จนไม่ต้องทายว่าสาเหตุแห่งอาการของขึ้น คืออะไร อยู่ดีๆ มาทายว่ารัฐบาลจะอายุสั้นอยู่ไม่ถึงสิ้นปีเสียอย่างนั้น เพราะรู้ตัวมานานแล้วว่า ปรับครม.รอบนี้ เก็บของกลับบ้านแน่ !!
อีกรายที่ข่าวล่ามาแรงว่าจะต้องเปลี่ยนตัวเสียที คือ ธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าของเก้าอี้ตัวนี้ยาวนาน ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ นั่งควบต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ด้วยความเหนียวแน่นระดับ 5 ดาว กาวยี่ห้อหลงจู๊
มีเงื่อนไขพิเศษหลุดออกมาว่า ถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทย แกนหลักรัฐบาลจะขอคืนเก้าอี้ตัวนี้ เพื่อนำไปบริหารเอง
โดยเฉพาะเรื่องการจัดการน้ำ ที่รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ เพราะความรับผิดชอบโดยรวม ไม่ว่ารัฐมนตรีจะเป็นใคร ก็ต้องตกถึงรัฐบาลอยู่ดี หากน้ำท่วมหนักเหมือนปีที่แล้ว รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นเอาตำแหน่งนี้มาบริหารเองดีกว่า และก็เอาเก้าอี้กระทรวงเกรดเอ อย่างศึกษาธิการ ประเคนให้ไปเป็นการแลกเปลี่ยน น่าจะวิน-วิน กันทั้ง 2 ฝ่าย เหลือเพียงรายละเอียดปลีกย่อยที่จะไปตกลงกันเท่านั้น !!
สำหรับรัฐมนตรีในส่วนที่ยังลูกผีลูกคน ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่มั่นใจเลยว่าเก้าอี้ตัวเองจะหลุดตูดไปหรือไม่ ช่วงนี้ขยันเป็นพิเศษ ทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต นายกฯเรียกประชุมเมื่อไหร่ ไม่เคยสาย ไม่เคยขาด เพราะเดี๋ยวอนาคตจะไม่สดใส
และตอนนี้แทบไม่มีคนไหนเลยจะการันตีตำแหน่งรัฐมนตรีของตัวเองเอาไว้ได้ เพราะมีหลายสายเหลือเกิน สายตรงดูไบ สายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า สายเจ๊แดง ฯลฯ
**แต่ที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง แรงกำลังดีมากที่สุด คงจะเป็น สายตึกไทยคู่ฟ้า ที่กำลังสยายปีกคุมรัฐบาล นำโดย “ยิ่งลักษณ์ –กิตติรัตน์- เลขาปุ้ม- เลขากบ” ใครจะไปใครจะมา ว่ากันไป แต่สายนี้ของ “ปู” ต้องอยู่ทำงาน
กระนั้นก็ตาม อีกส่วนหนึ่งที่จับจ้องดูสถานการณ์อยู่เช่นเดียวกัน แกนนำคนเสื้อแดง ก็คาดหมายว่าถึงเวลาของ “คางคกตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่จะขึ้นชั้นเป็นเสนาบดีตาม ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไปเสียที แม้ชั่วโมงนี้ “คางคกตู่” จะกำลังโดนมรสุมอย่างหนัก อาจถึงขั้นเข้าไปนอนในคุก
แต่ถ้ายังอยู่ข้างนอกได้ แกนนำคนเสื้อแดงก็มองว่า น่าจะตอบแทนสิ่งที่ “คางคกตู่” ยอมเลือดตกยางออกบ้าง อันนี้ก็ต้องชั่งใจถาม “ทักษิณ” ว่ายอมหรือไม่ แต่ดูท่าว่า “ยิ่งลักษณ์” ส่ายหน้าบอกปัด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชั่วโมงนี้ บรรดารัฐมนตรี ไม่เว้นแม้กระทั่งคนรอลุ้นจ่อเสียบแทน เรื่อยไปจนถึงหัวขบวนแกนนำ กินนอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่ายอยู่ทุกเวลา กับดีเดย์การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ถูกโหมโรงตีปี๊บประเด็นข่าวกันจนน่ากลัว บ้านเมืองตกอยู่ในสุญญากาศ ค้างเติ่งไม่เดินหน้า
** มันก็เป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำ ก็ใครล่ะทำ ก็ทำตัวเองกันแท้ๆ แล้วประเทศชาติก็ไม่สนใจไปบริหาร เพราะต้องมานั่งลุ้นกับเรื่องทรามๆ ที่ลงมือทำไปทั้งนั้น..