ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- 2 ปรากฏการณ์สะท้านความเสียวที่เกิดขึ้น ทั้งจากกรณีนักเรียนในจังหวัดเพชรบุรีจับกลุ่มกันไปเปิดโรงแรมม่านรูดเพื่อทำกิจกรรมทางเพศในลักษณะแลกเปลี่ยนคู่นอนกันหรือที่รู้จักกันในชื่อของ “สวิงกิ้ง” รวมถึงกรณีคลิปนักเรียนชายและหญิงกำลังมีเพศสัมพันธ์กันใน “โรงภาพยนตร์” แห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรีนั้น สะท้อนให้เห็นความจริงประการสำคัญว่า อนาคตของชาติกำลังตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงเพียงใด
ที่สำคัญคือ นี่ไม่ใช่แค่การชิงสุกก่อนห่าม และไม่ใช่การมีเซ็กซ์กันแบบปกติธรรมดา หากแต่คือการสวิงกิ้งที่ถึงขั้นแลกเปลี่ยนคู่ร่วมเพศกันอย่างอิสระเสรี เฉกเช่นเดียวกับการมีเซ็กซ์ในโรงหนังที่ทำกันในสถานที่สาธารณะอย่างไม่อับอายว่าจะมีใครเห็นหรือไม่
และที่น่าปริวิตกเสียยิ่งกว่าอยู่ตรงที่พฤติกรรมทางเพศลักษณะนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ได้มีแค่ที่เพชรบุรีและราชบุรีเท่านั้น หากแต่จะแพร่ระบาดไปในอีกหลายพื้นที่ของประเทศไทยเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้นกับเยาวชนของไทย?
กรณีแรกนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2555 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรีได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรีว่า มีกลุ่มเด็กนักเรียนชาย-หญิงอายุประมาณ 14-17 ปี จับกลุ่มกันเข้าไปในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังประมาณ 15 นายเข้าประสานกับทางโรงแรมเพื่อขอเข้าตรวจค้น
ทั้งนี้ เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้องพักหมายเลข 3 ของโรงแรมม่านรูดดังกล่าวก็พบวัยรุ่นชาย 3 คน หญิง 2 คนอยู่ภายในห้อง โดยทั้งหมดอยู่ในชุดนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี ส่วนห้องพักหมายเลข 11 พบนักศึกษาชายสถาบันอาชีวศึกษา 3 คนและนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนเอกชนและรัฐบาล 2 คน อายุระหว่าง 14-16 ปีแอบอยู่ในห้องน้ำ โดยนักเรียนชายบางคนไม่ได้สวมเสื้อ
แต่ที่เด็ดที่สุดก็คือ เมื่อได้สอบถามนักเรียนชายคนหนึ่งก็ทำให้ได้ข้อมูลสะท้านทรวงว่า โดยปกตินักเรียนกลุ่มนี้ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 คน ทั้งจากสถาบันเดียวกันและต่างสถาบัน จะนัดกันมาเปิดห้องที่โรงแรมม่านรูดเพื่อมีเพศสัมพันธ์กันในช่วงเช้า โดยจะแยกกัน 2 ห้อง ห้องละ 5 คน ชาย 3 คน หญิง 2 คน ซึ่งทำกันแบบนี้เป็นประจำ
และหลังจากข่าวนักเรียนสวิงกิ้งเผยแพร่ออกไป ในวันเดียวกันนั้นเองในโลกออนไลน์ก็ปรากฏภาพข่าว รวมถึงคลิปฉาวโฉ่ตามมาชนิดที่ทำให้ซี้ดซาดฮือฮาไม่แพ้กัน นั่นคือกรณีคลิปนักเรียนชายและหญิง 2 คนกำลังมีเพศสัมพันธ์กันอย่างโจ๋งครึ่มภายในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี โดยคลิปดังกล่าวถูกอัปโหลดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา มีความยาว 7.36 นาที
ทั้งนี้ ภาพที่ปรากฏผ่านกล้องอินฟาเรดของโรงภาพยนตร์ระบุวันที่ 29/05/2012 ซึ่งคล้ายมีการซูมเข้าไปเพื่อให้เห็นพฤติกรรมของนักเรียนคู่นี้ขณะชมภาพยนตร์ แล้วถูกถ่ายจากโทรศัพท์มือถือที่ปรากฏบนคอมพิวเตอร์ของห้องควบคุมอีกที พร้อมกับมีผู้ชายหลายคนพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันอย่างสนุกสนาน
จากภาพที่ปรากฏจะเห็นว่า ฝ่ายชายตัดผมรองทรง แต่งกายในชุดเครื่องแบบนักเรียน ขณะที่ฝ่ายหญิงตัดผมสั้นประมาณติ่งหู แต่งกายคล้ายเครื่องแบบนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โดยทั้ง 2 พลอดรักกันระหว่างนั่งอยู่ในเก้าอี้โรงภาพยนตร์ และรอบข้างเป็นเก้าอี้ว่างๆ ที่ไม่มีผู้คนนั่งชมภาพยนตร์อยู่ในบริเวณดังกล่าวเลย
“มนตรี สินทวิชัย” หรือ “ครูยุ่น” เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็กให้ความเห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า พฤติกรรมเด็กหนีโรงเรียนมาเปิดโรงแรมมั่วสุมทางเพศเป็นเรื่องน่าเศร้าและนับวันก็น่าเป็นห่วงมากขึ้น หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ปกครองไม่ใส่ใจแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เหตุการณ์ดังกล่าวจะยิ่งปรากฏรุนแรงและถี่มากขึ้น เช่นกรณีนักเรียนนักศึกษาที่จังหวัดเพชรบุรี 10 คนนัดกั้นหนีโรงเรียนมาเปิดโรงแรมม่านรูดนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กเหล่านั้นจะไม่มีพฤติกรรมมั่วสุมทางเพศ
แน่นอน ความเห็นของครูยุ่นนอกจากจะสะท้อนให้เห็นว่า อนาคตเยาวชนของชาติไทยน่าเป็นห่วงยิ่งแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวสังคมไทยถึง 3 ประการด้วยกันคือ
หนึ่ง-ความล้มเหลวของสถาบันครอบครัวที่ไม่ได้เอาใจใส่บุตรหลานของตนเอง
สอง-ความล้มเหลวของระบบการศึกษาที่ไม่สามารถปลูกจิตสำนึกและค่านิยมที่ถูกต้องให้กับนักเรียน-นักศึกษาของตนอง
และสาม-ความล้มเหลวทางด้านจริยธรรมของผู้ประกอบการที่มุ่งหวังเพียงแค่ผลประโยชน์จากการเก็บเงินค่าห้องพัก โดยที่มิได้สนใจว่า ผู้ที่เข้ามาใช่บริการม่านรูดของตนเองเป็นใคร และสมควรที่จะอนุญาตให้เข้าพักหรือไม่
ขณะที่การพลอดรักกันอย่างโจ๋งครึ่มในโรงภาพยนตร์ที่จังหวัดราชบุรี ก็สะท้อนให้เห็น “ยางอาย” ที่นับวันจะลดน้อยถอยลงไปทุกที เพราะต้องไม่ลืมว่า โรงภาพยนตร์เป็นสถานที่สาธารณะซึ่งสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะตกเป็นเป้าสายตาของบุคคลอื่น หรือกล่าวได้ว่า “ความอยาก” ได้บดบังความอายไปจนมิเกรงกลัวว่า กิจกรรมทางเพศของตนจะถูกใครพบเห็นหรือไม่ อย่างไร
แน่นอน กรณีมีเซ็กซ์ในโรงภาพยนตร์ไม่ใช่เรื่องใหม่ และต้องถือว่า เป็นสถานที่ที่มีเหตุการณ์ในทำนองนี้ปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ โดยเมื่อภาพข่าวดังกล่าวปรากฏ ก็มีผู้แสดงความคิดเห็นมากมายว่า พบเห็นเหตุการณ์ในทำนองนี้เป็นประจำในโรงภาพยนตร์
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งแก้ไขพฤติกรรมทางเพศดังกล่าวให้คลี่คลายไปโดยเร็ว เพราะนับวันอายุของเยาวชนที่มีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควรและไม่เหมาะสมจะยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ หากดูข้อมูลและตัวเลขที่ออกมาจากโครงการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์หรืออีคิว(EQ) ซึ่งกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยออกมาก็ยิ่งเศร้าใจหนักเข้าไปอีก เพราะจากการเปรียบเทียบข้อมูลตั้งแต่ปี 2545 2550 และ 2555 จากกลุ่มเด็กอายุ 6-11 ปี จำนวน 5,325 คน ใน 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. ปทุมธานี ระยอง สมุทรสาคร อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด กระบี่ และ ปัตตานี พบว่าระยะ 3 ปีที่ทำการสำรวจผลรวมของคะแนนในกลุ่มอายุ 6-11 ปี นั้น พบว่าคะแนนอีคิวปี 2554 มีค่าต่ำสุด อยู่ที่ 169.72 จาก 179.58 ในปี 2550 และ 186.42 ในปี 2545 ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลดังกล่าวได้มีการคำนวณทางสถิติ ปรากฏว่าเด็กไทยอีคิวยังต่ำกว่าปกติ โดยมีค่าคะแนนอยู่ที่ 45.12 จากค่าคะแนนปกติ 50-100
ทั้งนี้ จากการพิจารณาองค์ประกอบย่อยในแต่ละด้าน จะพบว่า การปรับตัวต่อปัญหามีค่าคะแนนอยู่ที่ 46.65 การควบคุมอารมณ์ 46.50 การยอมรับถูกผิด 45.65 ความพอใจในตนเอง 45.65 ความใส่ใจและเข้าใจอารมณ์ผู้อื่น 45.42 การรู้จักปรับใจ 45.23 และที่เป็นจุดอ่อนมากได้แก่ความมุ่งมั่นพยายาม ซึ่งมีค่าคะแนนอยู่ที่ 42.98 รองลงมา คือ ความกล้าแสดงออก 43.48 และความรื่นเริงเบิกบาน 44.53
ขณะที่เมื่อพิจารณาเป็นรายภาคเกี่ยวกับคะแนนเฉลี่ยความฉลาดทางอารมณ์ตามเกณฑ์ปกติ ที่มีค่าคะแนนอยู่ที่ 50-100 พบว่าภาคใต้มีคะแนนอีคิวเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 45.95 ซึ่งใกล้ค่าปกติมากที่สุด รองลงมา คือ ภาคเหนือ 45.84 กรุงเทพมหานคร 45.62 ภาคกลาง 44.38 และต่ำสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 44.04 ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำเป็นต้องมีการพัฒนาระดับอีคิวเพิ่มขึ้น ทั้งการดูแลเอาใจใส่การปลูกฝังสิ่งที่เหมาะสมต่างๆ
แต่จะว่าไปแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้จะโทษเด็กเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะถ้าเขาไม่เห็นต้นแบบจาก “ผู้ใหญ่” ที่ทำตัวเป็นแบบอย่างจนทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบให้เห็นกันอย่างเจนตา
ดังเช่นกรณีโฟร์ซีซั่นส์ที่ฉาวโฉ่เสียยิ่งกว่านั่นปะไร