ธ.ก.ส.เร่งแจกบัตรสินเชื่อชาวนาครบ 2 ล้านใบสิ้นเดือน ก.ค.นี้ พร้อมยอมลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกค้าที่ใช้บัตรรูดซื้อปัจจัยการผลิต 116 ล้านต่อปี ด้านเอกชน 42 ราย ร่วมโครงการจูงใจซื้อสินค้าเกษตรให้ส่วนลด พร้อมเติมน้ำมันบางจาก-ปตท.ได้
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กับบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และตัวแทนเครือข่ายสมาคมผู้ผลิตปัจจัยการผลิตทางการเกษตรรวม ทั้ง บริษัทปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช และเม็ดพันธุ์ 42 ราย โดยถือเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์และแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 2 ล้านรายที่มีสิทธิถือบัตรสินเชื่อดังกล่าว
สำหรับปัจจัยการผลิตประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นเกษตรกรสามารถซื้อผ่านบัตรได้จากปั๊มบางจากและ ปตท.ประมาณ 1,000 แห่งทั่วประเทศ ในวงเงินไม่เกินรายละ 3,000 บาทต่อฤดูการผลิต โดย ธ.ก.ส.จะงดคิดดอกเบี้ย 30 วัน นับตั้งแต่วันซื้อ ส่วนปตท.และบางจากจะสนับสนุนดอกเบี้ยให้ผ่านระบบบัตรในอัตราลิตรละ 7 สตางค์ จำนวนไม่เกิน 100 ลิตรต่อราย ซึ่งมาจากการประเมินความจำเป็นในการใช้จริงแต่ละรอบการผลิต
ส่วนตัวแทนเครือข่ายสมาคมผู้ผลิตปัจจัยการผลิตที่เข้าร่วมโครงการจะเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 7%ต่อปีแทนเกษตรกรผู้ใช้บัตรเป็นเวลา 4 เดือน รวมแล้วเกษตรกรสามารถซ้อปัจจัยการผลิตผ่านบัตรโดยไม่มาภาระดอกเบี้ยนานถึง 5 เดือน
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าวว่า เบื้องต้นประเมินเกษตรกรจะใช้จ่ายผ่านบัตรประมาณปีละ 2 หมื่นล้านบาท ธนาคารจะสูญเสียรายได้จากดอกเบี้ยช่วง 30 วันเป็นเงินประมาณ 116 ล้านบาท โดยแต่ละฤดูการผลิตจะอยู่ที่ 9 -12 เดือน หากเกษตรกรจ่ายเงินคืนมาภายใน 5 เดือนก็เท่ากับใช้วงเงินโดยไม่มีภาระดอกเบี้ย ส่วนที่บริษัทเอกชนรับภาระแทนนั้นธ.ก.ส.จะจ่ายคืนเป็นเงินสดให้ในบัญชีของลูกค้าแต่ละราย
สำหรับการแจกจ่ายบัตรสินเชื่อเกษตรกรนั้น ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 8.23 แสนใบ อยู่ระว่างดำเนินการอีก 8 แสนใบในเร็วๆ นี้และจะทยอยให้ครบ 2 ล้านใบภายในเดือนก.คนี้ พร้อมกับติดตั้งเครื่อง อีดีซี ที่พร้อมใช้งานกับร้านค้าเครือข่ายไปแล้ว 2,352 ร้านค้าและจะเร่งติดในปั๊มน้ำมันทุกอำเภอให้ครบ 1 พันแห่งภายในเดือน ก.ค.นี้เช่นกัน.
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กับบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และตัวแทนเครือข่ายสมาคมผู้ผลิตปัจจัยการผลิตทางการเกษตรรวม ทั้ง บริษัทปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช และเม็ดพันธุ์ 42 ราย โดยถือเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์และแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 2 ล้านรายที่มีสิทธิถือบัตรสินเชื่อดังกล่าว
สำหรับปัจจัยการผลิตประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นเกษตรกรสามารถซื้อผ่านบัตรได้จากปั๊มบางจากและ ปตท.ประมาณ 1,000 แห่งทั่วประเทศ ในวงเงินไม่เกินรายละ 3,000 บาทต่อฤดูการผลิต โดย ธ.ก.ส.จะงดคิดดอกเบี้ย 30 วัน นับตั้งแต่วันซื้อ ส่วนปตท.และบางจากจะสนับสนุนดอกเบี้ยให้ผ่านระบบบัตรในอัตราลิตรละ 7 สตางค์ จำนวนไม่เกิน 100 ลิตรต่อราย ซึ่งมาจากการประเมินความจำเป็นในการใช้จริงแต่ละรอบการผลิต
ส่วนตัวแทนเครือข่ายสมาคมผู้ผลิตปัจจัยการผลิตที่เข้าร่วมโครงการจะเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 7%ต่อปีแทนเกษตรกรผู้ใช้บัตรเป็นเวลา 4 เดือน รวมแล้วเกษตรกรสามารถซ้อปัจจัยการผลิตผ่านบัตรโดยไม่มาภาระดอกเบี้ยนานถึง 5 เดือน
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าวว่า เบื้องต้นประเมินเกษตรกรจะใช้จ่ายผ่านบัตรประมาณปีละ 2 หมื่นล้านบาท ธนาคารจะสูญเสียรายได้จากดอกเบี้ยช่วง 30 วันเป็นเงินประมาณ 116 ล้านบาท โดยแต่ละฤดูการผลิตจะอยู่ที่ 9 -12 เดือน หากเกษตรกรจ่ายเงินคืนมาภายใน 5 เดือนก็เท่ากับใช้วงเงินโดยไม่มีภาระดอกเบี้ย ส่วนที่บริษัทเอกชนรับภาระแทนนั้นธ.ก.ส.จะจ่ายคืนเป็นเงินสดให้ในบัญชีของลูกค้าแต่ละราย
สำหรับการแจกจ่ายบัตรสินเชื่อเกษตรกรนั้น ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 8.23 แสนใบ อยู่ระว่างดำเนินการอีก 8 แสนใบในเร็วๆ นี้และจะทยอยให้ครบ 2 ล้านใบภายในเดือนก.คนี้ พร้อมกับติดตั้งเครื่อง อีดีซี ที่พร้อมใช้งานกับร้านค้าเครือข่ายไปแล้ว 2,352 ร้านค้าและจะเร่งติดในปั๊มน้ำมันทุกอำเภอให้ครบ 1 พันแห่งภายในเดือน ก.ค.นี้เช่นกัน.
