ASTVผู้จัดการรายวัน-แกรมมี่ แก้ตัวพัลวัน ปัดสั่งจอดำ โบ้ยข้อความขออภัยจอมืด เป็นเรื่องของสถานี แค่ระงับเนื้อหาฟุตบอลเท่านั้น ศาลแพ่งออกหมายเรียกฟรีทีวีไต่สวนต่อวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (27 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 310 ศาลแพ่งนัดไต่สวนฉุกเฉินคดีหมายเลขดำ ผบ.1841/2555 ที่ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค , น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค กับพวก รวม 5 ราย ซึ่งเป็นผู้บริโภคใช้บริการสาธารณะฟรีทีวี และผู้ใช้ระบบเคเบิ้ลทีวีและดาวเทียม ร่วมเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคดีผู้บริโภค บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดมหาชน ผู้ให้บริการสถานีโทรทัศน์ทีวีช่อง 3 , กองทัพบก ผู้ให้บริการสถานีโทรทัศน์ ททบ.5, บริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด เป็นจำเลยที่1-4 เรื่องร่วมกันทำละเมิด และผิดสัญญา โดยขอให้ศาลไต่สวนเพื่อขอคุ้มครองฉุกเฉิน ให้จำเลยที่ 1-4 แพร่ภาพถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรโดยด่วนที่สุดก่อนการแข่งขันจะสิ้นสุดในวันที่ 2 ก.ค.นี้
โดยเป็นการไต่สวนพยานของ บริษัท จีเอ็มเอ็มฯ จำเลยที่ 4 ซึ่งนายเดียว วรตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการสายงาน Platform Strategy บริษัท จีเอ็มเอ็มฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลกลยุทธ์ทั่วไปของบริษัท จี เอ็ม เอ็ม แกรมมี่ จำกัด เบิกความว่า บริษัทแกรมมี่ ซึ่งเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์แห่งเดียวในประเทศไทยจากสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) และมีหนังสือสัญญาร่วมกันว่าขอบเขตของการถ่ายทอดสดจะมีแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งแกรมมี่ ยังมีคู่สัญญาด้วยกันกับช่อง 3 ,9 ฟรีทีวีที่มาช่วยแบกรับต้นทุน ส่วนช่อง5 เพิ่งจะมีการเจรจาภายหลัง
ส่วนสัญญาที่ยูฟ่าระบุว่าการถ่ายทอดให้มีขอบเขตเฉพาะในประเทศไทยนั้น ในทางเทคนิคแล้วการควบคุมจะให้อยู่ในขอบเขตได้ คือ ทางเสาอากาศ เคเบิ้ลทีวี และอินเตอร์เน็ต ซึ่งยูฟ่าระบุด้วยว่าในการถ่ายทอดผ่านระบบจานดาวเทียมต้องมีการป้องกันแบบสูงสุด เพราะในระบบดาวเทียมจะมีอยู่ 2 ระบบ คือ C-band ซึ่งรับสัญญาณจากดาวเทียมไทยคมจะสามารถส่งสัญญาณไปได้ถึง 22 ประเทศทั่วโลก และ Ku-band ซึ่งส่งสัญญาณได้ในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง
ทั้งนี้ แกรมมี่ไม่ได้ระงับการส่งสัญญาณ แต่ระงับแค่เนื้อหาที่เป็นฟุตบอลยูโรเท่านั้น และเรื่องนี้แกรมมี่ได้เคยเจรจากับยูฟ่าแล้ว เพื่อขอให้ปล่อยสัญญาณเป็นกรณีพิเศษให้ได้ชมทุกช่องทางแล้ว แต่ยูฟ่าไม่อนุมัติ
อย่างไรก็ตาม นายเดียว ได้เบิกความยอมรับที่ทนายโจทก์ซักค้านด้วยว่า การดำเนินการถ่ายทอดสดบอลยูโรครั้งนี้ ได้ประโยชน์จากสปอนเซอร์ที่ได้จากลิขสิทธิ์ ค่าโฆษณา การขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท และการขยายฐานธุรกิจเครือข่ายดาวเทียมแกรมมี่ในอนาคต
ในการเบิกความครั้งนี้ นายเดียว ยังได้นำเอกสารสัญญาที่ทำไว้กับยูฟ่า ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษมาแสดงให้ศาลเพื่อให้ฝ่ายโจทก์ได้ตรวจสอบ ซึ่งฝ่ายโจทก์ได้แปลสัญญาแล้วระบุว่า ข้อตกลงกับยูฟ่า ไม่มีส่วนไหนที่บังคับให้ส่งสัญญาณถ่ายทอดสดเฉพาะเสาอากาศ ขณะที่นายเดียว ได้ยืนยันว่า ยังคงยืนยันว่าในสัญญามีข้อบังคับ แต่สัญญาที่นำมาในวันนี้เป็นฉบับย่อ ไม่ใช่ฉบับเต็ม อย่างไรก็ดี จากการโต้แย้งของสองฝ่าย ศาลจึงแจ้งคู่ความว่าจะนำเอกสารภาษาอังกฤษแปลเองอีกครั้ง
ภายหลังไต่สวนพยานเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 18.30 น. ศาลได้ออกหมายเรียกผู้แทนช่อง 3,5,7,9 และไทยพีบีเอส มาเป็นพยานศาล เพื่อมาสอบถามถึงการถ่ายทอดสดว่ามีขั้นตอนอย่างไรเพื่อเปรียบเทียบในวันนี้ (28 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. โดยศาลยังได้กล่าวกับคู่ความด้วยว่า ผลคำสั่งของครั้งนี้ จะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่าผลในอนาคต เพราะจะเป็นแนวทางในการทำธุรกิจซื้อลิขสิทธิ์ในอนาคตว่ารัฐควรต้องปกป้องสิทธิผู้บริโภคอย่างไร ขณะที่ศาลต้องคำนึงถึงการประกอบธุรกิจที่จะมีผลกระทบต่อต่างประเทศด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (27 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 310 ศาลแพ่งนัดไต่สวนฉุกเฉินคดีหมายเลขดำ ผบ.1841/2555 ที่ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค , น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค กับพวก รวม 5 ราย ซึ่งเป็นผู้บริโภคใช้บริการสาธารณะฟรีทีวี และผู้ใช้ระบบเคเบิ้ลทีวีและดาวเทียม ร่วมเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคดีผู้บริโภค บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดมหาชน ผู้ให้บริการสถานีโทรทัศน์ทีวีช่อง 3 , กองทัพบก ผู้ให้บริการสถานีโทรทัศน์ ททบ.5, บริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด เป็นจำเลยที่1-4 เรื่องร่วมกันทำละเมิด และผิดสัญญา โดยขอให้ศาลไต่สวนเพื่อขอคุ้มครองฉุกเฉิน ให้จำเลยที่ 1-4 แพร่ภาพถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรโดยด่วนที่สุดก่อนการแข่งขันจะสิ้นสุดในวันที่ 2 ก.ค.นี้
โดยเป็นการไต่สวนพยานของ บริษัท จีเอ็มเอ็มฯ จำเลยที่ 4 ซึ่งนายเดียว วรตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการสายงาน Platform Strategy บริษัท จีเอ็มเอ็มฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลกลยุทธ์ทั่วไปของบริษัท จี เอ็ม เอ็ม แกรมมี่ จำกัด เบิกความว่า บริษัทแกรมมี่ ซึ่งเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์แห่งเดียวในประเทศไทยจากสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) และมีหนังสือสัญญาร่วมกันว่าขอบเขตของการถ่ายทอดสดจะมีแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งแกรมมี่ ยังมีคู่สัญญาด้วยกันกับช่อง 3 ,9 ฟรีทีวีที่มาช่วยแบกรับต้นทุน ส่วนช่อง5 เพิ่งจะมีการเจรจาภายหลัง
ส่วนสัญญาที่ยูฟ่าระบุว่าการถ่ายทอดให้มีขอบเขตเฉพาะในประเทศไทยนั้น ในทางเทคนิคแล้วการควบคุมจะให้อยู่ในขอบเขตได้ คือ ทางเสาอากาศ เคเบิ้ลทีวี และอินเตอร์เน็ต ซึ่งยูฟ่าระบุด้วยว่าในการถ่ายทอดผ่านระบบจานดาวเทียมต้องมีการป้องกันแบบสูงสุด เพราะในระบบดาวเทียมจะมีอยู่ 2 ระบบ คือ C-band ซึ่งรับสัญญาณจากดาวเทียมไทยคมจะสามารถส่งสัญญาณไปได้ถึง 22 ประเทศทั่วโลก และ Ku-band ซึ่งส่งสัญญาณได้ในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง
ทั้งนี้ แกรมมี่ไม่ได้ระงับการส่งสัญญาณ แต่ระงับแค่เนื้อหาที่เป็นฟุตบอลยูโรเท่านั้น และเรื่องนี้แกรมมี่ได้เคยเจรจากับยูฟ่าแล้ว เพื่อขอให้ปล่อยสัญญาณเป็นกรณีพิเศษให้ได้ชมทุกช่องทางแล้ว แต่ยูฟ่าไม่อนุมัติ
อย่างไรก็ตาม นายเดียว ได้เบิกความยอมรับที่ทนายโจทก์ซักค้านด้วยว่า การดำเนินการถ่ายทอดสดบอลยูโรครั้งนี้ ได้ประโยชน์จากสปอนเซอร์ที่ได้จากลิขสิทธิ์ ค่าโฆษณา การขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซท และการขยายฐานธุรกิจเครือข่ายดาวเทียมแกรมมี่ในอนาคต
ในการเบิกความครั้งนี้ นายเดียว ยังได้นำเอกสารสัญญาที่ทำไว้กับยูฟ่า ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษมาแสดงให้ศาลเพื่อให้ฝ่ายโจทก์ได้ตรวจสอบ ซึ่งฝ่ายโจทก์ได้แปลสัญญาแล้วระบุว่า ข้อตกลงกับยูฟ่า ไม่มีส่วนไหนที่บังคับให้ส่งสัญญาณถ่ายทอดสดเฉพาะเสาอากาศ ขณะที่นายเดียว ได้ยืนยันว่า ยังคงยืนยันว่าในสัญญามีข้อบังคับ แต่สัญญาที่นำมาในวันนี้เป็นฉบับย่อ ไม่ใช่ฉบับเต็ม อย่างไรก็ดี จากการโต้แย้งของสองฝ่าย ศาลจึงแจ้งคู่ความว่าจะนำเอกสารภาษาอังกฤษแปลเองอีกครั้ง
ภายหลังไต่สวนพยานเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 18.30 น. ศาลได้ออกหมายเรียกผู้แทนช่อง 3,5,7,9 และไทยพีบีเอส มาเป็นพยานศาล เพื่อมาสอบถามถึงการถ่ายทอดสดว่ามีขั้นตอนอย่างไรเพื่อเปรียบเทียบในวันนี้ (28 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. โดยศาลยังได้กล่าวกับคู่ความด้วยว่า ผลคำสั่งของครั้งนี้ จะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่าผลในอนาคต เพราะจะเป็นแนวทางในการทำธุรกิจซื้อลิขสิทธิ์ในอนาคตว่ารัฐควรต้องปกป้องสิทธิผู้บริโภคอย่างไร ขณะที่ศาลต้องคำนึงถึงการประกอบธุรกิจที่จะมีผลกระทบต่อต่างประเทศด้วย