ASTVผู้จัดการรายวัน – แมกโนเลียฯได้ฤกษ์เปิดตัว “ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ” มูลค่าการลงทุนเกือบ 6,000 ล้านบาท คาดปิดการขายคอนโดฯภายในปีครึ่ง ไม่หวั่นแม้เป็นสัญญาเช่า 30 ปี ระบุราคาสู้คู่แข่งสบายแค่ 1.7 แสนบาท/ตร.ม. ยันเริ่มก่อสร้างไตรมาส 3 /55 แล้วเสร็จต้นปี 58 เตรียมออกโรดโชว์ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน
นายธนวันต์ ชัยชนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกโนเลีย ไฟน์เนสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการ “ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวเป็นอาคารสูง 60 ชั้นๆ 1-16 พัฒนาเป็นโรงแรมจำนวน 170 ยูนิต ส่วนชั้น 17-55 เป็นคอนโดมิเนียมหรู จำนวน 325 ยูนิต ขนาด 1-2 ห้องนอน ,ห้องเพนท์เฮาส์และดูเพล็กซ์ เพนท์เฮาส์ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 48-360 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาเริ่มต้นที่ 8.5-80 ล้านบาท หรือ 1.7 แสนบาทต่อตร.ม. โดยบริษัทโดยตั้งเป้ายอดจอง 30% โดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 1-1.5 ปี ก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งหลังจากนี้บริษัทมีแผนจะนำโครงการไปจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกด้วย
โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท แมกโนเลีย อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กับบริษัท มณียา เรียลตี้ จำกัด ในสัดส่วน 50:50 บนพื้นที่ 6.5 ไร่ ย่านราชประสงค์ ตั้งอยู่ระหว่างโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณและโรงแรมเพนนินซูล่า โดยเป็นการเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และพระคลังข้างที่โดยตรง อายุสัญญาเช่า 30 ปี บวกการก่อสร้างอีก 4 ปี เริ่มก่อสร้างไตรมาส 3 ของปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกปี 2558
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวพัฒนาเป็นอาคารสูง 60 ชั้น รูปแบบ Mixed use residential เนื้อที่กว่า 100,000 ตร.ม. บริเวณชั้น 1-16 เป็นส่วนของโรงแรมหรูระดับลักซ์ชัวรี่จำนวน 170 ห้อง โดยให้กลุ่มฮิลตัน เวิลด์ไวด์ บริหารโรงแรมภายใต้เชน “วอดอร์ฟ แอสโทเรีย” ซึ่งถือเป็นเชนลักซ์ชัวรี่ ระดับสูงสุดในเครือฮิลตัน (ในเอเชียมีเพียง 1 แห่งคือ วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย เซี่ยงไฮ้ และประเทศไทยจะเป็นแห่งที่ 2) โดยมีสัญญาบริหารนานถึง 30 ปี โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณปลายปี 2558
“ลูกค้าที่มาซื้อโครงการเราได้ให้ความเห็นว่าโครงการนี้แม้ว่าจะเป็นที่ดินให้เช่าระยะยาว 30 ปี แต่ราคาขายต่ำกว่าโครงการในทำเลใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นที่ดินขายขาด จึงซื้อโครงการของเราดีกว่า เพราะสามารถเก็บเงินไว้ลงทุนอย่างอื่นได้ ดีกว่านำไปซื้อในโครงการที่ราคาสูงกว่า สำหรับลูกค้าที่จองซื้อส่วนใหญ่จะสนใจห้องขนาด 1-2 นอน ส่วนห้องเพ้นท์เฮาส์ มีลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจสนใจซื้อไปแล้ว 1 ยูนิต” นายธนวันต์กล่าว.
นายธนวันต์ ชัยชนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกโนเลีย ไฟน์เนสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการ “ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวเป็นอาคารสูง 60 ชั้นๆ 1-16 พัฒนาเป็นโรงแรมจำนวน 170 ยูนิต ส่วนชั้น 17-55 เป็นคอนโดมิเนียมหรู จำนวน 325 ยูนิต ขนาด 1-2 ห้องนอน ,ห้องเพนท์เฮาส์และดูเพล็กซ์ เพนท์เฮาส์ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 48-360 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาเริ่มต้นที่ 8.5-80 ล้านบาท หรือ 1.7 แสนบาทต่อตร.ม. โดยบริษัทโดยตั้งเป้ายอดจอง 30% โดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 1-1.5 ปี ก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งหลังจากนี้บริษัทมีแผนจะนำโครงการไปจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกด้วย
โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท แมกโนเลีย อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กับบริษัท มณียา เรียลตี้ จำกัด ในสัดส่วน 50:50 บนพื้นที่ 6.5 ไร่ ย่านราชประสงค์ ตั้งอยู่ระหว่างโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณและโรงแรมเพนนินซูล่า โดยเป็นการเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และพระคลังข้างที่โดยตรง อายุสัญญาเช่า 30 ปี บวกการก่อสร้างอีก 4 ปี เริ่มก่อสร้างไตรมาส 3 ของปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกปี 2558
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวพัฒนาเป็นอาคารสูง 60 ชั้น รูปแบบ Mixed use residential เนื้อที่กว่า 100,000 ตร.ม. บริเวณชั้น 1-16 เป็นส่วนของโรงแรมหรูระดับลักซ์ชัวรี่จำนวน 170 ห้อง โดยให้กลุ่มฮิลตัน เวิลด์ไวด์ บริหารโรงแรมภายใต้เชน “วอดอร์ฟ แอสโทเรีย” ซึ่งถือเป็นเชนลักซ์ชัวรี่ ระดับสูงสุดในเครือฮิลตัน (ในเอเชียมีเพียง 1 แห่งคือ วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย เซี่ยงไฮ้ และประเทศไทยจะเป็นแห่งที่ 2) โดยมีสัญญาบริหารนานถึง 30 ปี โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณปลายปี 2558
“ลูกค้าที่มาซื้อโครงการเราได้ให้ความเห็นว่าโครงการนี้แม้ว่าจะเป็นที่ดินให้เช่าระยะยาว 30 ปี แต่ราคาขายต่ำกว่าโครงการในทำเลใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นที่ดินขายขาด จึงซื้อโครงการของเราดีกว่า เพราะสามารถเก็บเงินไว้ลงทุนอย่างอื่นได้ ดีกว่านำไปซื้อในโครงการที่ราคาสูงกว่า สำหรับลูกค้าที่จองซื้อส่วนใหญ่จะสนใจห้องขนาด 1-2 นอน ส่วนห้องเพ้นท์เฮาส์ มีลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจสนใจซื้อไปแล้ว 1 ยูนิต” นายธนวันต์กล่าว.