xs
xsm
sm
md
lg

ต้องช่วยกันให้พ้นจากปฏิกูลการเมือง

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

80 ปีแล้วครับสำหรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตย เป็น 80 ปีที่เรายังไม่ได้เห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย เคยสัมผัสแต่ประชาธิปไตยครึ่งใบบ้าง ประชาธิปไตยที่ไม่เต็มใบบ้างเท่านั้นเอง

ซ้ำทุกวันนี้ประชาชนแตกแยกแบ่งเป็นหลายขั้วหลายฝ่าย และต่างก็ตะเกียกตะกายหาประชาธิปไตยกันทั้งสิ้น

หลังวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง อำนาจอยู่ที่คณะเปลี่ยนแปลงการปกครองที่เรียกกันว่า คณะราษฎร นักการเมืองที่เข้าสู่สภายุคแรกๆ ส่วนใหญ่เป็นนักกฎหมาย ครูประชาบาล ข้าราชการท้องถิ่น คนเหล่านี้ค่อนข้างเอาการเอางาน สนใจงานการเมือง สนใจที่จะเสียสละให้แก่สังคม เป็นคนมีชื่อเสียงในท้องถิ่น

ต่อมาไม่นาน คณะราษฎรแตกคอกันเอง นักการเมืองไปสนับสนุนคนสำคัญของคณะราษฎรที่แตกคอกันกลายเป็นก๊กเป็นเหล่า บางคนบางกลุ่มมีกำลังทหารสนับสนุนเพราะมีตำแหน่งแห่งที่เป็นผู้บังคับบัญชาทหาร หรือเมื่อมีอำนาจก็สามารถแต่งตั้งทหาร แต่งตั้งตำรวจเพื่อที่จะคานอำนาจสภา โดยใช้อำนาจทางทหารปฏิวัติรัฐประหาร หากสภาทำท่าว่าจะแข็งขืนอำนาจของตน

ประเทศไทยใน 30 ปีแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงอยู่ที่วัฏจักรแห่งความเลวร้ายด้วยการเลือกตั้ง ยึดอำนาจ ร่างรัฐธรรมนูญ เลือกตั้ง ยึดอำนาจ ร่างรัฐธรรมนูญวนเวียนอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งเกิดการลุกขึ้นสู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2514 โดยมีจุดเริ่มต้นที่การเรียกร้องรัฐธรรมนูญปกครองประเทศแทน ธรรมนูญการปกครองชั่วคราวที่คณะทหารที่มี ถนอม/ประภาส เป็นหัวโจกที่ยึดอำนาจตัวเองหลังจากที่ได้สืบทอดอำนาจจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นเวลาอันยาวนานนับแต่ยึดอำนาจจาก จอมพล. ป.พิบูลสงคราม เมื่อปี พ.ศ. 2500

การลุกขึ้นสู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนอันลือลั่นครั้งนั้น ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่ระบอบประชาธิปไตยมากขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ก็ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงชนิดถอนรากถอนโคนความเลวร้ายในสังคม อำนาจทหารก็ยังเหมือนเดิม พร้อมที่จะปฏิวัติรัฐประหารได้ทุกเมื่อ ข้าราชการประจำก็ยังมีทัศนคติเหมือนเดิมคือต้องการไต่เต้า ต้องการเป็นใหญ่ และสิ่งที่จะทำให้พวกเขาสามารถไต่เต้าเป็นใหญ่ในระบบราชการได้ก็คือ ทอดตัวไปรับใช้นักการเมือง ซึ่งมาถึงตอนนี้ นักการเมืองที่อาศัยการเลือกตั้งเข้มแข็งขึ้นอยู่ในอำนาจได้นานขึ้น

หลังวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ที่กลุ่มอำนาจเก่า ถนอม/ประภาส ฟื้นคืนชีพ นักเลือกตั้งมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสังคมไทยและสังคมโลกรังเกียจการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ว่าจะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นครั้งใด ก็จะต้องเร่งร่างรัฐธรรมนูญ เร่งเลือกตั้ง เช่น การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2520 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 และวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็ต้องเร่งร่างรัฐธรรมนูญ และเร่งการเลือกตั้ง แม้จะรู้ว่าการเลือกตั้งแต่ละครั้งเราจะได้นักเลือกตั้ง ได้นักธุรกิจการเมืองหน้าเดิมๆ ปากบอกประชาธิปไตย ปากบอกว่าจะทำทุกอย่างเพื่อประชาชน แต่ที่เห็นและเป็นอยู่ก็คือ นักธุรกิจการเมืองเหล่านี้ร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ แสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ก็มีทรัพย์สินเป็นร้อยล้านพันล้าน ทั้งที่พื้นเพเดิมก็ไม่ร่ำรวยมาก่อน

หลังการยึดอำนาจเมื่อปี พ.ศ. 2534 ทำให้เสียงเรียกร้องปฏิรูปการเมืองเกิดขึ้นเนื่องจากเห็นว่าหากปล่อยให้ประเทศไทยเป็นเช่นนี้ต่อไป ประเทศก็จะอยู่ภายใต้อำนาจของนักเลือกตั้งซึ่งเปลี่ยนโฉมจากการเลือกตั้งหลังปี พ.ศ. 2475 ไปอย่างสิ้นเชิง ครูประชาบาล ทนายความ ข้าราชการเด่นๆ ในท้องถิ่นแทบจะไม่มีโอกาสเข้าสภา นอกจากทอดตัวลงไปรับใช้นักการเมือง พรรคการเมืองซึ่งจะมีเถ้าแก่ใหญ่ระดับประเทศ ระดับจังหวัดเป็นเจ้าของ

นายทุนใหญ่ระดับประเทศ ระดับจังหวัด ที่เคยสนับสนุนนักการเมืองท้องถิ่นต่างได้คิดว่า เรื่องอะไรที่จะไปสนับสนุนคนอื่น เล่นเองดีกว่า เราจึงได้เห็นเถ้าแก่ใหญ่ นักรับเหมาเป็นเจ้าของพรรคการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ มากขึ้นเรื่อยๆ แถมเอาลูกเอาหลาน เอาผัว เอาเมีย มาเป็น มาสืบทอดอำนาจ

เป็นการสืบทอดอำนาจ เป็นการกดหัวคนไทยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

การเมืองไทยเดินทางมาสู่หัวเลี้ยวสำคัญเมื่อมีรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2540 ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมา แต่ก็เป็นโชคร้ายของประเทศไทยที่เรามีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จผันตัวเองมาเป็นนักการเมือง ความร่ำรวยของเขาทำให้สามารถกวาดต้อนนักการเมืองส่วนหนึ่งเข้ามาอยู่ในพรรค ซื้อพรรคการเมืองเข้ามาอยู่ในสังกัด ทำให้เป็นพรรคใหญ่พรรคเดียว และฝ่ายค้านไม่สามารถที่จะตรวจสอบ (อภิปรายไม่ไว้วางใจได้) ทำให้เขาสามารถทุจริตเชิงนโยบาย สามารถบริหารประเทศได้ตามอำเภอใจ เป็นต้น ออกนโยบายปราบยาเสพติดทำให้เกิดการวิสามัญฆาตกรรมบุคคลที่คิดว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด 2,000 กว่าราย เป็นเจ้ามือหวย 2-3 ตัว โดยให้กองสลากจัดการให้ (เพราะเงินที่ได้ไม่เข้าคลัง) แทรกแซงองค์กรอิสระ เช่น กกต., ป.ป.ช. เพื่อให้พรรคของตัวได้เปรียบ จนกระทั่ง กกต.กำลังจะเผชิญชะตากรรมเลวร้ายอาจติดคุกได้ในเวลานี้

ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาแล้ว 80 ปี บัดนี้ประเทศไทยเดินทางมาสู่จุดสำคัญ เนื่องจากนักธุรกิจการเมืองคนสำคัญที่สูญเสียอำนาจไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 พยายามกลับมาฟื้นอำนาจอีก

และก็สำเร็จเสียด้วย เขาสามารถทำให้นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

และขณะนี้ก็ทำให้น้องสาวที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองได้เป็นนายกรัฐมนตรี กำลังเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ กำลังเสนอกฎหมายปรองดองเพื่อช่วยให้นักธุรกิจการเมืองคนนี้กลับประเทศโดยที่ไม่ต้องติดคุก และให้ได้สมบัติที่ศาลฎีการตัดสินแล้วให้เป็นของรัฐกลับคืน

80 ปีบนเส้นทางของประชาธิปไตย แทนที่เราจะสามารถปฏิรูปให้ดีขึ้น เรากลับเดินทางไปสู่ปฏิกูลทางการเมือง

โชคร้ายของคนไทย โชคร้ายของประเทศไทยจริงๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น