ASTVผู้จัดการรายวัน -สวนดุสิตโพลมาแปลก ถามรัฐธรรมนูญโยง 80 ปีวันปฏิวัติประชาธิปไตย พบชาวกรุง 41.78 % ค่อนข้างสนใจ รธน. 57.53 % พอรู้บ้าง 66.44 % ชี้เป็นสิ่งสำคัญมาก 39.02 % อ้างฉบับปี 50 ก่อให้เกิดความขัดแย้ง 44.29 % ไม่แน่ใจการแก้ไข 42.12 % ระบุฉบับใหม่ต้องเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง 39.57 % รับยังไม่ค่อยสมบูรณ์ 54.19 % หนุนมาจากเสียงของประชาชนส่วนใหญ่
วานนี้ (24 มิ.ย.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สอบถามความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญไทย จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,245 คน เนื่องในวันครบรอบ 80 ปี วันปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถึงความสนใจต่อรัฐธรรมนูญ พบว่า 41.78 % ค่อนข้างสนใจ เพราะ มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย และหวังว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมฯลฯ 31.51 % ไม่ค่อยสนใจ เพราะ รู้สึกเบื่อและไม่เชื่อมั่นในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขบ่อย, บุคคลบางกลุ่มอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายในการหาผลประโยชน์ ฯลฯ 14.70 % ไม่สนใจ เพราะยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้มากนัก อยากให้เน้นเรื่องปัญหาปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า ฯลฯ และ 12.01 % สนใจมาก เพราะ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ ส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองและความเป็นอยู่ของประชาชน
เมื่อถามความรู้ของประชาชน ต่อรัฐธรรมนูญของไทย 57.53 % ระบุ พอรู้บ้าง เพราะเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ควรรู้ และเข้าใจสาระสำคัญในรัฐธรรมนูญ จะได้ไม่ถูกหลอก, ศึกษาบางมาตราที่สนใจ ฯลฯ ส่วน 28.78 % บอกไม่รู้เลย เพราะไม่ได้ศึกษา ไม่ได้ติดตาม คิดว่าเป็นเรื่องที่นักการเมืองหรือผู้ที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายควรให้ความสำคัญมากกว่า ฯลฯ อีก 8.90 % ระบุ ไม่ค่อยรู้ เพราะเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เป็นภาษากฎหมาย รายละเอียดเยอะ, มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงมาแล้วหลายฉบับ ฯลฯ และ 4.79 % รู้เป็นอย่างดี เพราะ มีความสนใจและศึกษาความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับต่างๆ, เรียนกฎหมายมา เกี่ยวข้องกับงานที่ทำ
เมื่อถามความสำคัญของรัฐธรรมนูญที่มีต่อประเทศไทย ในความคิดเห็นของประชาชน 66.44 % บอก สำคัญอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนไทยทุกคน, รัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์ส่งผลให้ระบอบประชาธิปไตยมีความเข้มแข็ง ฯลฯ ส่วนอีก 26.03 % ระบุว่า สำคัญอยู่บ้าง เพราะนักการเมืองมักนำเอารัฐธรรมนูญมาเป็นข้ออ้างในการบริหารประเทศ กฎหมายรัฐธรรมนูญมีผลต่อการพัฒนาประเทศและทุกๆ ด้าน ฯลฯ ขณะที่ 4.11% เห็นว่าไม่ค่อยสำคัญ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่านักการเมืองและผู้มีอำนาจเป็นผู้กำหนดแนวทางการพัฒนาของประเทศมากกว่าใช้รัฐธรรมนูญ ฯลฯ และ 3.42 % เห็นว่าไม่สำคัญ เพราะความมีวินัย ความรักความสามัคคีของคนในชาติเป็นสิ่งสำคัญ หากมีรัฐธรรมนูญแต่ไม่ปฏิบัติตามก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชน ต่อ “รัฐธรรมนูญ” ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ( ฉบับปี 2550) กลุ่มตัวอย่าง 39.02 % เห็นว่าก่อให้เกิดความขัดแย้งและการกระทบกระทั่งกันของกลุ่มต่างๆ มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วน 30.51 % ระบุ ยังมีประชาชนอีกมากที่ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องยากที่จะต้องศึกษาอย่างละเอียด ส่วน 19.49 % เห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังไม่เป็นที่ยอมรับของคนบางกลุ่ม ยังมีหลายประเด็นที่เห็นว่าควรแก้ไขให้เหมาะสม และ 10.98 % เห็นว่า ทุกคนควรเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อบ้านเมืองจะได้เกิดความสงบสุข
เมื่อถามว่า จากการที่รัฐบาลเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและคัดค้านให้ยุติ ประชาชนคิดว่าควรดำเนินการอย่างไร กลุ่มตัวอย่าง 44.29 % ระบุ ไม่แน่ใจ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และไม่เข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญดีพอ, กระบวนการ ขั้นตอนต่างๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีมากเกินไป ฯลฯ ส่วนอีก 32.14 % เห็นว่า ควรแก้ไขต่อไปเพื่อให้จบสิ้น เพราะรัฐบาลจะได้เดินหน้าบริหารบ้านเมืองต่อไปได้อย่างเต็มที่, ความขัดแย้งต่างๆ จะได้ยุติลง, บางมาตราสมควรแก้ไข ฯลฯ ขณะที่ 23.57 % เห็นว่า ไม่ควรแก้ไข เพราะก่อให้เกิดความขัดแย้งและการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรง, มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง, รัฐธรรมนูญเดิมเหมาะสมแล้ว
เมื่อถามว่า คิดว่ารัฐธรรมนูญ ในอนาคตของไทยควรเป็นอย่างไร กลุ่มตัวอย่าง 42.12 % เห็นว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากความถูกต้อง ชอบธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส่วนอีก 23.04 % เห็นว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่สามารถทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าและประชาชนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ขณะที่ 18.73% เห็นว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความสมบูรณ์ ไม่มีช่องโหว่ทางกฎหมายหรือเพื่อให้คนบางกลุ่มหาผลประโยชน์ และ 16.11 % ระบุ เป็นรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาสาระที่เหมาะสมและสามารถใช้ได้ตลอดไปถึงแม้ว่าสภาพสังคมจะเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่า ประเทศไทยมีการใช้รัฐธรรมนูญมาครบ 80 ปี ประชาชนคิดว่าประชาธิปไตยของไทยมีความสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด กลุ่มตัวอย่าง 39.57 % เห็นว่าไม่ค่อยสมบูรณ์ เพราะยังมีความขัดแย้งเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และมีการพยายามที่จะแก้ไขบางมาตราที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ฯลฯ ส่วนอีก 37.41 % เห็นว่า ค่อนข้างสมบูรณ์เพราะมีเพียงบางมาตราเท่านั้นที่ควรแก้ไขให้เหมาะสม ครอบคลุมกับสถานการณ์หรือสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ฯลฯ ขณะที่ 14.39 % ระบุไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ว่าจะเป็น รธน.ฉบับใด ประชาชนมักไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ อำนาจในการตัดสินใจส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับนักการเมือง และข้าราชการมากกว่า ฯลฯ และ 8.63 % เห็นว่า สมบูรณ์แล้ว เพราะ รธน. แต่ละฉบับที่ใช้มา ล้วนมาจากการพิจารณากลั่นกรองเป็นอย่างดีแล้วจากผู้ทรงคุณวุฒิ และตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ ฯลฯ
เมื่อถามว่า คิดว่า “รัฐธรรมนูญ” ของไทยควรเป็นอย่างไร จึงจะเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ กลุ่มตัวิอย่าง 54.19 % เห็นว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส่วน 20.64 % ระบุเป็นรธน.ที่มาจากความถูกต้อง โปร่งใส ยุติธรรม เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมายที่ระบุไว้ อีก13.45 % เห็นว่า มีความเหมาะสมกับสภาพสังคม ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และ 11.72 % ระบุ ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง ทุกคนให้ความเคารพและปฏิบัติตาม.
วานนี้ (24 มิ.ย.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สอบถามความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญไทย จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,245 คน เนื่องในวันครบรอบ 80 ปี วันปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถึงความสนใจต่อรัฐธรรมนูญ พบว่า 41.78 % ค่อนข้างสนใจ เพราะ มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย และหวังว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมฯลฯ 31.51 % ไม่ค่อยสนใจ เพราะ รู้สึกเบื่อและไม่เชื่อมั่นในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขบ่อย, บุคคลบางกลุ่มอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายในการหาผลประโยชน์ ฯลฯ 14.70 % ไม่สนใจ เพราะยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้มากนัก อยากให้เน้นเรื่องปัญหาปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า ฯลฯ และ 12.01 % สนใจมาก เพราะ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ ส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองและความเป็นอยู่ของประชาชน
เมื่อถามความรู้ของประชาชน ต่อรัฐธรรมนูญของไทย 57.53 % ระบุ พอรู้บ้าง เพราะเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ควรรู้ และเข้าใจสาระสำคัญในรัฐธรรมนูญ จะได้ไม่ถูกหลอก, ศึกษาบางมาตราที่สนใจ ฯลฯ ส่วน 28.78 % บอกไม่รู้เลย เพราะไม่ได้ศึกษา ไม่ได้ติดตาม คิดว่าเป็นเรื่องที่นักการเมืองหรือผู้ที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายควรให้ความสำคัญมากกว่า ฯลฯ อีก 8.90 % ระบุ ไม่ค่อยรู้ เพราะเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เป็นภาษากฎหมาย รายละเอียดเยอะ, มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงมาแล้วหลายฉบับ ฯลฯ และ 4.79 % รู้เป็นอย่างดี เพราะ มีความสนใจและศึกษาความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับต่างๆ, เรียนกฎหมายมา เกี่ยวข้องกับงานที่ทำ
เมื่อถามความสำคัญของรัฐธรรมนูญที่มีต่อประเทศไทย ในความคิดเห็นของประชาชน 66.44 % บอก สำคัญอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนไทยทุกคน, รัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์ส่งผลให้ระบอบประชาธิปไตยมีความเข้มแข็ง ฯลฯ ส่วนอีก 26.03 % ระบุว่า สำคัญอยู่บ้าง เพราะนักการเมืองมักนำเอารัฐธรรมนูญมาเป็นข้ออ้างในการบริหารประเทศ กฎหมายรัฐธรรมนูญมีผลต่อการพัฒนาประเทศและทุกๆ ด้าน ฯลฯ ขณะที่ 4.11% เห็นว่าไม่ค่อยสำคัญ เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่านักการเมืองและผู้มีอำนาจเป็นผู้กำหนดแนวทางการพัฒนาของประเทศมากกว่าใช้รัฐธรรมนูญ ฯลฯ และ 3.42 % เห็นว่าไม่สำคัญ เพราะความมีวินัย ความรักความสามัคคีของคนในชาติเป็นสิ่งสำคัญ หากมีรัฐธรรมนูญแต่ไม่ปฏิบัติตามก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชน ต่อ “รัฐธรรมนูญ” ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ( ฉบับปี 2550) กลุ่มตัวอย่าง 39.02 % เห็นว่าก่อให้เกิดความขัดแย้งและการกระทบกระทั่งกันของกลุ่มต่างๆ มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วน 30.51 % ระบุ ยังมีประชาชนอีกมากที่ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องยากที่จะต้องศึกษาอย่างละเอียด ส่วน 19.49 % เห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังไม่เป็นที่ยอมรับของคนบางกลุ่ม ยังมีหลายประเด็นที่เห็นว่าควรแก้ไขให้เหมาะสม และ 10.98 % เห็นว่า ทุกคนควรเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อบ้านเมืองจะได้เกิดความสงบสุข
เมื่อถามว่า จากการที่รัฐบาลเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและคัดค้านให้ยุติ ประชาชนคิดว่าควรดำเนินการอย่างไร กลุ่มตัวอย่าง 44.29 % ระบุ ไม่แน่ใจ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และไม่เข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญดีพอ, กระบวนการ ขั้นตอนต่างๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีมากเกินไป ฯลฯ ส่วนอีก 32.14 % เห็นว่า ควรแก้ไขต่อไปเพื่อให้จบสิ้น เพราะรัฐบาลจะได้เดินหน้าบริหารบ้านเมืองต่อไปได้อย่างเต็มที่, ความขัดแย้งต่างๆ จะได้ยุติลง, บางมาตราสมควรแก้ไข ฯลฯ ขณะที่ 23.57 % เห็นว่า ไม่ควรแก้ไข เพราะก่อให้เกิดความขัดแย้งและการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรง, มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง, รัฐธรรมนูญเดิมเหมาะสมแล้ว
เมื่อถามว่า คิดว่ารัฐธรรมนูญ ในอนาคตของไทยควรเป็นอย่างไร กลุ่มตัวอย่าง 42.12 % เห็นว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากความถูกต้อง ชอบธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส่วนอีก 23.04 % เห็นว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่สามารถทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าและประชาชนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ขณะที่ 18.73% เห็นว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความสมบูรณ์ ไม่มีช่องโหว่ทางกฎหมายหรือเพื่อให้คนบางกลุ่มหาผลประโยชน์ และ 16.11 % ระบุ เป็นรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาสาระที่เหมาะสมและสามารถใช้ได้ตลอดไปถึงแม้ว่าสภาพสังคมจะเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่า ประเทศไทยมีการใช้รัฐธรรมนูญมาครบ 80 ปี ประชาชนคิดว่าประชาธิปไตยของไทยมีความสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด กลุ่มตัวอย่าง 39.57 % เห็นว่าไม่ค่อยสมบูรณ์ เพราะยังมีความขัดแย้งเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และมีการพยายามที่จะแก้ไขบางมาตราที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ฯลฯ ส่วนอีก 37.41 % เห็นว่า ค่อนข้างสมบูรณ์เพราะมีเพียงบางมาตราเท่านั้นที่ควรแก้ไขให้เหมาะสม ครอบคลุมกับสถานการณ์หรือสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ฯลฯ ขณะที่ 14.39 % ระบุไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ว่าจะเป็น รธน.ฉบับใด ประชาชนมักไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ อำนาจในการตัดสินใจส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับนักการเมือง และข้าราชการมากกว่า ฯลฯ และ 8.63 % เห็นว่า สมบูรณ์แล้ว เพราะ รธน. แต่ละฉบับที่ใช้มา ล้วนมาจากการพิจารณากลั่นกรองเป็นอย่างดีแล้วจากผู้ทรงคุณวุฒิ และตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ ฯลฯ
เมื่อถามว่า คิดว่า “รัฐธรรมนูญ” ของไทยควรเป็นอย่างไร จึงจะเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ กลุ่มตัวิอย่าง 54.19 % เห็นว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส่วน 20.64 % ระบุเป็นรธน.ที่มาจากความถูกต้อง โปร่งใส ยุติธรรม เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมายที่ระบุไว้ อีก13.45 % เห็นว่า มีความเหมาะสมกับสภาพสังคม ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และ 11.72 % ระบุ ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง ทุกคนให้ความเคารพและปฏิบัติตาม.
