หมู่เกาะเคย์แมนเสนอ "เก็บภาษีแรงงานต่างชาติ" ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

รอยเตอร์ - หมู่เกาะเคย์แมนซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งฟอกเงินของมหาเศรษฐีทั่วโลก เสนอแผนเก็บภาษีโดยตรงจากแรงงานต่างชาติเพื่อบรรเทาปัญหาขาดดุลงบประมาณ

ข้อเสนอเก็บ "ค่าธรรมเนียมทำนุบำรุงชุมชน" (community enhancement fee) ดังกล่าวนับเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของหมู่เกาะแห่งนี้ และหมายความว่า แรงงานต่างชาติที่มีรายได้เกิน 24,000 ดอลลาร์สหรัฐฯจะถูกหักภาษีโดยตรง 10 เปอร์เซ็นต์

นายกรัฐมนตรี แมคคีวา บุช กล่าวโทษนโยบายของฝ่ายบริหารชุดก่อน รวมถึงระเบียบงบประมาณที่เข้มงวดจากเมืองแม่อย่างอังกฤษ พร้อมระบุว่า การเก็บภาษีเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว ในขณะที่ปีงบประมาณใหม่จะเริ่มในอีก 1 เดือนข้างหน้า

เมื่อไม่ถึง 2 ปีก่อน ขณะที่เกาะเคย์แมนถูกอังกฤษกดดันให้แสวงหารายได้เพิ่มขึ้น บุช ประกาศชัดเจนว่า "จุดยืนของเราในขณะนี้และต่อไปในวันหน้า ก็คือ เราไม่เชื่อว่าการเก็บภาษีโดยตรงเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับหมู่เกาะเคย์แมน"

แม้ดินแดนแห่งนี้จะมีประชากรครึ่งหนึ่งเป็นแรงงานต่างชาติ แต่ช่องโหว่ทางกฎหมายก็ทำให้เศรษฐีผู้มีรายได้สูงสุดรวมถึงพนักงานของรัฐสามารถหลีกเลี่ยงภาษี ขณะที่ภาระหนักกลับไปตกอยู่กับกลุ่มชนชั้นกลางและแรงงานภาคเอกชน

ข้อเสนอเก็บภาษี 10 เปอร์เซ็นต์สร้างความไม่พอใจต่อชุมชนธุรกิจบนหมู่เกาะเคย์แมน โดยบางรายเรียกร้องให้มีการชุมนุมประท้วงในวันจันทร์นี้(30) เพื่อคัดค้าน "การจ่ายภาษีโดยปราศจากสิทธิ์ในการเลือกตั้ง" (taxation without representation)

หมู่เกาะทางตอนใต้ของคิวบาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกองทุนป้องกันความเสี่ยงหลายแห่ง และอาศัยนโยบาย "งดเก็บภาษีโดยตรง" เป็นหลักสำคัญในการกระตุ้นอุตสาหกรรมการเงินในประเทศตลอดมา

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า รายได้จากการเก็บภาษีจะไม่สามารถแก้ปัญหาขาดดุลงบประมาณของรัฐได้ และอาจผลักไสธุรกิจต่างชาติให้ย้ายออกไปยังดินแดนที่มีต้นทุนธุรกิจถูกกว่า

ผู้แทนจากสมาคมการเงินแห่งหมู่เกาะเคย์แมน ระบุว่า รัฐบาลยังไม่ได้ใช้ความพยายามมากพอในการควบคุมรายจ่าย เพื่อให้แผนเก็บภาษีโดยตรงนี้มีความชอบธรรม

รายงานเปิดเผยว่า หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน, เบอร์มิวดา, ไอร์แลนด์ และแคนาดา ต่างเร่งเสนอนโยบายล่อใจให้บริษัทต่างๆย้ายกิจการออกจากหมู่เกาะเคย์แมนไปลงทุนในดินแดนของตน