xs
xsm
sm
md
lg

ปรับ5แสนช่อง3ปล่อยหวิว แฉ"ปอนด์"สาวเต้นเปลื้องผ้า "สุกุมล"อัดอย่าเบี่ยงประเด็น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"สุกุมล"จี้ช่อง 3 รับผิดชอบ ปล่อยโชว์เต้าวาดภาพเวที "ไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนต์" ผ่านเซ็นเซอร์ อัดอย่าดราม่า เจาะชีวิต "น้องปอนด์" ลดกระแสสังคม ด้านโจ๋เมืองแพร่เป็นปลื้ม บอกอยากเลียนแบบ ชาวเน็ตขุดภาพแฉ "ปอนด์" เป็นสาวเต้นเปลื้องผ้า สื่อนอกตีข่าวฉาว ไทยจ้างนางแบบนู้ดเรียกเรตติ้ง กสทช.ปรับช่อง 3 จิ๊บๆ 5 แสน หลังปล่อยโชว์หวิว "ประวิทย์" ยันต่อไปเข้มงวดมากขึ้น

ยังเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจและดูท่าจะไม่จบง่ายๆ กับกรณีสาววัย 23 น.ส.ดวงใจ จันทร์เสือน้อย หรือน้องปอนด์ หนึ่งในผู้เข้าประกวดรายการ “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์” เปลือยอกวาดภาพอย่างโจ๋งครึ่ม จนเกิดกระแสโจมตีจากสังคมถึงความไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกับทางบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ผลิต รวมถึงสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จะต้องเร่งตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพราะการเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมลักษณะนี้ต่อสาธารณชน โดยเฉพาะที่ติด เรต “ท” (ทั่วไป) ถือว่าเนื้อหารายการจะต้องมีการปรับปรุง เนื่องจากเวลาไพร์มไทม์ที่เด็กและเยาวชนดูด้วย โดยเรื่องนี้คงไม่ใช่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่จะแก้ปัญหา แต่จะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้จัด ผู้ที่ดูแลเรื่องเซ็นเซอร์ และที่สำคัญภาคประชาชนได้เห็นการเผยแพร่ลักษณะอย่างนี้ และแจ้งกลับเข้ามาว่าไม่เหมาะสม

ส่วนกรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า กบว. ของแต่ละช่องไม่มีมาตรฐานกลางในการพิจารณา เห็นว่า เรื่องนี้คงเป็นกรณีตัวอย่าง ซึ่งมีผลกระทบต่อความคิดของคนในสังคม และมีการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลเน็ตเวิร์กมากมาย และเป็นจุดที่ทางช่องจะต้องหันมามองว่า ประเด็นความเหมาะสมอยู่ตรงไหน ควรมีการเผยแพร่แค่ไหน และคงจะต้องกระตุ้นและมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ได้มีการนำประเด็นความสงสารของหญิงโชว์เต้ามาแทนความถูกต้อง เพื่อลดกระแสโจมตีของสังคม นางสุกุมลกล่าวว่า ความจำเป็นส่วนตัวของผู้แสดงกับรับผิดชอบต่อสังคมเป็นคนละเรื่องกัน ตนเห็นว่าผู้จัด และทางช่อง ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ เพราะรายการนี้ เป็นการนำเทปที่ไม่เหมาะสมมาออกอากาศ และไม่อยากให้พุ่งประเด็นไปที่ตัวบุคคล แต่ควรมองไปที่กระบวนการเซ็นเซอร์ของช่องมากกว่า เพราะหากเห็นว่าไม่เหมาะ ก็ไม่ควรนำเสนอ ประชาชนก็จะไม่มีโอกาสได้รับชมภาพลักษณะนี้ด้วย

“ประเด็นความรับผิดชอบในการจ้างผู้หญิงคนหนึ่งมาแสดงเพื่อดึงเรตติ้ง คงต้องเปิดโอกาสให้ชี้แจง เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนการตรวจสอบหรือติดตามความคืบหน้า หรือประเด็นที่ว่า เป็นความจงใจหรือไม่นั้น ทาง กสทช. เข้ามาตรวจสอบแล้ว สำหรับ วธ.ได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่แล้ว จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาทางแนวทางไขในอนาคตมากกว่า ถ้าเราไปมุ่งเสนอตัวบุคคล และให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ก็จะกลายเป็นประเด็นของการเลียนแบบ ซึ่งดิฉันไม่อยากเห็นเยาวชนที่มองว่าการออกมาแสดงลักษณะนี้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของสาธารณชน และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าผู้หญิงถูกว่าจ้างมาจริงหรือไม่ ฉะนั้นต้องรอข้อเท็จจริงก่อน จึงไม่สามารถไปวิจารณ์ได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะไม่มีการออกอากาศลักษณะนี้ให้เห็นอีก เพราะเป็นภาพลักษณ์ของประเทศด้วย” นางสุกุมลกล่าว

น.ส.นราทิพย์ พุ่มทรัพย์ กรรมการบริหารศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณธรรม จริยธรรม ของคนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญของประเทศ จึงไม่อยากให้ทุกคนโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่การนำเสนอข้อมูลต่างๆ จะต้องมีการคัดกรองก่อนที่จะเผยแพร่ไปสู่ประชาชน หากสื่อนำเสนอในเรื่องของละคร ก็ต้องบอกให้ประชาชนรับรู้ว่าเป็นละคร ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องจริง หากจะเป็นเรื่องของศิลปะ ต้องบอกว่าเป็นศิลปะ ต้องชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะไม่อย่างนั้น เด็กและเยาวชนจะแยกแยะไม่ออก

“เรื่องจริยธรรมสื่อ หรือความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมกัน จะไปโทษสื่อเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ผู้จัด ผู้วางแผน ผู้ที่ดำเนินการทุกภาคส่วนต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมด้วยเช่นกัน ถ้าหากทุกคนมีความรับผิดชอบต่อสังคม ปัญหาจะน้อยลงด้วย” น.ส.นราทิพย์ กล่าว

ส่วนที่จ.แพร่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของน้องปอนด์ ปรากฎว่ามีกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในวัยเรียนในโรงเรียนต่างๆ พากันเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อเปิดดูคลิปของน้องปอนด์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งวัยรุ่นเหล่านี้ เห็นต่างจากประชาชนที่ออกมาวิพากษ์เชิงลบ ส่วนใหญ่พวกเขามองเห็นน้องปอนด์เป็นคนกล้าโชว์ความสวยงามของร่างกาย ขณะที่นักเที่ยวกลางคืน ต่างพากันให้ความสนใจ และตั้งวงสนทนาถึงน้องปอนด์ที่กล้าเปลือยอกออกฟรีทีวี และที่สำคัญวัยรุ่นหลายคนอยากมีโอกาสเช่นเดียวกับน้องปอนด์บ้าง

นายประสาท ประเทศรัตน์ ปราชญ์ชาวบ้านด้านศิลปินเพลงพื้นบ้านในจังหวัดแพร่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกระแสโลกาภิวัตน์ กระแสทุนที่ไม่สนใจวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ไม่แยแสใจคนไทยที่ยังคงมีวัฒนธรรมไทยอยู่ในจิตวิญญาณ แต่กลุ่มนักธุรกิจเหล่านี้ต้องการความสวยงามในภาคสำนึกของเขาเพื่อเปลี่ยนความนิยมและเปลี่ยนเป็นรายได้

"วันนี้เด็กๆ ต่างออกมาชื่นชอบการกระทำดังกล่าว และอยากทำบ้าง อยากถามกลับไปที่สื่อและคณะกรรมการควบคุมสื่อ คุณจะหาช่องให้เด็กๆ มาแข่งกันเปลือยอกหรือไม่ หรือคุณจะทำอะไรกับคนที่ใช้ช่องทางของสื่อฟรีทีวีทำลายวัฒนธรรม และสร้างสำนึกใหม่ให้เยาวชนของชาติ"นายประสาทกล่าว

นายอำนวย พลหล้า ผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตำบล จังหวัดแพร่ กล่าวว่า เรื่องนี้ กสทช.หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่รับผิดชอบงานทีวีต้องออกมาทำหน้าที่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ของสังคมไทย หรือว่าต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นเช่นนั้น ก็อยู่เฉยๆ หรืออยากให้สังคมเปลี่ยนไปเป็นการเปลือยอกออกฟรีทีวีได้ ก็คือก้าวหน้าของการเปลี่ยนแปลง ถามว่าจะเอาเช่นนั้นหรือ

ที่ห้องประชุมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่ ศาลากลางจังหวัดแพร่ นายเอกชัย วงศ์วรกุล ประธานสภาวัฒนธรรม จังหวัดแพร่ กล่าวว่า เหตุผลที่น้องปอนด์ต้องยอมไปแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีตามที่เป็นข่าว พบว่า น้องปอนด์ มีลูก 1 คน อายุเพียง 6 เดือนที่ต้องดูแล และที่ผ่านมา ต้องดูแลพ่อแม่ และน้องอีก 1 คน อีกทั้งพ่อนั้นเป็นอัมพาตทั้งตัวมานาน 12 ปีแล้ว ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อน้องปอนด์ แต่ยังส่งต่อน้องเอ๋ (นามสมมติ) น้องสาวของน้องปอนด์ ที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.4 ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เพราะถูกเพื่อนนักเรียนและครูแสดงความรังเกียจและต่อว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังที่ตกเป็นข่าวมูลนิธิมิลาเคิลออฟไลท์ ในทูลกระหม่อหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาศิริโสภาพรรณวดี ทรงมีพระมาหากรุณาธิคุณ ประสานงานผ่านอำเภอลอง จ.แพร่ เพื่อเข้าช่วยเหลือครอบครัวของน้องปอนด์ แล้วในขณะนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่มีบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนของน้องปอนด์ ได้ออกมาให้รายละเอียดว่า จริงๆ แล้วเพื่อนของตนเองนั้น มีอาชีพเป็นนางแบบเพ้นท์เฮ้าส์ และที่เข้ามาประกวดรายการนี้ ก็เพราะมีคนมาติดต่อโดยให้ค่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 1 หมื่นบาท จึงตัดสินใจทำ เพราะเห็นว่าเป็นงานไป และเสี่ยตา นายปัญญา นิรันดร์กุล บิ๊กบอสเวิร์คพอยท์ จะออกมายืนยันว่า ไม่มีทีมงานไปทำเรื่องดังกล่าว พร้อมยอมรับว่าอีกฝ่ายอาจจะถูกจ้างมาจริงผ่านทางเอเยนต์ แต่เรื่องยังไม่จบง่ายๆ ล่าสุด รายงานแฉแต่เช้า ได้โฟนอิน กับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นเอเยนซี่ทำงานเกี่ยวกับการจัดหานางแบบแนวเซ็กซี่ และรู้จักกับน้องปอนด์เป็นอย่างดีมาพูดคุยในรายการ

โดยเอเยนซี่คนดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่า นับตั้งแต่ตกเป็นข่าว น้องปอนด์ เครียดมาก ไม่อยากเจอใคร ไปทำงานก็ไม่ได้ ทั้งยังบอกด้วยว่า ส่วนตัวก็ไม่ได้เห็นดีด้วยที่เขาไปออกไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ เพราะมันผิดที่ผิดเวลา ที่ของเราไม่ใช่ที่แบบนั้น จริงๆ น้องพวกนี้ทำงานแรงกว่านี้มาก เพียงแต่ไม่ออกสื่อ ถามว่าถ้ามีคนมาจ้างไปด้วยราคาแบบนี้ไปมั้ย โดยปกติราคาน้องอยู่ที่หลักพัน โชว์วันละพันกว่าบาทถึงสองพัน แต่นี่ได้เป็นหลักหมื่นเขาก็ต้องไป ก่อนยืนยันปอนด์ไม่ใช่นางแบบเพ้นท์เฮ้าส์ เพียงแต่ลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกับนางแบบเพ้นท์เฮ้าส์เท่านั้นเอง

นอกจากนี้ ล่าสุดได้มีคนโพสต์ภาพสาวเต้นเปลื้องผ้าในผับ โดยอ้างว่าเป็น “ปอนด์ ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์” ที่อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนและใส่กางเกงในตัวเดียว เต้นโยกย้ายส่ายสะโพกด้วยท่าอล่างฉ่าง ซึ่งภาพดังกล่าวถูกส่งต่อกันในเวลาที่รวดเร็วและวิจารณ์กันทั่วว่าใช่ตัวจริงหรือไม่

ประเด็นของน้องปอนด์ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่แค่ในเมืองไทย แต่ได้กลายเป็นประเด็นในหน้าสื่อต่างชาติไปด้วยในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งคลิปใน Youtube รวมถึงในสื่อดังเมืองผู้ดีอย่าง The Sun และ The Daily Mail ทั้งประเด็นการแสดงอันวาบหวิวของสาวไทย รวมถึงข้อสงสัยที่ว่าการโชว์วาดภาพด้วยหน้าอกนี้ รายการอาจมีส่วนร่วมวางแผนเพื่อสร้างกระแสให้เป็น "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" ด้วย

ด้านความเห็นของชาวต่างชาติที่ได้ชมคลิปและอ่านข่าวก็เป็นไปอย่างหลากหลาย บ้างก็คิดว่าการแสดงแบบนี้มีแต่จะทำให้ภาพของผู้หญิงแย่ลง ขณะที่บางคนพยายามมองให้เป็นเรื่องตลก หลายคนเขียนข้อความแทะโลม "ศิลปิน" สาวกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงหยิกแกมหยอกไปถึงกรรมการสาว "เบนซ์ พรชิตา" ด้วยว่าซีเรียสกับการแสดงเกินไป สงสัยเธออาจจะไม่ชอบที่มีใครหน้าอกใหญ่กว่าอยู่บนเวทีก็ได้ และบางคนยังรู้สึกว่ามันตลกดีที่มีการแสดงเปลือยอยู่บนเวที พร้อมๆ กับที่มีกรรมการมีชื่อว่า "Porn-chita" ที่แปลว่า หนังโป๊ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเฉยๆ กับการแสดงสุดอื้อฉาวบนเวที ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ เพราะพวกเขาคิดว่าไม่แปลกอะไรอยู่แล้วกับการแสดงแบบนี้ในเมืองไทย อย่างที่ชาวต่างชาติคนหนึ่งขยายความว่า สำหรับประเทศที่มีสถานที่อย่างพัฒน์พงษ์ ซึ่งมีการแสดงของสาวๆ ที่ใช้อวัยวะเพศเปิดขวด หรือปาลูกดอกให้ดูแล้ว การใช้นมวาดรูปก็คงไม่ใช่อะไรมากมายหรอก

ด้านบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ เรโซนา ซึ่งเป็นผู้ซื้อสิทธิ์รายการก็อตทาเลนต์เข้ามาในไทย ในชื่อว่า ไทยแลนด์ ก็อตทาเลนต์ ตั้งแต่ซีซั่น 1 และ 2 แจ้งว่า ทางเรโซนาไม่ค่อยสบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ และเห็นว่า เวิร์คพ้อยท์ ควรจะเป็นผู้ตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นจะเหมาะสมที่สุด และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเรียกเรตติ้ง เพราะรายการนี้มีเรตติ้งดีอยู่แล้ว

ส่วนพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ต้องรับผิดชอบทั้งทางกฎหมายและทางสังคม เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อไม่ใช้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ส่วนเรื่องว่าจะเข้าข่ายความผิดข้อหาอนาจารหรือไม่นั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลกำลังดำเนินอยู่ และหากมีความผิดฐานอนาจาร ก็ต้องสอบไปถึงผู้ที่เป็นตัวการสนับสนุน ชักชวนให้เกิดความไม่เหมาะสมด้วย ในส่วนของตำรวจพื้นที่ก็ต้องดำเนินการไปตรวจสอบพื้นที่ที่เผยแพร่ภาพดังกล่าวด้วยว่าเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งกสทช. เป็นคนดูแลหรือไม่อย่างไรด้วย

ล่าสุด พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหา ว่า ที่ประชุมบอร์ดคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการ โทรทัศน์ (กสท.) มีมติเห็นชอบตามการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ ว่าการเผยแพร่ออกอากาศรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3 โดยเป็นผู้รับอนุญาตตามสัญญาหรือสัมปทานจากบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือว่าเป็นผู้รับอนุญาตให้มีสิทธิประกอบกิจการโทรทัศน์ ภายใต้บทเฉพาะกาลแห่งพ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 และได้ดำเนินการอันมีเจตนาฝ่าฝืนมาตรา 37 ซึ่งเข้าข่ายแพร่ภาพลามกอนาจารแห่งพ.ร.บ.ฉบับเดียวกัน จึงมีโทษปรับเป็นจำนวนเงิน5แสนบาท และยังอาศัยอำนาจมาตรา 63 สั่งให้สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3ตรวจสอบและงดเว้นมิให้เกิดการเผยแพร่รายการในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก

"หากมีการปล่อยให้แพร่ภาพอุจาดอีกครั้ง จะมีบทลงโทษถึงขั้นยึดใบอนุญาตช่อง3 และถอดรายการในทันที เพราะถือเป็นการจงใจทำเป็นครั้งที่ 2"พล.ท.พีระพงษ์กล่าว

ทางด้านนายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการผู้จัดการไทยทีวีสี ช่อง 3 กล่าวว่า พร้อมน้อมรับคำสั่งทางปกครอง หาก กสทช. เห็นว่าผิดในมาตรา 37 จริง และอยากจะขอโทษประชาชน ซึ่งส่วนตัวรู้สึกผิด และเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมสัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก และจะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเนื้อหารายการต่างๆ มากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น