ASTVผู้จัดการรายวัน-สมาชิกทรูฝันค้าง อดดูบอลยูโรต่อไป หลังศาลปกครองยกคำขอสั่งคุ้มครองชั่วคราว ชี้ กสทช.-สคบ. กำลังช่วยกันหาทางออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 มิ.ย.) นายวุฒิชัย แสงสำราญ ตุลาการศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำ 961/2555 ได้มีคำสั่งยกคำขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่ นายใจแก้ว แก้วปาน อายุ 40 ปี สมาชิกผู้ใช้บริการระบบทีวีดาวเทียม ทรูวิชั่นส์ ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฎิบัติ หรือปฎิบัติ หน้าที่ล่าช้าเกินสมควร กรณีที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ทางฟรีทีวีช่อง 3-5-9 ผ่านระบบทีวีดาวเทียมของทรูวิชั่นส์ได้ ทำให้เสียสิทธิ์ในการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 โดยผู้ฟ้อง ขอศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ให้ กสทช. สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้ผู้ใช้บริการได้รับชมการถ่ายทอดฟุตบอลช่องฟรีทีวี ผ่านระบบดาวเทียม ทรูวิชั่นส์
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริง ปรากฏว่าภายหลังจากที่ กสทช. ได้รับแจ้งจากบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ว่า บริษัท จี เอ็ม เอ็ม แซท ผู้ได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลชิงแชมป์ ยูโร 2012 ไม่สามารถเปิดสัญญาณให้ ทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดรายการได้ เนื่องจากติดปัญหาลิขสิทธิ์ ต่อมา กสทช. ได้เรียกตัวแทนช่อง 3,5,9 และ ทรูวิชั่นส์ มาหารือ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ฟรีทีวีทั้ง 3 ช่อง จะต้องดำเนินการออกอากาศโดยไม่เลือกปฏิบัติ และทรูวิชั่นส์ จะต้องดำเนินการให้ลูกค้าที่ใช้บริการได้รับชมรายการจากสถานีโทรทัศน์ภาคปกติอย่างต่อเนื่อง แต่ทรูวิชั่นส์ได้แย้งว่า จี เอ็ม เอ็ม แซท ไม่ยอมให้แพร่สัญญาณภาพผ่านกล่องรับสัญญาณ กสทช. จึงได้กำหนดมาตรการให้ทรูวิชั่นส์ชำระค่าปรับวันละ 2 หมื่นบาท นับจากวันที่ 9 มิ.ย.จนถึงวันที่ทรูวิชั่นส์ปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช.
ขณะเดียวกัน ในการไต่สวน กสทช. ได้ให้การว่า กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า การดำเนินการของทรูวิชั่นส์เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคตาม พ.ร.บ.องค์การจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 หรือเป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่ โดย กสทช. และสำนักงานและคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กำลังหารือร่วมกัน หากพบว่ามีการเอาเปรียบผู้บริโภคก็จะกำหนดบทลงโทษ ซึ่ง กสทช. มีอำนาจสั่งปรับทางปกครองได้ไม่เกิน 5 ล้านบาทและปรับอีกวันละไม่เกิน 1 แสนบาท ตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้มีการปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช.
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า กสทช. ได้ดำเนินการบังคับกับทรูวิชั่นส์แล้ว รวมทั้งได้มีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.องค์การจัดสรรคลื่นความถี่ฯ แล้ว ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่มีเหตุเพียงพอและสมควรที่ศาลจะกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้กับผู้ฟ้อง จึงมีคำสั่งให้ยกคำขอดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 มิ.ย.) นายวุฒิชัย แสงสำราญ ตุลาการศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำ 961/2555 ได้มีคำสั่งยกคำขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่ นายใจแก้ว แก้วปาน อายุ 40 ปี สมาชิกผู้ใช้บริการระบบทีวีดาวเทียม ทรูวิชั่นส์ ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฎิบัติ หรือปฎิบัติ หน้าที่ล่าช้าเกินสมควร กรณีที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ทางฟรีทีวีช่อง 3-5-9 ผ่านระบบทีวีดาวเทียมของทรูวิชั่นส์ได้ ทำให้เสียสิทธิ์ในการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 โดยผู้ฟ้อง ขอศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ให้ กสทช. สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้ผู้ใช้บริการได้รับชมการถ่ายทอดฟุตบอลช่องฟรีทีวี ผ่านระบบดาวเทียม ทรูวิชั่นส์
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริง ปรากฏว่าภายหลังจากที่ กสทช. ได้รับแจ้งจากบริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ว่า บริษัท จี เอ็ม เอ็ม แซท ผู้ได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลชิงแชมป์ ยูโร 2012 ไม่สามารถเปิดสัญญาณให้ ทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดรายการได้ เนื่องจากติดปัญหาลิขสิทธิ์ ต่อมา กสทช. ได้เรียกตัวแทนช่อง 3,5,9 และ ทรูวิชั่นส์ มาหารือ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ฟรีทีวีทั้ง 3 ช่อง จะต้องดำเนินการออกอากาศโดยไม่เลือกปฏิบัติ และทรูวิชั่นส์ จะต้องดำเนินการให้ลูกค้าที่ใช้บริการได้รับชมรายการจากสถานีโทรทัศน์ภาคปกติอย่างต่อเนื่อง แต่ทรูวิชั่นส์ได้แย้งว่า จี เอ็ม เอ็ม แซท ไม่ยอมให้แพร่สัญญาณภาพผ่านกล่องรับสัญญาณ กสทช. จึงได้กำหนดมาตรการให้ทรูวิชั่นส์ชำระค่าปรับวันละ 2 หมื่นบาท นับจากวันที่ 9 มิ.ย.จนถึงวันที่ทรูวิชั่นส์ปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช.
ขณะเดียวกัน ในการไต่สวน กสทช. ได้ให้การว่า กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า การดำเนินการของทรูวิชั่นส์เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคตาม พ.ร.บ.องค์การจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 หรือเป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่ โดย กสทช. และสำนักงานและคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กำลังหารือร่วมกัน หากพบว่ามีการเอาเปรียบผู้บริโภคก็จะกำหนดบทลงโทษ ซึ่ง กสทช. มีอำนาจสั่งปรับทางปกครองได้ไม่เกิน 5 ล้านบาทและปรับอีกวันละไม่เกิน 1 แสนบาท ตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้มีการปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช.
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า กสทช. ได้ดำเนินการบังคับกับทรูวิชั่นส์แล้ว รวมทั้งได้มีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.องค์การจัดสรรคลื่นความถี่ฯ แล้ว ดังนั้น ขณะนี้จึงยังไม่มีเหตุเพียงพอและสมควรที่ศาลจะกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้กับผู้ฟ้อง จึงมีคำสั่งให้ยกคำขอดังกล่าว
