นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ว่า ผิดวินัยร้ายแรง และให้ดำเนินคดีอาญา จากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในสมัยที่เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการรับรองการซื้อขายที่ ดินอัลไพน์ ว่า เรื่องนี้ในทางกฎหมาย สุดท้ายแล้วผลปลายทางจะเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ทั้งนี้ การที่ ป.ป.ช.ชี้ว่าผิดวินัยร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาของนายยงยุทธ ในขณะนั้นคือ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะต้องเป็นผู้สั่งการลงโทษตามการชี้มูลของ ป.ป.ช. คือ ไล่ออก ปลดออก หรือ ให้ออก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน ก็จะทำให้นายยงยุทธ ขาดคุณสมบัติของการดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นปลายทางที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว นายยงยุทธ ต้องพิจารณาว่า โดยมารยาทจะทำอย่างไร
นอกจากนี้ การที่นายยงยุทธ ยังอยู่ในตำแหน่งจะทำให้เกิดปัญหาความยากลำบากขึ้น เพราะคนที่ต้องพิจารณาโทษตามการชี้มูลของ ป.ป.ช. หากตีความว่า นายยงยุทธ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น ก็ต้องให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่ง จึงมีคำถามว่า เมื่อนายยงยุทธ เป็น รมว.มหาดไทยอยู่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะมีความลำบากใจในการพิจารณาโทษนายยงยุทธ หรือไม่ หรือถ้าตีความว่า ในขณะนั้นนายยงยุทธ ใช้อำนาจรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย กระทำผิด ผู้ที่จะต้องสั่งลงโทษคือ รมว.มหาดไทย แล้วนายยงยุทธ จะสั่งไล่ตัวเองออกหรือ ดังนั้นโดยมารยาท นายยงยุทธ ต้องทบทวนเรื่องเหล่านี้
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ก็มีสิทธิปรับครม. ซึ่งตนเชื่อว่าเหตุนี้จะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการปรับครม.ด้วย
ทั้งนี้เห็นว่าการชี้มูลของ ป.ป.ช. ทำให้เห็นความก้าวหน้าของคดี ซึ่งค้างมาเป็นเวลานาน โดยเรื่องนี้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ปี 2545 และคนที่รู้ดีที่สุดคือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องนี้ ส่วนจะมีการนำประเด็นนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมหน้าหรือไม่นั้น คงต้องดูก่อนว่าจะมีการปรับ ครม. อย่างไร
**"มท.1"รูดซิบปากขอไม่พูด
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า " วันนี้ฟ้าใสแล้ว แต่เมื่อวาน (13 มิ.ย.) ฟ้ามันครึ้มๆ โดยเฉพาะเมื่อสื่อมวลชนตั้งคำถาม"
เมื่อถามว่า แล้ววันนี้อยากไปออกรอบตีกอล์ฟ บ้างหรือไม่ นายยงยุทธ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า "ไม่ไป ไม่ตี"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนอนคิดมา 1 คืนแล้ว ตัดสินใจว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายยงยุทธ ได้ยกมือขึ้นมาทำท่าปิดปากทันที และไม่ว่าผู้สื่อข่าวจะตั้งคำถามอย่างไร นายยงยุทธก็จะทำท่าปิดปาก พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆว่า " ขอร้องเถอะ จากนี้ไปผมจะไม่ขอพูดอะไรแล้ว ไม่เอาแล้ว"
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่อง แต่น่าเห็นใจ อย่างไรก็ตาม ในคดีที่ดินอัลไพน์ ที่นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เคยพิจารณาไปแล้ว ซึ่งการพิจารณาได้ยุติ โดยนายเสนาะไม่มีความผิด ดังนั้นกรณีของนายยงยุทธ ไม่น่าจะผิดเช่นกัน
"คดีนี้มันผ่านมา 10 กล่าวปีแล้ว ยังเอาขึ้นมาพิจารณาอีกหรือ ผมว่ามันน่าจะจบได้แล้ว" นายบรรหาร กล่าว
** อย่าเรียกหาสปิริตให้เสียเวลา
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ ออกมาเรียกร้องให้นายยงยุทธ ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากถูกป.ป.ช.ชี้มูลกรณีที่ดินอัลไพน์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ยังระบุว่าจะนำประเด็นดังกล่าวมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า เป็นเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จ้องโจมตีนายยงยุทธ กระทบชิ่งไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เพื่อลดความน่าเชื่อถือ
ความจริงนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. ก็แถลงชัดเจนว่า การชี้มูลดังกล่าวไม่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะช่วงที่ถูกตรวจสอบนั้น นายยงยุทธ อยู่ในตำแหน่งรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย จึงอยากให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพที่ออกมาเรียกร้องหาสปิริตนายยงยุทธ ให้ย้อนกลับไปดูตัวเองก่อน อย่าได้ทีขี่แพะไล่ สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล บริหารจนมีคนตาย 90 กว่าคน เจ็บกว่า 2,000 ถึงวันนี้ยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบ ไม่เคยคิดลาออก ไม่เคยคิดแม้แต่ขอโทษ หรือทำอะไรเลย ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ไม่กังวลเรื่องนี้ และยังเห็นว่า นายยงยุทธ ยังมีความเหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรีต่อไป เพราะทำงานมา 10 เดือน ไม่มีความบกพร่อง หรือ ทุจริต
** อัดส.ส.เพื่อไทยอย่ากระสันมาก
นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจที่เห็นกระแสข่าวว่า มี ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย ออกมากดดันให้ นายยงยุทธ แสดงสปิริตทางการเมืองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง แต่ขณะนี้กระบวนการทางกฎหมายเพิ่งจะเริ่มต้น ยังต้องต่อสู้กันอีกนาน ดังนั้นอยากให้ ส.ส.ในพรรคใจเย็นๆ และนับจากนี้เชื่อว่าฝ่านค้านจะนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นทางการเมือง
" เราอยู่พรรคเดียวกัน น่าจะเอาใจช่วยกันมากกว่า มาซ้ำเติม ทั้งนี้ หากอ่านใจนายยงยุทธ เชื่อว่าคงเจ็บปวดใจไม่น้อย แต่การชี้มูลความผิดครั้งนี้ แม้แต่ ป.ป.ช. ก็ยืนยันว่ายังสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปได้ เชื่อว่า นายยงยุทธ มีเหตุผล เพียงแต่ขอเวลาในการตัดสินใจบ้าง ยามพรรคจะล้ม ก็เป็นนายยงยุทธที่พยุงไว้ วันนี้นายยงยุทธ เพิ่งจะเซ ทำไมเราต้องผลักท่านให้ล้มด้วย ถือว่าใจดำเกินไป ตำแหน่งใครๆ ก็อยากได้ แต่ถ้าไม่มีบุญวาสนา ก็คงไม่มีทางได้ตำแหน่ง ดังนั้นอย่าแสดงความอยากได้ จนต้องทำลายแม้กระทั่งมิตร" นายพิพัฒน์ชัย กล่าว
นายพิพัฒน์ชัย กล่าวด้วยว่า หากนายยงยุทธ ถูกปรับออกจากตำแหน่ง โดยมารยาทตนก็คงจะต้องออกด้วย แต่ไม่ว่าจะให้ไปอยู่ที่ไหน เราก็พร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกฯ ที่จะพิจารณา แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นว อนให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเลิกกดดัน นายยงยุทธด้วย เพราะความเจ็บปวด ไม่ได้อยู่ที่ว่าต้องต่อสู้กับศัตรู แต่อยู่ที่ถูกมิตรทำลายมากกว่า
ทั้งนี้ การที่ ป.ป.ช.ชี้ว่าผิดวินัยร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาของนายยงยุทธ ในขณะนั้นคือ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะต้องเป็นผู้สั่งการลงโทษตามการชี้มูลของ ป.ป.ช. คือ ไล่ออก ปลดออก หรือ ให้ออก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน ก็จะทำให้นายยงยุทธ ขาดคุณสมบัติของการดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นปลายทางที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว นายยงยุทธ ต้องพิจารณาว่า โดยมารยาทจะทำอย่างไร
นอกจากนี้ การที่นายยงยุทธ ยังอยู่ในตำแหน่งจะทำให้เกิดปัญหาความยากลำบากขึ้น เพราะคนที่ต้องพิจารณาโทษตามการชี้มูลของ ป.ป.ช. หากตีความว่า นายยงยุทธ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น ก็ต้องให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่ง จึงมีคำถามว่า เมื่อนายยงยุทธ เป็น รมว.มหาดไทยอยู่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะมีความลำบากใจในการพิจารณาโทษนายยงยุทธ หรือไม่ หรือถ้าตีความว่า ในขณะนั้นนายยงยุทธ ใช้อำนาจรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย กระทำผิด ผู้ที่จะต้องสั่งลงโทษคือ รมว.มหาดไทย แล้วนายยงยุทธ จะสั่งไล่ตัวเองออกหรือ ดังนั้นโดยมารยาท นายยงยุทธ ต้องทบทวนเรื่องเหล่านี้
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ก็มีสิทธิปรับครม. ซึ่งตนเชื่อว่าเหตุนี้จะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการปรับครม.ด้วย
ทั้งนี้เห็นว่าการชี้มูลของ ป.ป.ช. ทำให้เห็นความก้าวหน้าของคดี ซึ่งค้างมาเป็นเวลานาน โดยเรื่องนี้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ปี 2545 และคนที่รู้ดีที่สุดคือ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องนี้ ส่วนจะมีการนำประเด็นนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมหน้าหรือไม่นั้น คงต้องดูก่อนว่าจะมีการปรับ ครม. อย่างไร
**"มท.1"รูดซิบปากขอไม่พูด
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า " วันนี้ฟ้าใสแล้ว แต่เมื่อวาน (13 มิ.ย.) ฟ้ามันครึ้มๆ โดยเฉพาะเมื่อสื่อมวลชนตั้งคำถาม"
เมื่อถามว่า แล้ววันนี้อยากไปออกรอบตีกอล์ฟ บ้างหรือไม่ นายยงยุทธ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า "ไม่ไป ไม่ตี"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนอนคิดมา 1 คืนแล้ว ตัดสินใจว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายยงยุทธ ได้ยกมือขึ้นมาทำท่าปิดปากทันที และไม่ว่าผู้สื่อข่าวจะตั้งคำถามอย่างไร นายยงยุทธก็จะทำท่าปิดปาก พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆว่า " ขอร้องเถอะ จากนี้ไปผมจะไม่ขอพูดอะไรแล้ว ไม่เอาแล้ว"
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่อง แต่น่าเห็นใจ อย่างไรก็ตาม ในคดีที่ดินอัลไพน์ ที่นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เคยพิจารณาไปแล้ว ซึ่งการพิจารณาได้ยุติ โดยนายเสนาะไม่มีความผิด ดังนั้นกรณีของนายยงยุทธ ไม่น่าจะผิดเช่นกัน
"คดีนี้มันผ่านมา 10 กล่าวปีแล้ว ยังเอาขึ้นมาพิจารณาอีกหรือ ผมว่ามันน่าจะจบได้แล้ว" นายบรรหาร กล่าว
** อย่าเรียกหาสปิริตให้เสียเวลา
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ ออกมาเรียกร้องให้นายยงยุทธ ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากถูกป.ป.ช.ชี้มูลกรณีที่ดินอัลไพน์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ยังระบุว่าจะนำประเด็นดังกล่าวมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า เป็นเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จ้องโจมตีนายยงยุทธ กระทบชิ่งไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เพื่อลดความน่าเชื่อถือ
ความจริงนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. ก็แถลงชัดเจนว่า การชี้มูลดังกล่าวไม่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะช่วงที่ถูกตรวจสอบนั้น นายยงยุทธ อยู่ในตำแหน่งรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย จึงอยากให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพที่ออกมาเรียกร้องหาสปิริตนายยงยุทธ ให้ย้อนกลับไปดูตัวเองก่อน อย่าได้ทีขี่แพะไล่ สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล บริหารจนมีคนตาย 90 กว่าคน เจ็บกว่า 2,000 ถึงวันนี้ยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบ ไม่เคยคิดลาออก ไม่เคยคิดแม้แต่ขอโทษ หรือทำอะไรเลย ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ไม่กังวลเรื่องนี้ และยังเห็นว่า นายยงยุทธ ยังมีความเหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรีต่อไป เพราะทำงานมา 10 เดือน ไม่มีความบกพร่อง หรือ ทุจริต
** อัดส.ส.เพื่อไทยอย่ากระสันมาก
นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจที่เห็นกระแสข่าวว่า มี ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย ออกมากดดันให้ นายยงยุทธ แสดงสปิริตทางการเมืองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง แต่ขณะนี้กระบวนการทางกฎหมายเพิ่งจะเริ่มต้น ยังต้องต่อสู้กันอีกนาน ดังนั้นอยากให้ ส.ส.ในพรรคใจเย็นๆ และนับจากนี้เชื่อว่าฝ่านค้านจะนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นทางการเมือง
" เราอยู่พรรคเดียวกัน น่าจะเอาใจช่วยกันมากกว่า มาซ้ำเติม ทั้งนี้ หากอ่านใจนายยงยุทธ เชื่อว่าคงเจ็บปวดใจไม่น้อย แต่การชี้มูลความผิดครั้งนี้ แม้แต่ ป.ป.ช. ก็ยืนยันว่ายังสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปได้ เชื่อว่า นายยงยุทธ มีเหตุผล เพียงแต่ขอเวลาในการตัดสินใจบ้าง ยามพรรคจะล้ม ก็เป็นนายยงยุทธที่พยุงไว้ วันนี้นายยงยุทธ เพิ่งจะเซ ทำไมเราต้องผลักท่านให้ล้มด้วย ถือว่าใจดำเกินไป ตำแหน่งใครๆ ก็อยากได้ แต่ถ้าไม่มีบุญวาสนา ก็คงไม่มีทางได้ตำแหน่ง ดังนั้นอย่าแสดงความอยากได้ จนต้องทำลายแม้กระทั่งมิตร" นายพิพัฒน์ชัย กล่าว
นายพิพัฒน์ชัย กล่าวด้วยว่า หากนายยงยุทธ ถูกปรับออกจากตำแหน่ง โดยมารยาทตนก็คงจะต้องออกด้วย แต่ไม่ว่าจะให้ไปอยู่ที่ไหน เราก็พร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกฯ ที่จะพิจารณา แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นว อนให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเลิกกดดัน นายยงยุทธด้วย เพราะความเจ็บปวด ไม่ได้อยู่ที่ว่าต้องต่อสู้กับศัตรู แต่อยู่ที่ถูกมิตรทำลายมากกว่า