ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-หากจะกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยตอนนี้ หนึ่งในประเด็นที่เป็นร้อนแรงหนีไม่พ้นการเร่งเครื่องผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ซึ่งแท้จริงแล้วเนื้อหาสาระทั้งหมดทั้งปวง เป็นเพียงเพื่อตอบสนองตัณหาของนช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการจะกลับประเทศไทยแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องรับโทษติดคุกในคดีที่ศาลได้ตัดสินไปแล้ว และต้องการเอาเงิน 46,000 ล้านบาท ที่ศาลพิพากษาให้เงินตกเป็นของแผ่นดินคืนกลับมาเท่านั้น
ทั้งนี้ คงไม่ต้องอธิบายให้มากความว่า พ.ร.บ.ปรองดอง แบบเทียมๆ ด้วยความดันทุรังไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ยึดแต่ความต้องการส่วนตัวเป็นหลักของนช.ทักษิณ ได้นำพาประเทศไทยไปสู่ปากเหวอีกครั้งหนึ่งแบบปฏิเสธไม่ได้
แน่นอน บุคคลสำคัญที่ให้การช่วยเหลือ นช.ทักษิณ ผ่านช่องทางในสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นใครเสียไม่ได้นอกเสียจากบรรดาลิ่วล้อของเขา และหากโฟกัสตัวหัวหอกเชลียร์นายใหญ่ในครั้งนี้ ย่อมต้องมีชื่อของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เจ้าของฉายา “ค้อนปลอมตราดูไบ” และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ได้รับการขนานนามจากประชาชนในชื่อใหม่ว่า “บังเละ”
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจอะไรถ้าหากสังคมจะตั้งข้อสงสัยว่ ทั้งค้อนปลอมตราดูไบและบังเละมีถุงขนมตกหล่นเป็นค่าดำเนินการหรือไม่
ขณะเดียวกันก็ช่างบังเอิญอย่างร้ายกาจ เมื่อเว็บไซต์ “สำนักข่าวอิศรา” (www.isranews.org) ได้เสนอข่าวเปิดเผยว่า พบหุ้นปริศนาร้อยกว่าล้าน! โผล่บัญชี “ค้อนปลอม”
ทั้งนี้ ร่องรอยปริศนา หุ้นปริศนาร้อยล้านบาท เริ่มจากการที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอนรับตำแหน่ง ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย วันที่ 2 สิงหาคม 2554 ระบุว่ามีเงินลงทุน 102,720,000 บาท แต่ในขณะเดียวกันกำลังถูกตั้งข้อสงสัยเมื่อพบว่า 3 เดือนก่อนหน้านี้นายสมศักดิ์แจ้งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีเงินฝากเพียง 114,593.30 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า บัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 ระบุว่ามีเงินลงทุนจำนวน 102,720,000 บาท โดยเป็นหุ้นบริษัท สยามประกันชีวิต จำกัด จำนวน 6 รายการ รวมจำนวนหุ้น 1,027,200 หุ้น หุ้นละ 100 บาท แยกเป็น 1. ใบหุ้นเลขที่ 94 จำนวนหุ้น 311,398 หุ้น มูลค่า 31,139,800 บาท 2. ใบหุ้นเลขที่ 95 จำนวนหุ้น 189,453 หุ้น มูลค่า 18,945,300 บาท 3. ใบหุ้นเลขที่ 96 จำนวนหุ้น 25,499 หุ้น มูลค่า 2,549,900 บาท 4. ใบหุ้นเลขที่ 97 จำนวนหุ้น 135,900 หุ้น มูลค่า 13,590,000 บาท 5. ใบหุ้นเลขที่ 98 จำนวนหุ้น 175,496 หุ้น มูลค่า 17,549,600 บาท 6. ใบหุ้นเลขที่ 99 จำนวนหุ้น 189,454 หุ้น มูลค่า 18,945,400 บาท
นายสมศักดิ์ระบุว่า ได้รับหุ้นจำนวน 6 รายการ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 และถือหุ้นในนาม “นายศรัณย์ ลิมป์หิรัญรักษ์” ขณะที่เอกสารเรื่องการแสดงสิทธิ์การถือครองหุ้นดังกล่าว ต่อ ป.ป.ช. นายสมศักดิ์ ได้แนบเอกสารสำเนาใบถือครองหุ้น ในชื่อของ “นายศรัณย์ ลิมป์หิรัญรักษ์” ด้วย
รายงานระบุอีกว่า นายสมศักดิ์ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ในช่วงพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 ว่า มีรายได้เป็นเงินเดือนจากทางราชการ จำนวน 1,251,960 บาท มีทรัพย์สินรวม 42,360,863.55 บาท เป็นเงินฝาก 114,593.30 บาท ที่ดิน 22,418,950 บาท โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง 18,806,400 บาท ยานพาหนะ 1,000,000 บาท และเงินฝากของบุตร 20,560.25 บาท มีหนี้สินจากการกู้เงินสถาบันการเงิน 139,833,778.74 บาท ทำให้มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 97,472,915.19 บาท
ขณะที่การแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินวันที่ 2 สิงหาคม 2554 ระบุว่า มีรายได้จากเงินประจำตำแหน่ง+เงินเพิ่ม 1,507,080 บาท มีค่าใช้จ่ายส่วนตัว 1,200,000 บาท มีเงินฝาก 100,397.57 บาท (บุตรสาว มีเงินฝาก 26,376.24 บาท) เงินลงทุน 102,720,000 บาท มีที่ดิน 26 แปลงราคา 19,628,940 บาท โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง 17,306,400 บาท ยานพาหนะ 1 ล้านบาท
ส่วนเงินกู้จากธนาคาร และสถาบันการเงิน เพิ่มขึ้นเป็น 203,579,428 .74 บาท แยกเป็น บริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย 155,958,939.31 บาท ธนาคารออมสิน 16,542,483.70 บาท และบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ 31,078,005.73 บาท ซึ่งเงินกู้ทั้งสามส่วน ปัจจุบันมีการฟ้องร้องเป็นคดีความ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ตอนพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมครบ 1 ปี วันที่ 22 ธ.ค. 2552 นายสมศักดิ์แจ้งว่ามีเงินลงทุน 3 รายการ ได้แก่ 1.หจก.ไทยสงวนก่อสร้าง ชุมแพ 250,000 บาท 2.หจก.เบรนเวิร์คมีเดีย 800,000 บาท 3.บริษัท สไมล์ เฮธ จำกัด 9400 หุ้น มูลค่า 940,000 บาท
นายสมศักดิ์แจ้งว่า รายการที่ 1 และ 2 แจ้งว่าได้จดทะเบียนเลิกแล้วและนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้วเมื่อ 22 ต.ค. 2524 และ วันที่ 5 ก.พ. 2550 ตามลำดับ รายการที่ 3 ได้จดทะเบียนเลิกบริษัทและนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนเลิกเมื่อ 10 ก.ค. 2552
เท่ากับการถือหุ้นมูลค่า 102,720,000 บาทวันที่ 24 มิถุนายน 2554 ของนายสมศักดิ์เกิดขึ้นภายหลังพ้นตำแหน่ง ส.ส.10 พ.ค. 2554 ประมาณ 1 เดือนเศษ และเกิดขึ้นก่อนได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.วันที่ 2 สิงหาคม 2554 ประมาณ 1 เดือนเศษ
ดังนั้น จงอย่าได้แปลกใจ หากค้อนปลอมตราดูไบ จะถูกนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากระทุ้งให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามแห่งชาติเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง
ขณะเดียวกัน ข้ามฟากไปที่หัวหอกคนสำคัญของนายใหญ่แห่งดูไบอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หรือ "บังเละ" ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเท่าใด
จากการตรวจสอบ ของ“สำนักข่าวอิศรา” (www.isranews.org) เช่นเดียวกันพบข้อมูลว่า "บังเละ" ได้ซื้อที่ดิน จ.สงขลา 5 แปลงรวด แถมจดทะเบียนไถ่ถอน-โอนวันเดียวกัน ประกอบกับหลักฐานดังกล่าวยังเป็นการตอกหน้าภรรยาคนแรก ที่เคยอ้างไม่รู้ไม่เห็นที่ดินงอก แต่กลับมีชื่อเป็นเจ้าของหลังโฉนดถึง 4 แปลง
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ได้ทำการแกะรอยขุมทรัพย์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวพรรคมาตุภูมิ จากยุครัฐประหาร สู่ยุคชงกฎหมาย“ปรองดอง” พบมีเงินฝากแบงก์พุ่ง 11.6 ล้าน ที่ดินงอกติดจรวดหลังนั่งรองนายกฯ
ต่อมาจึงได้เจาะลึกที่ดินทั้ง 10 แปลง เนื้อที่ 78-1-58 ไร่ ที่พล.อ.สนธิ ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 ประกอบด้วย 1.โฉนดเลขที่ 18477 ต.ถนนนครไชยศรี อ.ดุสิต กทม. เนื้อที่ 0-0-22 ไร่ มูลค่า 3,300,000 บาท 2. โฉนดเลขที่ 27152 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา เนื้อที่ 37-2-58 ไร่ 3.โฉนดเลขที่ 25900 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา เนื้อที่ 9-1-4 ไร่ 4.โฉนดเลขที่ 25899 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา เนื้อที่ 16-0-79 ไร่ 5.โฉนดเลขที่ 25898 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา เนื้อที่ 7-0-28 ไร่6.โฉนดเลขที่ 25897 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา เนื้อที่ 7-0-71 ไร่ รวมมูลค่าทั้ง 5 แปลง 3,000,000 บาท 7.โฉนดเลขที่ 68853 ต.คลองกุ่ม อ.บางกะปิ กทม. เนื้อที่ 0-1-0 ไร่ 8.โฉนดเลขที่ 68857 ต.คลองกุ่ม อ.บางกะปิ กทม. เนื้อที่ 0-1-0 ไร่ 9.โฉนดเลขที่ 58016 ต.คลองกุ่ม อ.บางกะปิ กทม. เนื้อที่ 0-1-0 ไร่ 10.โฉนดเลขที่ 58017 ต.คลองกุ่ม อ.บางกะปิ กทม. เนื้อที่ 0-1-0 ไร่ รวมมูลค่าทั้ง 4 แปลง 5,200,000 บาท
ทั้งนี้ ในจำนวนที่ดินทั้ง 10 แปลง นี้ มีจำนวนที่ดิน 6 แปลง ที่ปรากฏชื่อ พล.อ.สนธิ เป็นเจ้าของ (ตามข้อมูลที่ระบุด้านหลังโฉนดที่ดิน) คือ โฉนดเลขที่ 18477 ต.ถนนนครไชยศรี อ.ดุสิต กทม. และ โฉนดเลขที่ 27152 , 25900 , 25899 , 25898 และ 25897 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ส่วนที่ดิน ที่เหลืออีก 4 แปลง ที่ ต.คลองกุ่ม อ.บางกะปิ กทม. ปรากฏชื่อ นางสุกัลยา ภรรยาคนแรก เป็นเจ้าของ
จากการตรวจสอบข้อมูลในโฉนดที่ดินจำนวน 6 แปลง ที่ พล.อ.สนธิ เป็นเจ้าของพบว่า จำนวน 5 แปลง ใน จ.สงขลา ได้รับมาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2551 (พล.อ.สนธิพ้นตำแหน่งรองนายกฯ 6 ก.พ.2551) เป็นการซื้อต่อมาจากบุคคลคนเดียวกัน คือ นายไพโรจน์ พานิชกุล และการซื้อขายที่ดินทั้ง 5 แปลง (เนื้อที่ ประมาณ 77 ไร่ แจ้งมูลค่าปัจจุบัน 3 ล้านบาท) ก็เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่นายไพโรจน์ ได้ทำการไถ่ถอนที่ดินออกมาจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือวันที่ 22 กรกฎาคม 2551 ด้วย
อย่างไรก็ดี ความร่ำรวยอู้ฟู่ที่เพิ่มขึ้นหลังจากปวารณาตัวรับใช้นายใหญ่นายใหญ่แห่งดูไบ คงไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ ซึ่งก็ไม่ทราบเช่นกันว่าจะไปโผล่หรือซุกอยู่ในสินสอดทองหมั้นของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่จัดหนักจัดเต็มเงินสด แหวน สร้อยเพชร มูลค่ารวมกว่าหลักสิบล้านบาท ในงานแต่งงานที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ด้วยหรือไม่ !?