xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ดูบอลยูโร 2012 ต้องจ่าย “กู๋” เท่านั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-กระแสฟุตบอลยูโร 2012 ปีนี้ว่าแรงแล้ว แต่กระแสจอดำช่วงบอลยูโรดูจะแรงยิ่งกว่า สำหรับกล่องรับสัญญาณและแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ไม่ได้ขอสิทธิ์การถ่ายทอดสดจากทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ โดย บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ดูจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะเป็นเจ้าตลาดเพย์ทีวี ที่มีฐานผู้ชมเกือบ 2 ล้านครัวเรือน ที่จะไม่ได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรครั้งนี้

เฉกเช่นเดียวกับประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่คาดว่าจะไม่ได้รับชมเช่นกัน เพราะแม้ทางแกรมมี่ โดย นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด ในกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ยืนยันว่า ผู้ชมทั่วไปสามารถรับชมฟุตบอลยูโรได้จาก เสาอากาศก้างปลา แต่คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ทุกวันนี้ เสาอากาศก้างปลายังหลงเหลือในประเทศไทยอีกสักกี่มากน้อย เพราะส่วนใหญ่หันไปติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียมระบบซีแบนแทนโดยมีการเข้ารหัสสัญญาณกว่า 10 ล้านครัวเรือน หรือ 52% ของประชากรทั้งประเทศหรือไม่ก็เสียเงินจ่ายค่าบริการให้กับเคเบิ้ลท้องถิ่นในการชมฟรีทีวีเนื่องเพราะสัญญาณมีความชัดเจนกันแทบจะหมดทุกครัวเรือนแล้ว

“คนไทยทุกคนควรได้รับสิทธิ์ชมฟุตบอลยูโร 2012 ผ่านฟรีทีวีทุกช่องทาง เพราะเป็นหลักปฏิบัติสากลที่จะไม่ดำเนินการบล็อกสัญญาณใดๆ เพราะจุดประสงค์คือ เปิดโอกาสให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับชม แม้ที่ผ่านมาทรูวิชั่นส์เคยนำสัญญาณการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกมาออกอากาศทางฟรีทีวี แต่ก็ไม่มีการบล็อกสัญญาณตามหลักสากลเช่นกัน”

นี่คือเสียงตอบโต้จากทางทรูวิชั่นส์ โดย นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสาย คอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน)

คำถามที่เกิดขึ้นจากประชาชนคนไทยก็คือ ทำไม “อากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม แห่งค่ายแกรมมี่ถึงได้ใจร้ายใจดำกับแฟนฟุตบอลชาวไทยเช่นนี้

แน่นอน เรื่องนี้ย่อมเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์จำนวนมหาศาลที่แกรมมี่จะได้จากการขายกล่องรับสัญญาณจีเอ็มเอ็ม แซท

ข้อเท็จจริงประการแรกที่สังคมต้องทำความเข้าใจร่วมกันก็คือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ต้องเสียเงินเสียทองจำนวนมากในการซื้อลิขสิทธิ์ ฟุตบอลยูโร 2012 จากยูฟ่า ดังนั้น จึงเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ค่ายแกรมมี่จะแสวงหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองให้ได้มากที่สุดเพื่อให้คุ้มค่ากับค่าลิขสิทธิ์ที่จ่ายไป

แต่ประเด็นปัญหาก็คือ แกรมมี่จะไม่ต้องถูกก่นด่าให้ระคายหูเลยแม้แต่เพียงน้อยนิด ถ้าหากแกรมมี่ดำเนินการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 ผ่านกล่องรับสัญญาณดาวเทียมที่ประชาชนต้องควักเงินจ่ายถึง 1,500 บาทของตนเองแต่เพียงช่องสัญญาณเดียว ทว่า แกรมมี่กลับไม่มีปัญญาที่จะหาค่าโฆษณาหรือแสวงหารายได้จากการโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนไปซื้อกล่องรับสัญญาณเพียงพอ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องไปเจรจาต้าอ่วยกับสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีคือช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 เพื่อเจรจาสิทธิประโยชน์ร่วมกันในการทำมาหากิน

โดยช่อง 3 จะถ่ายทอดการแข่งขัน 27 คู่ ช่อง 5 ถ่ายทอด 3 คู่(รอบแรก 18 มิถุนายน และ 20 มิถุนายน รอบชิงชนะเลิศ 2 กรกฎาคม) ส่วนช่อง 9 โมเดิร์นไนท์ถ่ายทอดสด 3 คู่(คู่เปิดสนาม 8 มิถุนายม รอบแรกวันที่ 17 มิถุนายนและ 19 มิถุนายน)

และด้วยเหตุอันนั้นเอง ปัญหาจึงได้เกิดขึ้น เพราะในเมื่อแกรมมี่ยินยอมให้มีการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวี มิใช่จำกัดเฉพาะเพย์ทีวีของตนเองที่ต้องจ่ายเงินซื้อกล่องสัญญาณจีเอ็มเอ็ม แซทแล้ว สัญญาณการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีจึงกลายเป็นสัญญาณสาธารณะที่ประชาชนมีสิทธิได้ชมอย่างไม่มีข้อแม้

แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า ประชาชนที่เปิดฟรีทีวีกลับไม่ได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 ผ่านฟรีทีวีเพียงเพราะแค่เจ้าของลิขสิทธิ์ต้องการขายกล่องรับสัญญาณราคา 1,500 บาทเท่านั้น

นี่เป็นปัญหาที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจักต้องเข้ามาคืนสิทธิอันชอบธรรมให้ได้รับสิทธิดังกล่าวกลับคืนมา มิให้กลายเป็นบรรทัดฐานที่ผิดต่อไปในภายภาคหน้า เพราะกรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นการเลือกปฏิบัติกับสัญญาณฟรีทีวีซึ่งเป็นสัญญาณสาธารณะที่กระทบสิทธิของประชาชนโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาครั้งนี้ยังได้กระทบกระเทือนไปถึงบริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายจานดาวเทียมพีเอสไอ ที่มีการจัดทำกล่องรับสัญญาณขายควบคู่กับจานพีเอสไอ ด้วย เพราะในช่วงที่มีการถ่ายทอดสด ประชาชนที่ติดตั้งจานดาวเทียมพีเอสไอก็จะต้องเผชิญกับสภาพจอดำเพราะแกรมมี่บล็อกสัญญาณถ่ายทอดทางฟรีทีวีเช่นกัน

นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของทาง พีเอสไอ กล่าวตอบโต้ว่า ทางพีเอสไอคงไม่ต้องเจรจากับจีเอ็มเอ็ม แซท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2012 เพราะจีเอ็มเอ็มมีเจตนาชัดเจนว่าต้องการขายกล่องของจีเอ็มเอ็ม แซท เพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิกเป็นหลัก

“ที่สำคัญฐานลูกค้าของพีเอสไอเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นเป็นอย่างดี เพราะมีประสบการณ์จากบอลโลกปี 2010 พอบริษัททำกล่องรุ่นโอทู ซึ่งเข้ารหัสสัญญาณออกมา ก็สามารถรับชมผ่านฟรีทีวีได้ กรณียูโร 2012 ก็เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ประกาศและมีเป้าหมายชัดเจนออกมาอย่างนี้ก็ไม่เป็นไร ท้ายที่สุด...เรื่องนี้ผู้บริโภคต้องคิดว่าที่ดูไม่ได้ ไม่ใช่เพราะดูไม่ได้ แต่เขาไม่ให้ดู”

และความจริงก็คือไม่ใช่เฉพาะจานของพีเอสไอเท่านั้น แต่ทุกจานดาวเทียมที่วางขายอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ก็ไม่สามารถรับชมฟุตบอลยูโรในครั้งนี้ได้เช่นกัน

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ทำไมประชาชนถึงไม่อาจรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2012 ผ่านทางฟรีทีวีจากจานดาวเทียมที่ตนเองเสียเงินเสียทองซื้อมาติดตั้งเพื่อความคมชัดแทนเสาอากาศหนวดกุ้ง ทั้งๆ ที่ก่อนหนี้ก็สามารถรับชมได้มาโดยตลอด

แต่น่าเจ็บใจแทนบรรดาบริษัทผู้ผลิตและผู้ขายจานดาวเทียมก็คือ กล่องรับสัญญาณจีเอ็มเอ็ม แซทของแกรมมี่นั้นไม่สามารถรับสัญญาณการถ่ายทอดสดได้ตามลำพัง หากแต่ต้องนำไปเชื่อมต่อกับจานดาวเทียมจึงจะสามารถรับชมได้ ดังนั้น การทำการตลาดของแกรมมี่ในครั้งนี้จึงถือว่าโหดร้ายกับบริษัทขายจานดาวเทียมที่ตนเองเคยเป็นเห็บไปพึ่งพิงอิงแอบอยู่ยิ่งนัก

สุดท้ายสิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า การเล่มเกมอันโหดร้ายของแกรมมี่ในครั้งนี้ได้ส่งผลทำให้ยอดขายกล่องจีเอ็มเอ็ม แซทขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยนาย ธนาเปิดเผยเองว่า ยอดขายล่าสุดถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมตกอยู่ที่ราว 800,000 กล่องเลยทีเดียว

คิดคำนวณง่ายๆ ก็คือ กล่องจีเอ็มเอ็ม แซทราคากล่องละ 1,500 บาท ถ้าแกรมมี่ขายได้ 800,000 กล่อง เม็ดเงินที่จะเข้ากระเป๋าอากู่คร่าวๆ ก็ย่อมอยู่ที่ 1,200,000,000 บาท

นี่ไม่นับรวมรายได้อันมหึมาจากสปอนเซอร์หลักที่ชัดแจ้งแล้วว่า มีอยู่ 8-9 ราย ได้แก่ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า วาสลีนฟอร์เมน สิงห์คอร์ปอเรชั่น เป็นต้น

ดังนั้น ถึงเวลาหรือยังที่คนไทยจะต้องสั่งสอนให้ “อากู๋” ได้สำนึกเสียบ้าง
อากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
 จีเอ็มเอ็ม แซท กล่องทีวีดาวเทียมจากแกรมมี่
กำลังโหลดความคิดเห็น