น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจะนำรัฐมนตรี ทัวร์นกขมิ้น ระหว่างวันที่ 12-16 มิ.ย.นี้ ว่า ในเบื้องต้นจะทำงานร่วมกับคณะรัฐมนตรี 31 ท่าน ที่สั่งให้ลงพื้นที่ใน 31 จังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วม โดยภารกิจแรกจะไปติดตามดูแลเรื่องการชดเชยเยียวยา กรณีที่บ้านเรือนเสียหายต่างๆ ว่าเป็นไปตามเงื่อนไข และมีความเสมอภาคหรือไม่ อีกส่วนจะเป็นการติดตามเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ทั้งเร่งด่วน และแผนระยะยาวที่ได้อนุมัติงบประมานไปแล้ว ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ และมีส่วนไหนที่ต้องเสริม
"ที่เราจะจัดคาราวานลงไปนั้น จะเริ่มไล่ดูตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เหมือนเดิม ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นพื้นที่รอยต่อของจังหวัด เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำ หรือช่วงรอยต่อต่างๆนั้น ไม่เป็นอุปสรรคกับทางน้ำ หรือการระบายน้ำ พร้อมกันนี้จะดูในส่วนที่ต้องมีการเสริม เพื่อให้เกิดความแข็งแรง โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ เหมือนเป็นการสนับสนุนให้แผนทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยให้เร็วที่สุด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ดูการเตรียมงานตอนนี้นายกฯ พอใจการเตรียมรับสถานการณ์แค่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในส่วนพื้นที่ที่ต้องดูมากขึ้น คือพื้นที่ต้นน้ำ และกลางน้ำ เพราะยังไม่คืบหน้าเท่าที่อยากให้เป็น แต่ก็ถือว่าคืบหน้าไปเยอะ แต่เนื่องจากเป็นงานก่อสร้าง งานที่ต้องทำอาจมีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาในหน่วยราชการ จึงต้องเข้าไปดูว่า แต่ละส่วนจะปรับแผนหรือจะทำอย่างไรให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามก็เตรียมการทุกอย่างถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อถามถึงเรื่องเงินเยียวยาซ่อมบ้าน มีเรื่องการทุจริตมาเกี่ยวข้องหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถาม พร้อมกับเดินเลี่ยงไปทันที
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายจากเหตุน้ำท่วม ที่ จ.ปทุมธานี ที่มีประชาชนมาร้องเรียนว่าได้รับการจ่ายชดเชยเพียง 15 บาท ว่า ไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ ว่าเป็นเพราะอะไร เพียงแต่ตั้งกรรมการไปสอบเรื่องที่มีข้อโต้แย้งกันว่า บางบ้านได้มาก บางบ้านได้น้อย ไม่ ยุติธรรม ซึ่งพี่น้องประชาน ก็ยอมรับว่าถ้ายุติธรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอัตราไหน ก็ได้ แต่การไปสำรวจคราวที่แล้ว อาจจะรีบร้อน และไม่ทั่วถึง เนื่องจากมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ก็ต้องมีกรรมการใหม่ ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนทางราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคประชาชน ไปดำเนินการตรวจดูกันอีกรอบ ซึ่งทาง ผวจ.ปทุมธานี ก็ได้ลงไปดูการทำงานของท้องถิ่น แต่ได้เรียนแล้วว่า มีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ก็ต้องมีข้อบกพร่องบ้าง เป็นธรรมดา
ส่วนข้อผิดพลาดที่ระบุว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านไปเขียนตัวเลขเงินชดเชยเพียง 15 บาทนั้น ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเขียนเลขผิด จาก 15,000 บาท ไปเขียนเป็น 15 บาท ก็ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ ที่เขาทำงาน ซึ่งกรณีนี้ยังไม่ได้ถือว่าเป็นการทุจริต ยังไม่ได้ข่าวทุจริต พี่น้องประชาชนไม่ได้ร้องเรียนเรื่องทุจริต แต่ร้องเรียนว่า บางบ้านได้มาก ได้น้อย ถ้ามีการพูดเรื่องการทุจริต ตนก็จะดำเนินการ
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะเกิดปัญหาบานปลาย เพราะมีการร้องเรียนว่ามีประชาชนบางคน ได้รับการชดเชยเพียงแค่หลักสิบ หลักร้อยบาท และมีหลายราย นายยงยุทธ กล่าวว่า อย่าลืมว่าอย่าง จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี คนเดือดร้อนมีประมาณ 2 แสนราย นอกจากการชดเชยรายละ 5 พันบาท เราจ่ายไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องขอบ้านพักเสียหาย ซึ่งจำนวนคนเสียหายมากขนาดนั้น ความละเอียดในการไปตรวจสอบ ก็ต้องใช้เวลา แต่จะช้านักก็ไม่ได้ เร็วไปก็ผิดพลาด บกพร่อง จึงต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ อย่าไปเอาเป็นเอาตายกันเลย
เมื่อถามว่า นายกฯ มีการบ่นถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้างหรือไม่ และจะส่งผลต่อการพิจารณาโยกย้าย ผวจ.ปทุมธานี หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า คงต้องอยู่ที่ประสิทธิภาพในการทำงาน ถ้ามีประสิทธิภาพ ก็คงไม่มีปัญหา นายกฯ ก็ให้ประเด็นของการโยกย้ายที่มีขึ้นในเดือนต.ค.นี้ ก็จะมีประเด็น เรื่องการเอาใจใส่ในการปราบปรามยาเสพติด การเยียวยา ฟื้นฟู แก้ปัญหาเรื่องน้ำที่ผ่านมา มาเป็นประเด็นที่นายกฯ จะมาจัดการกับข้าราชการกระทรวงมหาดไทย
"ที่เราจะจัดคาราวานลงไปนั้น จะเริ่มไล่ดูตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เหมือนเดิม ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นพื้นที่รอยต่อของจังหวัด เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำ หรือช่วงรอยต่อต่างๆนั้น ไม่เป็นอุปสรรคกับทางน้ำ หรือการระบายน้ำ พร้อมกันนี้จะดูในส่วนที่ต้องมีการเสริม เพื่อให้เกิดความแข็งแรง โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ เหมือนเป็นการสนับสนุนให้แผนทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยให้เร็วที่สุด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ดูการเตรียมงานตอนนี้นายกฯ พอใจการเตรียมรับสถานการณ์แค่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในส่วนพื้นที่ที่ต้องดูมากขึ้น คือพื้นที่ต้นน้ำ และกลางน้ำ เพราะยังไม่คืบหน้าเท่าที่อยากให้เป็น แต่ก็ถือว่าคืบหน้าไปเยอะ แต่เนื่องจากเป็นงานก่อสร้าง งานที่ต้องทำอาจมีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาในหน่วยราชการ จึงต้องเข้าไปดูว่า แต่ละส่วนจะปรับแผนหรือจะทำอย่างไรให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามก็เตรียมการทุกอย่างถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อถามถึงเรื่องเงินเยียวยาซ่อมบ้าน มีเรื่องการทุจริตมาเกี่ยวข้องหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถาม พร้อมกับเดินเลี่ยงไปทันที
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายจากเหตุน้ำท่วม ที่ จ.ปทุมธานี ที่มีประชาชนมาร้องเรียนว่าได้รับการจ่ายชดเชยเพียง 15 บาท ว่า ไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ ว่าเป็นเพราะอะไร เพียงแต่ตั้งกรรมการไปสอบเรื่องที่มีข้อโต้แย้งกันว่า บางบ้านได้มาก บางบ้านได้น้อย ไม่ ยุติธรรม ซึ่งพี่น้องประชาน ก็ยอมรับว่าถ้ายุติธรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอัตราไหน ก็ได้ แต่การไปสำรวจคราวที่แล้ว อาจจะรีบร้อน และไม่ทั่วถึง เนื่องจากมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ก็ต้องมีกรรมการใหม่ ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนทางราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคประชาชน ไปดำเนินการตรวจดูกันอีกรอบ ซึ่งทาง ผวจ.ปทุมธานี ก็ได้ลงไปดูการทำงานของท้องถิ่น แต่ได้เรียนแล้วว่า มีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ก็ต้องมีข้อบกพร่องบ้าง เป็นธรรมดา
ส่วนข้อผิดพลาดที่ระบุว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านไปเขียนตัวเลขเงินชดเชยเพียง 15 บาทนั้น ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเขียนเลขผิด จาก 15,000 บาท ไปเขียนเป็น 15 บาท ก็ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ ที่เขาทำงาน ซึ่งกรณีนี้ยังไม่ได้ถือว่าเป็นการทุจริต ยังไม่ได้ข่าวทุจริต พี่น้องประชาชนไม่ได้ร้องเรียนเรื่องทุจริต แต่ร้องเรียนว่า บางบ้านได้มาก ได้น้อย ถ้ามีการพูดเรื่องการทุจริต ตนก็จะดำเนินการ
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะเกิดปัญหาบานปลาย เพราะมีการร้องเรียนว่ามีประชาชนบางคน ได้รับการชดเชยเพียงแค่หลักสิบ หลักร้อยบาท และมีหลายราย นายยงยุทธ กล่าวว่า อย่าลืมว่าอย่าง จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี คนเดือดร้อนมีประมาณ 2 แสนราย นอกจากการชดเชยรายละ 5 พันบาท เราจ่ายไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องขอบ้านพักเสียหาย ซึ่งจำนวนคนเสียหายมากขนาดนั้น ความละเอียดในการไปตรวจสอบ ก็ต้องใช้เวลา แต่จะช้านักก็ไม่ได้ เร็วไปก็ผิดพลาด บกพร่อง จึงต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ อย่าไปเอาเป็นเอาตายกันเลย
เมื่อถามว่า นายกฯ มีการบ่นถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้างหรือไม่ และจะส่งผลต่อการพิจารณาโยกย้าย ผวจ.ปทุมธานี หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า คงต้องอยู่ที่ประสิทธิภาพในการทำงาน ถ้ามีประสิทธิภาพ ก็คงไม่มีปัญหา นายกฯ ก็ให้ประเด็นของการโยกย้ายที่มีขึ้นในเดือนต.ค.นี้ ก็จะมีประเด็น เรื่องการเอาใจใส่ในการปราบปรามยาเสพติด การเยียวยา ฟื้นฟู แก้ปัญหาเรื่องน้ำที่ผ่านมา มาเป็นประเด็นที่นายกฯ จะมาจัดการกับข้าราชการกระทรวงมหาดไทย