รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่อยอดประชานิยม"แม้ว" เทงบฯ 35,000 ล้านโครงการกองทุนหมู่บ้าน SML เผยมี 76,000 หมู่บ้านเข้าโครงการ เริ่มทยอยจัดสรรได้พ.ค.นี้ อ้างเพื่อการพัฒนาศักยภาพประชาชน จัดนิทรรศการฉายวิดีโอ"แม้ว"จ้อโครงการ ช่วงที่เป็นรัฐบาล
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (24 พ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน SML พร้อมด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองแห่งชาติ ( กทบ. ) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีตัวแทนประชาชนในแต่ละภูมิภาคเข้าร่วม
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบาย และทำพิธีเปิดปฏิบัติการ ว่า ในการส่งเสริมรายได้ ขยายโอกาส พัฒนาชุมชน ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยมุ่งให้มีการจัดสรรงบประมาณโดยตรงเพื่อประชาชนในหมู่บ้าน และชุมชนได้นำไปแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตประจำวัน ให้ประกอบอาชีพอย่างมั่นคง มีอิสระในการระดมความคิด และให้มีการบริหารจัดการด้วยการพึ่งพาอาศัยกันของคนในชุมชน และเป็นพลังขับเคลื่อนสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างตรงจุด ซึ่งรัฐบาลจะกระจายเงินอนุมัติไปสู่หมู่บ้าน และชุมชนที่ได้เสนอโครงการไว้ทั้งสินกว่า 76,000 หมู่บ้าน ที่จะเริ่มทยอยจัดสรรนับจากเดือนพ.ค.นี้เป็นต้นไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น และเป็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นให้ตรงกับความต้องการของชุมชน และสามารถตอบโจทย์ประชาชนในการพัฒนาศักยภาพประชาชน ซึ่งเป็นโครงการที่แก้ไขปัญหาชุมชนอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการเอสเอ็มแอล มีเป้าหมายที่จะให้เงินกับหมู่บ้าน และชุมชนจำนวน 86,000 ชุมชน เป็นงบประมาณทั้งสิ้น 35,000 บาท โดยในปี 55 ได้รับงบประมาณมาแล้ว 20,520 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาจัดสรรงบประมาณ กระจายสู่หมู่บ้านและชุมชน ที่ได้เสนอโครงการเข้ามาในขนาดเล็ก ขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่ ในงบประมาณ 3 แสน 4 แสน และ 5 แสนบาท ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนิทรรศการที่จัดขึ้น ได้มีการแสดงที่มาของโครงการ ว่า นโยบาย SML ริเริ่มขึ้นในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งมีการฉายวีดีโอ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงโครงการนี้ว่า
" เป็นการขจัดความยากจน มุ่งสร้างโอกาส เพิ่มช่องทางการลงทุน มุ่งเน้นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย เพื่อต่อสู้กับปัญหาความยากจน นำไปสู่ความมั่นคง ยั่งยืนในอนาคต "
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึง กรณีธนาคารโลก แสดงความเป็นห่วงนโยบายประชานิยมของไทย โดยเฉพาะโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SME) ที่มีการใช้งบประมาณกว่าหมื่นล้านบาทว่า ปกติหน่วยงานนานาชาติจะดูไปทั่วโลก ซึ่งไม่ได้ดูลงลึกรายละเอียด ไม่เข้าใจภาคปฏิบัติของเรา ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า ระดับหนี้ของประเทศ มั่นคงปลอดภัยแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การที่มีการเข้าใจกันว่าเป็นโครงการประชานิยมนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องของการกระจายอำนาจ เพราะ 8 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ ที่เขาสามารถคิดเอง รู้ปัญหาของตัวเอง และรัฐบาลก็ไม่ได้ส่งงบประมาณที่มากมายเกินกว่าเหตุไป ซึ่งยอดเงินนี้เขาไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ และสร้างสร้างรายได้ในระยะยาวได้
ดังนั้นขอให้สบายใจได้ว่า ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และการดูแลเรื่องนี้มีการปรึกษาหารือกันตลอด ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าโครงการประชานิยม รัฐบาลก็ดูแลด้วยความระมัดระวัง นายกิติรัตน์ กล่าวว่า แน่นอน ความจริงประชานิยมเป็นสิ่งดี ทำแล้วประชามีความสุข
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (24 พ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน SML พร้อมด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองแห่งชาติ ( กทบ. ) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีตัวแทนประชาชนในแต่ละภูมิภาคเข้าร่วม
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบาย และทำพิธีเปิดปฏิบัติการ ว่า ในการส่งเสริมรายได้ ขยายโอกาส พัฒนาชุมชน ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โดยมุ่งให้มีการจัดสรรงบประมาณโดยตรงเพื่อประชาชนในหมู่บ้าน และชุมชนได้นำไปแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตประจำวัน ให้ประกอบอาชีพอย่างมั่นคง มีอิสระในการระดมความคิด และให้มีการบริหารจัดการด้วยการพึ่งพาอาศัยกันของคนในชุมชน และเป็นพลังขับเคลื่อนสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างตรงจุด ซึ่งรัฐบาลจะกระจายเงินอนุมัติไปสู่หมู่บ้าน และชุมชนที่ได้เสนอโครงการไว้ทั้งสินกว่า 76,000 หมู่บ้าน ที่จะเริ่มทยอยจัดสรรนับจากเดือนพ.ค.นี้เป็นต้นไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น และเป็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นให้ตรงกับความต้องการของชุมชน และสามารถตอบโจทย์ประชาชนในการพัฒนาศักยภาพประชาชน ซึ่งเป็นโครงการที่แก้ไขปัญหาชุมชนอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการเอสเอ็มแอล มีเป้าหมายที่จะให้เงินกับหมู่บ้าน และชุมชนจำนวน 86,000 ชุมชน เป็นงบประมาณทั้งสิ้น 35,000 บาท โดยในปี 55 ได้รับงบประมาณมาแล้ว 20,520 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาจัดสรรงบประมาณ กระจายสู่หมู่บ้านและชุมชน ที่ได้เสนอโครงการเข้ามาในขนาดเล็ก ขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่ ในงบประมาณ 3 แสน 4 แสน และ 5 แสนบาท ตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนิทรรศการที่จัดขึ้น ได้มีการแสดงที่มาของโครงการ ว่า นโยบาย SML ริเริ่มขึ้นในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งมีการฉายวีดีโอ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงโครงการนี้ว่า
" เป็นการขจัดความยากจน มุ่งสร้างโอกาส เพิ่มช่องทางการลงทุน มุ่งเน้นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย เพื่อต่อสู้กับปัญหาความยากจน นำไปสู่ความมั่นคง ยั่งยืนในอนาคต "
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึง กรณีธนาคารโลก แสดงความเป็นห่วงนโยบายประชานิยมของไทย โดยเฉพาะโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SME) ที่มีการใช้งบประมาณกว่าหมื่นล้านบาทว่า ปกติหน่วยงานนานาชาติจะดูไปทั่วโลก ซึ่งไม่ได้ดูลงลึกรายละเอียด ไม่เข้าใจภาคปฏิบัติของเรา ดังนั้นจึงขอยืนยันว่า ระดับหนี้ของประเทศ มั่นคงปลอดภัยแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การที่มีการเข้าใจกันว่าเป็นโครงการประชานิยมนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องของการกระจายอำนาจ เพราะ 8 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ ที่เขาสามารถคิดเอง รู้ปัญหาของตัวเอง และรัฐบาลก็ไม่ได้ส่งงบประมาณที่มากมายเกินกว่าเหตุไป ซึ่งยอดเงินนี้เขาไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ และสร้างสร้างรายได้ในระยะยาวได้
ดังนั้นขอให้สบายใจได้ว่า ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และการดูแลเรื่องนี้มีการปรึกษาหารือกันตลอด ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าโครงการประชานิยม รัฐบาลก็ดูแลด้วยความระมัดระวัง นายกิติรัตน์ กล่าวว่า แน่นอน ความจริงประชานิยมเป็นสิ่งดี ทำแล้วประชามีความสุข