xs
xsm
sm
md
lg

ดันลุ่มน้ำตาปี-พุมดวงสุราษฎร์ธานีเป็นเมืองปลูกปาล์มน้ำมันมากสุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ว่าที่ร้อยตรี ไพเจน มากสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งเตรียมตัวพัฒนาพืชเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย เป็นต้น
“โดยเฉพาะข้าวกับปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชต้องการน้ำมาก ถ้าอยู่ในเขตชลประทานที่มีน้ำต้นทุนสนับสนุนก็พอเบาใจ แต่ถ้าอยู่นอกเขตชลประทาน อาศัยน้ำฝนอย่างเดียว ผลผลิตจะไม่ดี ต้นทุนการผลิตสูง เป็นจุดอ่อนในการแข่งขันในหมู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนทันที”
สำหรับผลผลิตข้าวในพื้นที่ชลประทานอยู่ในระดับ 1 ตัน/ไร่ แต่ข้าวนอกพื้นที่ชลประทานจะมีผลผลิตต่ำ ทำให้ฉุดผลผลิตเฉลี่ยทั่วประเทศต่ำลง เช่นเดียวกับการปลูกปาล์มน้ำมัน หากอยู่ในพื้นที่ชลประทานมีน้ำต้นทุนพร้อม และมีการบริหารจัดการที่ดี สามารถให้ผลผลิตได้มากพอที่จะแข่งขันกับอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลกได้
“อัตราเฉลี่ยทั่วประเทศขณะนี้ ยังไม่ได้ 3 ตัน/ไร่/ปี แต่ถ้าน้ำถึง ปุ๋ยถึง จะได้ผลผลิตเฉลี่ยสูงถึง 5-7 ตัน/ไร่/ปี แข่งกับใครก็ได้”
ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่กล่าวว่า โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรีในกรอบเวลา 8 ปี (2552-2559) จะเปิดพื้นที่ชลประทานในเขต อ.พุนพิน อ.คีรีรัฐนิคม และ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี รวมแล้ว 73,980 ไร่ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเพาะปลูกข้าว ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล และพืชผักสวนครัว
“สุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่ปลูกปาล์มมากที่สุดของประเทศไทย 966,130 ไร่ แต่ก็ยังขาดแคลนน้ำ กรมชลประทานจึงจัดทำโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง ขึ้นมารองรับ เพื่อเป็นหลักประกันในการปลูกพืชเศรษฐกิจดังกล่าว โดยเฉพาะข้าวและปาล์มน้ำมัน” ว่าที่ร.ต.ไพเจน กล่าว
โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง ได้รับอนุมัติจากครม.เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2552 โดยสูบน้ำจากแม่น้ำ พุมดวงปีละ 123 ล้านลูกบาศก์เมตร กระจายไปตามคลองส่งน้ำหล่อเลี้ยงพื้นที่ 73,980 ไร่
กำลังโหลดความคิดเห็น