ตรัง - เดินหน้าพัฒนาตามนโยบาย “ตรังเมืองปาล์มน้ำมันคุณภาพ” เนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่ให้ผลผลิตปีละกว่า 8 แสนตัน และถือเป็นอันดับ 5 ของภาคใต้
นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากการพบปะกับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน สมาชิกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน และผู้แทนภาคพัฒนาปาล์มน้ำมัน จำนวนกว่า 800 คน ต่างเห็นด้วยกับการจัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง โดยอาศัยภาคีต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เข้าร่วมสนับสนุนพัฒนา เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ ตลอดจนนวัตกรรมเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันไปสู่เกษตรกร เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
นอกจากนั้น ยังเป็นการพัฒนาปาล์มน้ำมันของจังหวัด ไปสู่นโยบาย “ตรังเมืองปาล์มน้ำมันคุณภาพ” โดยอาศัยหลัก “3 ดี” คือ 1.พันธุ์ดี 2.การจัดการดี และ 3.การจัดการผลผลิตดี ทั้งนี้ หากเกษตรกร และผู้ประกอบการนำความรู้ที่ได้รับจากโครงการดังกล่าวไปใช้ จะทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตปาล์มน้ำมันที่มีคุณภาพได้มากขึ้น สอดรับกับราคาปาล์มน้ำมันในช่วงนี้ ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ดีต่อเนื่อง และมีการปรับขึ้นเป็นระยะ โดยล่าสุดมีราคาหน้าโรงงานรับซื้อเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 5.50-5.80 บาท
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวอีกว่า ขณะนี้ปาล์มน้ำมันถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ ที่สร้างรายได้ให้แก่จังหวัดตรัง เป็นอันดับที่ 2 รองจากยางพารา โดยปัจจุบัน มีพื้นที่ปลูกซึ่งมีเอกสารสิทธิ และแจ้งกับหน่วยงานราชการ จำนวนกว่า 160,000 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว 130,000 ไร่ เฉลี่ย 3,180 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี หรือให้ผลผลิตทั้งจังหวัดปีละกว่า 8 แสนตัน และถือเป็นอันดับ 5 ของภาคใต้ ซึ่งหากเกษตรกร และผู้ประกอบการได้มีการบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมันให้ดีก็จะส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และมีรายได้ที่ดีตามมาด้วย
นอกจากนั้น ปาล์มน้ำมันยังเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่สามารถทำรายได้ให้แก่ประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี เนื่องจากสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เพราะฉะนั้น การขยายพันธุ์ การบริหารจัดการ การเก็บเกี่ยวผลผลิต หรือ “3 ดี” จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชาวสวนทุกคน ด้วยการใช้องค์ความรู้ใหม่ๆ มาบริหารจัดการไร่สวนของตนเอง แล้วนำผลผลิตจากปาล์มน้ำมันไปทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ให้ได้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การปรับเพิ่มราคาภายในประเทศให้สูงขึ้นตามในที่สุด
