นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ผลของการเข้าพบนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้จัดตั้งกองทุนกู้ยืมให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรม จะได้นำเงินมาเสริมสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ ได้รับคำตอบว่า กระทรวงการคลังไม่สามารถดำเนินการให้ได้ แต่ได้รับคำแนะนำให้ไปติดต่อธนาคารอิสลาม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนัดกับธนาคาร คาดว่าจะมีความเป็นไปได้ ที่จะเสนอขอเงินกู้ดอกเบี้ยและเงื่อนไขพิเศษ
เนื่องจากมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินกู้ 5,000 ล้านบาทผ่านธนาคารของรัฐ ซึ่งเป็นมาตรการที่รัฐบาลออกมาเพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ขาดสภาพคล่อง ซึ่งเกิดจากปัญหาการเมืองและภัยธรรมชาติ แต่มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการได้รวมเป็นวงเงิน 150 ล้านบาท เท่านั้น ส่วนที่กู้ไม่ได้ เพราะขาดคุณสมบัติ และติดเครดิตบูโร และ ติดแบล๊คลิส
“ ส่วนที่ผู้ประกอบการกู้ได้ 150 ล้านบาทนั้น น้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการเงินมาเสริมสภาพคล่องของผู้ประกอบการ เพราะการทำธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ จะทำรายได้เฉพาะช่วงไฮซีซั่น แต่พอถึงโลว์ซีซั่นธุรกิจมีรายได้น้อย จึงขาดสภาพคล่อง ทำให้ขาดส่งเงินกู้ จึงติดแบล๊คลิสต์”
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาหลักๆของธุรกิจโรงแรม มี 2 เรื่องใหญ่ ขณะนี้ คือสภาพคล่องทางการเงิน และ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งทั้งสองปัญหา มีสาเหตุหลักมาจาก จำนวนโรงแรมล้นตลาด ทำให้เกิดการแข่งขัน ซึ่งโรงแรมที่จดทะเบียนถูกกฏหมายที่ 1.2 แสนห้อง ต้องการแรงงาน 1.8 แสนคน ขณะที่แรงงานทั้งระบบมีราว 2 แสนคน ส่วนห้องพักที่ไม่ได้จดทะเบียนมีเท่าๆกับจำนวนจดทะเบียน
อย่างไรก็ตามคลังรับปากที่จะช่วยเหลือ ด้วยการนำรายชื่อโรงแรมที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ทำเป็นหนังสือเวียนออกจากกรมบัญชีกลาง ไปยังทุกหน่วยงานราชการเข้าใช้บริการตามโรงแรมที่มีรายชื่อดังกล่าว
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า เตรียมเสนอขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ในงานเสวนา “งานสร้างคน คนสู้งาน 2012 ปีแห่งการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ที่จะจัดขึ้น 25-26 พ.ค.ศกนี้ ว่า ขอให้กระทรวงการคลัง ขยายเวลาพักชำระหนี้ออกไป 1 ปี ให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมก็ให้รัฐช่วยเหลือโดยให้สามารถนำค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า นาน 2 ปี
เนื่องจากมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินกู้ 5,000 ล้านบาทผ่านธนาคารของรัฐ ซึ่งเป็นมาตรการที่รัฐบาลออกมาเพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ขาดสภาพคล่อง ซึ่งเกิดจากปัญหาการเมืองและภัยธรรมชาติ แต่มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการได้รวมเป็นวงเงิน 150 ล้านบาท เท่านั้น ส่วนที่กู้ไม่ได้ เพราะขาดคุณสมบัติ และติดเครดิตบูโร และ ติดแบล๊คลิส
“ ส่วนที่ผู้ประกอบการกู้ได้ 150 ล้านบาทนั้น น้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการเงินมาเสริมสภาพคล่องของผู้ประกอบการ เพราะการทำธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ จะทำรายได้เฉพาะช่วงไฮซีซั่น แต่พอถึงโลว์ซีซั่นธุรกิจมีรายได้น้อย จึงขาดสภาพคล่อง ทำให้ขาดส่งเงินกู้ จึงติดแบล๊คลิสต์”
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาหลักๆของธุรกิจโรงแรม มี 2 เรื่องใหญ่ ขณะนี้ คือสภาพคล่องทางการเงิน และ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งทั้งสองปัญหา มีสาเหตุหลักมาจาก จำนวนโรงแรมล้นตลาด ทำให้เกิดการแข่งขัน ซึ่งโรงแรมที่จดทะเบียนถูกกฏหมายที่ 1.2 แสนห้อง ต้องการแรงงาน 1.8 แสนคน ขณะที่แรงงานทั้งระบบมีราว 2 แสนคน ส่วนห้องพักที่ไม่ได้จดทะเบียนมีเท่าๆกับจำนวนจดทะเบียน
อย่างไรก็ตามคลังรับปากที่จะช่วยเหลือ ด้วยการนำรายชื่อโรงแรมที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ทำเป็นหนังสือเวียนออกจากกรมบัญชีกลาง ไปยังทุกหน่วยงานราชการเข้าใช้บริการตามโรงแรมที่มีรายชื่อดังกล่าว
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า เตรียมเสนอขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ในงานเสวนา “งานสร้างคน คนสู้งาน 2012 ปีแห่งการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ที่จะจัดขึ้น 25-26 พ.ค.ศกนี้ ว่า ขอให้กระทรวงการคลัง ขยายเวลาพักชำระหนี้ออกไป 1 ปี ให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมก็ให้รัฐช่วยเหลือโดยให้สามารถนำค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า นาน 2 ปี