ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย ระบุ สถานการณ์น้ำในจังหวัดชลบุรียังไม่รุนแรงถึงขั้นวิกฤต แม้บางพื้นที่จะประสบปัญหาน้ำใช้ในการเพาะปลูก แต่ในภาพรวมปริมาณที่มีอยู่ในพื้นที่ยังสามารถป้อนสู่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ข้าวโพด ยางพารา และปาล์มน้ำมันที่มีจำนวนหลายแสนไร่ได้อย่างสบาย ขณะที่นายกสมาคมโรงแรมไทย ตอ. หวั่นการเติบโตแบบก้าวกระโดดทางการท่องเที่ยวใน ตอ. อาจกระทบการใช้น้ำระยะยาว
นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย เผยถึงการเพาะปลูกพืชผลการเกษตรในพื้นที่จังหวัดชลบุรีช่วงฤดูแล้งว่า ในส่วนภาพรวม ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่มากหนัก แม้ในบางอำเภอ จะถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง แต่ในส่วนเกษตรกรที่เพาะปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 3 แสนไร่ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหลายหมื่นไร่ และเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันอีกกว่าแสนไร่ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอหนองใหญ่ พนัสนิคม บางละมุง และบ่อทองยังไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เป็นเพราะปริมาณน้ำที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ยังคงเพียงพอต่อการทำเกษตรกรรม กล่าวคือ มันสำปะหลังที่มีอยู่กว่า 3 แสนไร่ จะใช้น้ำในภาพรวมประมาณ 1 พันมิลลิเมตร ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ที่ใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูกประมาณ 1.8-2 พันมิลลิเมตรต่อพื้นที่เพาะปลูกที่มีในจังหวัดยังคงเพียงพอต่อความต้องการ ประกอบกับการปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมัน สามารถสร้างความชุ่มช้ำให้แก่ดิน และสามารถดึงฝนให้ตกในพื้นที่ได้ จึงถือว่าภาคการเกษตรในจังหวัดชลบุรี ยังไม่มีปัญหาในเรื่องการใช้น้ำมากนัก
“แต่ในบางอำเภอ ที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง ก็คงได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำสำหรับการเพาะปลูกเช่นกัน และคาดว่าในเรื่องนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และคงเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งในภาพรวม จังหวัดชลบุรี แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งบ้างในบางพื้นที่ แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าในอีกหลายๆ พื้นที่ของประเทศที่ได้รับผลกระทบที่หนักกว่า” นายนิยม กล่าว
นายกฯ ส.โรงแรมไทย
ตอ.หวั่นการใช้น้ำระยะยาวอาจกระทบ
ด้านน.ส.บุญฑริก กุศลวิทย์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เผยถึงปัญหาการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกที่เติบโตแบบก้าวกระโดด และการเกิดใหม่ของผู้ใช้น้ำแฝงของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อย่างคอนโดมิเนียม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่จำนวนมาก ทั้งในอำเภอศรีราชา และเมืองพัทยาว่า อาจทำให้ปริมาณน้ำที่หน่วยงานท้องถิ่นวางรูปแบบการขยายตัวในระยะสั้นไม่เพียงพอต่อการใช้จริง และหากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้อาจส่งผลกระทบในระยะยาว
ขณะที่ปัจจุบันผู้ประกอบการโรงแรม ก็ต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการจัดซื้อน้ำสำรองเพื่อให้เพียงพอกับการใช้ของลูกค้าอยู่แล้ว
“การแก้ไขปัญหาน้ำในภาคการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกขณะนี้เป็นไปในลักษณะของการแก้ไขปัญหาที่ไม่ทันต่อสภาพความเป็นจริง และการเกิดใหม่ของผู้ใช้น้ำแฝงในภาคธุรกิจโรงแรม ทั้งคอนโดฯ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ดังนั้น หน่วยงานท้องถิ่น และรัฐบาล จะต้องประสานงานกันในการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อให้เพียงพอต่อภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งหน่วยงานท้องถิ่นก็ต้องหาโครงการจัดหาน้ำสำรองเพื่อเป็นการช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้นด้วย” น.ส.บุญฑริก กล่าว