แบงก์ชาติเผยในการประชุมกนง.วันที่ 13 มิ.ย.นี้มีโอกาสสูงที่จะปรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยสูงกว่า 6% หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจจริงออกมาดีกว่าที่ ธปท.คาดการณ์ มั่นใจในไตรมาส 2-4 ยังมีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสูงอยู่ ระบุสถานการณ์ในยุโรปขณะนี้ยังไม่ถึงกับกังวล แต่จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.มีโอกาสสูงที่จะปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยปีนี้สูงกว่า 6% ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่มีการประเมินเมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจจริงของไทยช่วงไตรมาสแรกสูงกว่าที่ธปท.คาดการณ์ไว้ ซึ่งธปท.ประเมินเศรษฐกิจติดลบ 1.7%ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลขออกมา 0.3% และมองว่าในช่วงไตรมาส 2-4 ที่เหลือของปีนี้มีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจค่อนข้างสูง
“ตัวขับเคลื่อนการขยายตัวเศรษฐกิจไทยยังมีอยู่ช่วงที่เหลือของปี อีกทั้งขณะนี้นโยบายการเงินและนโยบายการคลังยังเอื้อต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลกก็ยังมีอยู่ ซึ่งจุดระเบิดอยู่ในยุโรป ดังนั้นในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะนำปัจจัยต่างๆ รวมถึงเรื่องใหม่ๆ เข้ามาประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้และระยะต่อไป”
ทั้งนี้ ธปท.จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่เป็นผลจากปัจจัยในประเทศเป็นสำคัญทั้งการฟื้นตัวเร็วของภาคการผลิต และตัวเลขที่ดีในส่วนของการบริโภค การลงทุน แม้ในส่วนของภาคการส่งออกชะลอตัวบ้างตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งล่าสุดประเมินไว้ 9.2% ขณะที่ในปัจจุบันสถานการณ์ในยุโรปยังไม่ต่างกับที่ธปท.ประเมินไว้ โดยในแง่ของตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปคาดว่าติดลบ 0.5% ในกรณีฐาน ส่วนกรณีเลวร้ายคาดว่าจะติดลบ 1.4%
สำหรับปัญหากรีซเป็นเรื่องที่คาดการณ์ยาก เพราะมีความไม่แน่นอนสูงและเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจและการเงินเท่านั้น แต่ยังมีมิติการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยคาดว่าการเลือกตั้งรัฐบาลครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นมีโอกาสสูงที่รัฐบาลชุดเก่าจะกลับมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นโอกาสพลิกผันด้านนโยบายมีน้อยลงและยังคงเดินตามแนวทางเดิม คือ
รักษาวินัยการคลังต่อไป แต่หากกรีซที่เป็นประเทศเล็กๆ ต้องออกจากยุโรป คำถามตามมาว่าประเทศต่อไปจะเป็นใคร ผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐ และเศรษฐกิจโลกจะเป็นเช่นไร จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด.
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.มีโอกาสสูงที่จะปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยปีนี้สูงกว่า 6% ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่มีการประเมินเมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจจริงของไทยช่วงไตรมาสแรกสูงกว่าที่ธปท.คาดการณ์ไว้ ซึ่งธปท.ประเมินเศรษฐกิจติดลบ 1.7%ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลขออกมา 0.3% และมองว่าในช่วงไตรมาส 2-4 ที่เหลือของปีนี้มีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจค่อนข้างสูง
“ตัวขับเคลื่อนการขยายตัวเศรษฐกิจไทยยังมีอยู่ช่วงที่เหลือของปี อีกทั้งขณะนี้นโยบายการเงินและนโยบายการคลังยังเอื้อต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลกก็ยังมีอยู่ ซึ่งจุดระเบิดอยู่ในยุโรป ดังนั้นในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะนำปัจจัยต่างๆ รวมถึงเรื่องใหม่ๆ เข้ามาประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้และระยะต่อไป”
ทั้งนี้ ธปท.จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่เป็นผลจากปัจจัยในประเทศเป็นสำคัญทั้งการฟื้นตัวเร็วของภาคการผลิต และตัวเลขที่ดีในส่วนของการบริโภค การลงทุน แม้ในส่วนของภาคการส่งออกชะลอตัวบ้างตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งล่าสุดประเมินไว้ 9.2% ขณะที่ในปัจจุบันสถานการณ์ในยุโรปยังไม่ต่างกับที่ธปท.ประเมินไว้ โดยในแง่ของตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปคาดว่าติดลบ 0.5% ในกรณีฐาน ส่วนกรณีเลวร้ายคาดว่าจะติดลบ 1.4%
สำหรับปัญหากรีซเป็นเรื่องที่คาดการณ์ยาก เพราะมีความไม่แน่นอนสูงและเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจและการเงินเท่านั้น แต่ยังมีมิติการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยคาดว่าการเลือกตั้งรัฐบาลครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นมีโอกาสสูงที่รัฐบาลชุดเก่าจะกลับมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นโอกาสพลิกผันด้านนโยบายมีน้อยลงและยังคงเดินตามแนวทางเดิม คือ
รักษาวินัยการคลังต่อไป แต่หากกรีซที่เป็นประเทศเล็กๆ ต้องออกจากยุโรป คำถามตามมาว่าประเทศต่อไปจะเป็นใคร ผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐ และเศรษฐกิจโลกจะเป็นเช่นไร จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด.
