xs
xsm
sm
md
lg

“พท.อุดรฯ” ซัดกันนัว “วิเชียร”แฉ“สุรทิน” มั่วโดนต่อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(21 พ.ค.55)นายวิเชียร ขาวขำ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ข้องใจที่ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ออกมาแถลงข่าวว่าโดน ชายฉกรรจ์ 4 คนทำร้ายร่างกายเมื่อเย็นวันที่ 17 พ.ค. เพราะนายศราวุธ เพชรพนมพร สส.อุดรธานี ระบุว่า ช่วงเช้าของวันที่ 17 พ.ค.หลังการประชุมได้เจอกับ พ.ต.ท.สุรทิน พร้อมกับใบหน้าฟกช้ำ จึงถามว่าโดนอะไร พ.ต.ท.สุรทิน ตอบว่า แพ้ยาพร้อมกับแสดงยาให้นายศราวุธดู จึงแปลกใจว่า พ.ต.ท.สุรทิน โดนทำร้ายร่างการตอนเย็นได้อย่างไร ในเมื่อใบหน้าฟกช้ำตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 17 และเหตุใดจึงต้องรอให้ถึงวันที่ 18 จึงจะเข้าแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร
นายวิเชียร กล่าวต่อว่า ไม่กลัวว่ากระแสข่าวจะทำให้สังคมมองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกรณีที่ พ.ต.ท.สุรทิน อ้างว่าถูกทำร้ายร่างกาย เพราะไม่เคยมีปัญหากับ พ.ต.ท.สุรทิน และเพื่อน สส.ต่างรู้ดีว่าตนรวมทั้งนายหาญชัย ทีฆธนานนท์ ไม่มีนิสัยก้าวร้าว และส่วนตัวไม่ได้ต้องการลงสมัคร นายก อบจ.อยู่แล้ว แต่เป็นเพราะผู้ใหญ่ในพรรคร้องขอ จึงยอมลงสมัคร
นายวิเชียร ยังกล่าวอีกว่า มั่นใจว่าผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุดรธานีที่ นายสมพล ศรีปัตติวงศ์ จากพรรคเพื่อไทยแพ้ให้กับคู่เเข่งนั้น ไม่ส่งผลต่อการเลือกตั้งนายก อบจ. เพราะเป็นเพียงสนามเล็กครอบคลุมเฉพาะตัวเมือง ชี้ผลคะแนนของทั้งจังหวัดไม่ได้
นายเกียรติ์อุดม เมนะะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่มีความขัดแย้งแน่นอน คนอุดรธานีเป็นคนดี มีน้ำใจ การที่นายวิเชียร ขาวขำอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลาออกไปสมัครเป็นนายกฯ อบจ. ส.ส.ทุกคนในอุดรธานีก็เห็นด้วย ส่วนการที่พ.ต.ท. สุรทิน ส่งลูกสาวลงสมัครด้วยนั้นก็ถือเป็นสิทธิ์ไม่มีใครว่าอะไร ถือเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น แต่ใครจะทำร้ายพ.ต.ท. สุรทิน ก็ต้องไปถามท่านเอง ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกเทศบาล อุดรธานีนั้น เป็นสิ่งเข้าใจได้ เพราะ ในเขตเทศบาลไม่ใช่ฐานเสียงของเรา
นาย ศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย บุตรเขย พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานีไม่มีบรรยากาศดุเดือดขนาดนั้น ไม่ทราบว่า สาเหตุที่พ.ต.ท.สุรทินถูกทำร้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้น.ส. กีรติกานต์ พิมานเมฆมินทร์ บุตรสาวลงสมัครชิงนายกอบจ.อุดรธานี หรือไม่ แต่ในวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งพ.ต.ท. สุรทิน อ้างว่าถูกทำร้ายนั้น ตนมานั่งข้างๆพ.ต.ท.สุรทิน ในห้องประชุมรัฐสภา เห็นนั่งเอามือปิดหน้าตลอดเวลาเพราะหน้าบวม เมื่อถามว่าเป็นอะไร พ.ต.ท.สุรทินก็บอกว่า แพ้ยาเพนนิซิลิน ส่วนจะเป็นการสร้างสถานการณ์ของพ.ต.ท.สุรทินหรือไม่นั้น ไม่ขอออกความเห็น สำหรับกรณีพรรคเพื่อไทยพ่ายการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคู่แข่ง เคยเป็นนายกเทศมนตรีอุดรธานีมา 3 สมัย เรารู้แต่แรกแล้วว่า เป็นคะแนนเป็นรอง อีกทั้งในเขตเทศบาลมีคนเสื้อแดงน้อย ต่างกับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีที่เป็นการเลือกตั้งทั้งจังหวัด ซึ่งจะมีคนเสื้อแดงมาเทคะแนนให้นาย วิเชียร ขาวขำ อดีตส.ส.อุดรธานี อย่างมากมายแน่นอน
นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเดียวกัน กล่าวว่า ส.ส.อุดรธานีทุกคน ก็ยังงงกับข่าวพ.ต.ท. สุรทินถูกชก เรื่องอย่างนี้ไม่มีในการเมืองอุดรธานี สมัยที่มีแข่งขันกันรุนแรงกว่านี้ก็ยังไม่มีการทำร้ายกัน ตนไม่เชื่อว่ามีการทำร้ายร่างกายจริง ส.ส.อุดรธานี ได้ตกลงหลังส่งนายวิเชียร ชาวขำ ลงสมัครนายกฯอบจ. แล้วว่าจะให้ลูกสาวพ.ต.ท.สุรทินไม่ต้องลงสมัคร และจะให้มาเป็นรองนายกอบจ.ฯแต่พ.ต.ท. สุรทิน ไม่ยอมรับเพราะไปเชื่อคำทำนายว่า ผู้หญิงลงสมัครจะชนะ จึงดื้อดึงส่งลูกสาวตัวเองลง เราก็ไม่ว่าอะไรเพราะทราบนิสัยพ.ต.ท.สุรทิน ดีว่ามีแนวทางและเป็นตัวของตัวเองสูงไม่ค่อยจะฟังใคร กลุ่มส.ส.อุดรฯถึงไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แม้แต่บุตรชายของพ.ต.ท.สุรทิน ยังมาขอลงสมัคส.จ.ในทีมของเรา แต่เราก็ให้ลงไม่ได้เพราะจะสร้างความสับสนให้ประชาชน
“ผมกับพ.ต.ท.สุรทินเป็นเพื่อนกันมา แต่พูดก็พูดเถอะผมไม่เชื่อว่าถูกชก ลองคิดดูถูกชกวันที่ 17 พ.ค.ที่กรุงเทพ ทำไมวันที่ 18 พ.ค.ไม่มาแถลงที่สภา แล้วเพิ่งไปแถลงข่าวที่อุดรธานีในวันที่ 20 พ.ค.สามวันหลังถูกชก ท่านคิดอะไรอยู่ ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าพ.ต.ท.สุรทินถูกชกจริง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.สุรทิน แถลงอ้างว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คน ทำร้ายร่างกาย ที่ ซ.อินทามระ 33 แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2555 และได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม โดยเชื่อว่าเกิดจากการเมืองท้องถิ่นที่อุดรธานีอย่างแน่นอน หลังจากพา น.ส.กีรติกานต์ ลูกสาวลงสมัคร นายก อบจ.
อีกด้าน นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ของนายหาญชัย ทีฆธนานนท์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ที่มีพรรคภูมิใจไทยหนุนหลัง เนื่องจากต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังโดยหมายศาล ซึ่งทำให้ขาดคุณสมบัติตาม ตามมาตรา 45 (3) (4) ของพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 และพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2546 มาตรา 35/1 ที่ระบุว่าบุคคลที่มีสิทธิสมัคร ต้องไม่เป็นผู้ที่พ้นจากตำแหน่ง ด้วยเหตุมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือ กิจการที่กระทำกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ถึง 5 ปี
โดยนายสมคิด กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2555 ที่ผ่านมา นายหาญชัย ถูกศาลจังหวัดอุดรธานีมีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ที่ 1181/2552 คดีหมายเลขแดงที่ 1149/2554 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยศาลมีคำพิพากษาว่า นายหาญชัยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 และยังต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาล เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกอบจ. อุดรธานีสมัยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง นายก อบจ. อุดรธานี เมื่อปี 2542 แม้ศาลจังหวัดอุดรธานีอนุญาตให้นายหาญชัยกับพวกรวม 7 คนประกันตัวขณะถูกคุมขังโดยหมายของศาลเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาก็ตาม
นายสมคิด กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว ตนเห็นว่านายหาญชัยเป็นผู้มีคุณสมบัติต้องห้ามที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นนายกอบจ. อุดรธานี ตาม พ.ร.บ. เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ดังนั้นจึงขอให้ กกต. พิจารณาวินิจฉัยตรวจสอบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับสมัครรับเลือกตั้งของนายหาญชัย
นอกจากนี้ยังขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อมีคำสั่งให้นายหาญชัยพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี ในขณะกระทำผิด หรือนายกองค์การบริการส่วนจังหวัดอุดรธานี เมื่อมีคำพิพากษาให้เป็นการย้อนหลังนับตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษาให้จำคุก คือวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ฐานกระทำผิดก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ ตนได้เดินทางไปยื่นเรื่องดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ แผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งศาลจะนัดไต่สวนหลังจากนี้ภายใน 3 วันทำการ
กำลังโหลดความคิดเห็น