ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เป็นเรื่องเข้าจนได้ เมื่อเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกไปลอบวางเพลิงศาลาประจำหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 18/4 ม.2 บ้านแคเหนือ ต.แค อ.จะนะ สงขลา ของ นายอาดีนันท์ บูหัส ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ซึ่งจุดที่ถูกเผาเป็นจุดที่ สหายปูน-นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. แดงทั้งแผ่นดิน และ นางไพจิตร อักษรณรงค์ แกนนำ นปช. ได้เดินทางมา ร่วมเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยต้านภัยยาเสพติดและต่อต้านอำนาจเผด็จการรัฐประหาร โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.สงขลา มาร่วมในพิธีเปิดประมาณ 300 คน เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ต้องกล่าวว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ กลุ่มคนเสื้อแดงหรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ เปิดเกมรุกมวลชนชิงพื้นที่การเมืองในพื้นที่ภาคใต้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้มีการเปิด "หมู่บ้านเสื้อแดงรักประชาธิปไตย" 14 หมู่บ้าน ในท้องที่ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ไม่นาน นางธิดาก็ยังได้เดินทางไปเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงอีก 4 หมู่บ้าน ใน ต.แค อ.จะนะ จ.สงขลา
ทว่า การเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงครั้งใหม่ที่สงขลากลับไม่ง่ายเหมือนที่คิด เนื่องเพราะต้องเผชิญกับการต่อต้านจากกลุ่มชาวสงขลา จึงทำให้กิจกรรมของคนเสื้อแดงจบลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ไม่นาน ชมรมรักษ์ภูเก็ตและประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตรวมตัวคัดค้านการจัดกิจกรรมเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงของกลุ่ม นปช.ในจังหวัดภูเก็ตเช่นกัน
อย่างไรก็ดีก็นับว่าไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก หากเรื่องนี้จะถูกโยงไปเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะใครต่างก็ทราบเป็นอย่างดีว่า พื้นที่ภาคใต้นั้นเป็นฐานการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ จนบรรดาตัวใหญ่ตัวเล็กของพรรคประชาธิปัตย์จะออกมาถล่มบรรดาแกนนำเสื้อแดงว่า ต้องการสร้างความแตกแยก หรือเป็นการสร้างภัยคุกคามให้ประเทศ
เพราะหากย้อนกลับไปไม่นาน เมื่อปลายเดือน กุมภาพันธ์ นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยตัวแทนประธานสาขาพรรค 50 สาขาใน14 จังหวัดภาคใต้ ได้ร่วมกันประกาศปฏิญญาหาดใหญ่ หลังจัดประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาศักยภาพสาขาพรรค 14 จังหวัดภาคใต้ ที่โรงแรมซากุระแกรนด์วิว หาดใหญ่ จ.สงขลา 8 ข้อ เพื่อต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญและระบอบทักษิณ
สำหรับปฏิญญาทั้ง 8 ข้อดังกล่าวประกอบด้วย 1.ร่วมกันปกป้องและรักษาเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ในทุกกรณี 2.คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพื่อประโยชน์และช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร ให้พ้นผิด 3.คัดค้านการแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ส่วนข้อ 4.ต่อต้านการตัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง
ข้อ 5.ขจัดการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้หลงผิด คิดคดทรยศแผ่นดินบิดเบือนความจริงที่ดำรงอยู่ เพื่อปลุกปั่นสร้างความแตกแยกวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง 6.ต่อต้านการดำเนินการทางการเมืองเพื่อคนใดคนหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อน 7.สร้างเครือข่ายและร่วมต่อต้านการทุจริตทุกระดับทุกรูปแบบและ 8.เสริมสร้างค่านิยม อุดมการณ์ และการมีส่วนร่วมในการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การที่รัฐไปรองรับการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศ และเตรียมจัดเวทีสานเสวนาทั่วประเทศปลุกคนไทย 60 ล้านคนลุกขึ้นสู้
ขณะเดียวกันเรื่องนี้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาใช้คำพูดสวยหรู ว่าการก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง ในพื้นที่ภาคใต้นั้น ต้องดูที่เนื้อหา โดยกิจกรรมมีเพื่อสร้างความเข้มแข็งต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญ และเพื่อประชาธิปไตย
ต้องบอกว่านั่นก็เป็นคำพูดเพียงแค่ให้การจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงดูดี มีความชอบธรรมเพียงเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วในทางการเมืองย่อมเป็นที่เข้าใจกันในระดับหนึ่งว่าการเดินสายเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งในการขยายฐานการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงออกไป ที่มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะตั้งให้ได้กว่า 30,000 หมู่บ้าน จากปากคำของแกนนำเสื้อแดงแทบทุกคน แม้จะอ้างประชาธิปไตยและการต่อต้านยาเสพติดบังหน้า แต่แท้จริงคือกระบวนการสร้าง "รัฐไทยใหม่" ตามยุทธศาสตร์ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร แทบทั้งสิ้น
เหตุผลสำคัญที่ฟังไม่ค่อยจะขึ้นของบรรดาแกนนำเสื้อแดงก็คือ หมู่บ้านเสื้อแดงจะเรียกว่าเป็นการดำเนินการของภาคประชาชนเต็มปากเต็มคำได้อย่างไร เพราะหากใช้คำว่าภาคประชาชนเป็นผู้จัดตั้งองค์การ ชุมชน หรือ หมู่บ้าน แปลไทยเป็นไทยก็คือ ประชาชนต้องเป็นผู้ร่วมคิดและร่วมทำด้วยตนเองโดยไม่มีการปลูกฝังความเชื่อ อุดมการณ์ทางการเมือง ผ่านโรงเรียนการเมืองใดๆ ของกลุ่มการเมืองที่มาจากภายนอก การจัดตั้งองค์การ กำหนดวัตถุประสงค์ก็เป็นไปเอง โดยไม่ถูกชี้นำและกำกับจากศูนย์การนำขององค์การอื่น อย่างที่นปช. และพรรคเพื่อไทยกระทำในการจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงในปัจจุบัน
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ก็จะเห็นหลักฐานแจ่มแจ้งว่า บรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช. เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งปลูกฝังความคิด และกำหนดระบบการจัดการให้กับมวลชนที่จัดตั้งหมู่บ้านแดงทั้งหมด
ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ นายกฤช เทพบำรุง ตัวแทนชาวบ้านคัดค้านตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง จ.ภูเก็ต ยังได้ออกมาแฉพฤติกรรมของขบวนการเสื้อแดงแบบหมดเปลือกอีกว่า มีคนเข้าพูดคุยให้ชาวบ้านเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านเสื้อแดง หากบ้านไหนยอม ก็จะเอาธงแดงติด เอาพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงลง แล้วเอารูป นายใหญ่ของคนเสื้อแดงขึ้น และก็จะได้ครอบครัวละ 2 พันบาทต่อเดือน ได้บัตรสมาชิกเสื้อแดง ซึ่งหากกระทำผิดการจราจร เช่น ไม่ใส่หมวกกันน็อก เมื่อยื่นบัตรแล้ว ตำรวจจราจรต้องปล่อยทันที ไม่อย่างนั้นอาจโดนย้าย และก็จะให้บัตรส่วนลดตามห้างดังในภูเก็ตด้วย
อย่างไรก็ดี ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาอย่างที่ นายกฤช ออกมาแฉก็คงต้องบอกว่าเป็นอภิสิทธิ์โดยแท้ สำหรับคนเสื้อแดง เพราะสังคมก็พอจะเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ไม่ว่าใครจะมีความคิดการเมืองไปอย่างใดแต่หากไม่ได้มีแนวคิดไปทางเดียวกับคนเสื้อแดงแล้วก็จะถูกผลักไสไล่ส่งให้เป็นศัตรูไปแทบทั้งนั้น ยกตัวอย่างกรณี น.ส.บงกช คงมาลัย ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นตรงกันข้ามในกรณี การเสียชีวิตของ นายอำพล ตั้งนพกุล หรือ อากง ก็ยังได้ถูกเสื้อแดงตามราวีถึงตัว
และที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ก็คือการเผาหมู่บ้านเสื้อแดงจึงเป็นแสดงพลังต่อต้านของมวลชนแบบเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนว่า จะไม่ยอมเดินตามอุดมการณ์การฝังหัวของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง นอกจากนี้แล้วก็ยังได้เห็นกระแสการรุกกลับจากภาคประชาชนเพื่อสยบความอหังการของกลุ่มคนเสื้อแดง อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นในพื้นที่หลายแห่งทั้งในเวทีเลือกตั้งและเวทีการเคลื่อนไหวมวลชน ซึ่งเชื่อว่าคนเหล่านั้นรู้ว่าหมู่บ้านแดงมิใช่เป็นประชาธิปไตย
อย่างไรก็ดี เมื่อถามถึงเป้าหมายสูงสุดของหมู่บ้านเสื้อแดงแล้ว คงต้องหากจะหยิบยกคำพูดครั้งหนึ่งของ นายเหวง โตจิราการ อดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทย ปัจจุบัน เป็น ส.ส. พรรคเพื่อไทย เคยให้สัมภาษณ์แบบหมดเปลือกว่า หมู่บ้านเสื้อแดงตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย และช่วยฝ่ายราชการในการดูแลตรวจสอบปัญหายาเสพติด สำหรับเป้าหมายเชิงปริมาณของหมู่บ้านเสื้อแดง แกนนำคนเดียวกันระบุว่า จะยกระดับจากหมู่บ้านเป็นตำบล เป็นอำเภอ และเป็นจังหวัดเสื้อแดง
ทั้งนี้ แปลไทยเป็นไทยก็คือ เป้าหมายสูงสุดเชิงพื้นที่ของลัทธิแดงก็คือ การขยายความเป็นแดงให้ครอบคลุมราชอาณาจักรไทย จนกลายสภาพเป็นประเทศเสื้อแดง และเมื่อเป็นประเทศเสื้อแดงแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะแปลงร่างกลายพันธุ์เป็นสาธารณรัฐแดง ไปในที่สุด และในไม่ช้าจังหวัดเสื้อแดงก็คงจะได้รับการสถาปนาขึ้นมาอย่างเป็นทางการโดยแกนนำลัทธิแดงภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลภายใต้การบงการของ นช.ทักษิน ชินวัตร
.... และคงต้องถามกลับไปยังวิญญูชนบนพื้นแผ่นดินไทยนี้ว่าจะปล่อยให้ประเทศไทยกลายเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน” อย่างนั้นหรือ
(อ่าน...หมู่บ้านเสื้อแดง รอยร้าวแห่งแผ่นดินโดยพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต หน้า 50)