ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-“เวรกรรมของอากง”
“แต่อากงไม่อยู่ก็ดีนะคะ แผ่นดินจะได้ดีขึ้น”
“ถึงฉันจะเปิดนม เปิดอะไร หรือมีชื่อเสียงไม่ดี หรืออะไรก็ตามที่คุณจะสันหามาด่า แต่ฉันก็ไม่โง่ แล้วทำไมคุณกล้าสู่เพื่ออากง แล้วเมื่อไหร่คุณจะตายค่ะจะได้ไปช่วยอากงต่อในนรก เพราะอากงคุณตกนรกแน่จากกรรมที่หมิ่นพ่อของฉัน”
“คุณรักอากง ฉันก็รักครอบครัวพ่อของฉัน ทำไมเหรอ”
กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงขี่มอเตอร์ไซต์ไล่ล่า “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” ขณะเดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่พัทยา เนื่องจากดาราสาวทรงโตแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กต่อว่าต่อขาน นายอำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” ที่เสียชีวิตขณะถูกจับกุมคุมขังตามคำพิพากษาของศาลในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทนั้น สะท้อนสิ่งที่ชัดเจนยิ่งเกี่ยวกับความรู้สึกที่พวกเขามีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะยิ่งของปวงชนชาวไทย
เฉกเช่นเดียวกับสิ่งที่บรรดารัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ทั้งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงแกนนำคนเสื้อแดงที่นอกจากจะไม่ตำหนิติเตียนแล้วยังทำตัวประหนึ่งให้ท้ายพฤติกรรมอันเลวร้ายของฝูงชนบ้าคลั่งในสังกัดอย่างออกนอกหน้าอีกต่างหาก
เพราะต้องไม่ลืมว่า อากงผู้ที่ดาราสาวทรงโตเฟชบุ๊กแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า “แต่อากงไม่อยู่ก็ดีนะคะ แผ่นดินจะได้ดีขึ้น” นั้น กระทำความผิดชัดเจนตามคำพิพากษาของศาลในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจอะไรที่ตั๊ก-บงกชจะแสดงความไม่เห็นด้วยต่อพฤติกรรมของอากงซึ่งกระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดแจ้ง เหมือนดังเช่นที่แม่เล็ก- นางธนาภา คงมาลัย มารดาของตั๊ก บงกชกล่าวให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า....”แม่เป็นห่วงตั๊กมาก จิตใจก็ไม่ดี เห็นลูกโดนล้อมไล่อย่างนั้น ตั๊กเขาผิดตรงไหนทำไมต้องไปทำอย่างนั้น”
ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากกลุ่มคนเสื้อแดงและแกนนำเสื้อแดงเหล่านั้นมีความจงรักภักดีและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จริงๆ ตามที่ปากกล่าวอ้าง พวกเขาน่าจะสรรเสริญเยินยอความกล้าของตั๊ก-บงกชเสียด้วยซ้ำไป นี่ นอกจากจะไม่ชื่นชนแล้ว ยังใช้พฤติกรรมอันป่าเถื่อนข่มขู่คุกคามอีกต่างหาก
คนเสื้อแดงรุมด่าตั๊ก-บงกชที่โพสต์ด่าอากงที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ และโมโหโกรธาตั๊ก-บงกชชนิดจะเป็นจะตาย
ตรรกะเช่นนี้จะให้สังคมเข้าใจว่าอย่างไร
คนเสื้อแดงเห็นด้วยกับอากงที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นนี้หรือ?
ยิ่งสำหรับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ชื่อ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ เพระนอกจากจะไม่ห้ามปราบแล้ว ยังให้สัมภาษณ์เสมือนหนึ่งปกป้องหรือสนับสนุนการกระทำของคนในคอกเดียวกันที่ชัดแจ้ง
"ผมไม่เห็นว่าเขาไปขับไล่อะไรเลยเขาแค่ไปขี่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาไปเท่านั้นและคงไม่ใช่การคุกคาม หากคุกคามก็ต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีกัน ถ้า น.ส.บงกช รู้สึกว่าคุกคาม ทำให้เสียเสรีภาพก็ไปแจ้งความเพราะบ้านเมืองมีกฎหมาย อย่าไปวินิจฉัยเอาเอง ถ้าเห็นภาพแล้วมาตัดสินกันเองก็คงจะไม่เหมาะสม"
รองนายกฯ และ มท.1 ออกรับแทนคนเสื้อแดงอย่างหน้าชื่นตาบาน ขณะที่สื่อมวลชนแทบทุกสำนักทุกประเภท(ยกเว้นสื่อในสังกัดคนเสื้อแดง) พาดหัวข่าวกันอย่างอึกทึกครึกโครมถึงพฤติกรรมที่คนเสื้อแดงตั้งหน้าตั้งตาราวีตั๊ก-บงกชอย่างชัดแจ้ง
ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ ในวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งซึ่งใช้ชื่อว่า “เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมประชาธิปไตย” นำโดย น.ส.จิตรา คชเดช บุกทำเนียบรัฐบาลพร้อมชูป้าย อาทิ “ไม่เอา 112” “Free สุรชัย” “หยุดใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง” ฯลฯ เดินทางมายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รัฐบาลปล่อยตัวนักโทษการเมือง และนักโทษที่ถูกดำเนินคดีอาญา มาตรา 112 ทันที นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ก็กระดี๊กระด๊าลงมารับหนังสือด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสยิ่ง
พฤติกรรมเช่นนี้จะให้สังคมเข้าใจว่าอย่างไร
ขณะที่ดารานักแสดงที่อาจหาญเขียนจดหมายมาสั่งสอนตั๊ก-บงกชคือโด่ง-อรรถชัย อนันตเมฆ ก็สมควรที่จะต้องตอบคำถามเช่นกันว่า นายอรรถชัยผู้นี้มีความรู้สึกนึกคิดเช่นไรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะยิ่งของปวงชนชาวไทย
นายอรรถชัยเห็นด้วยกับการที่อากงหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทั่งอดรนทนไม่ไหวต้องลงมือเขียนจดหมายจากพี่โด่งถึงน้องตั๊ก ผ่านเฟซบุ๊ค Attachai Anantameak :Poppy เรื่อง..... ตั๊กคงไม่รู้ ตำหนิติเตียนสิ่งที่ตั๊ก-บงกชกระทำ ซึ่งนั่นก็คือการวิพากษ์วิจารณ์ต่อผู้ที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นนั้นหรือ
นายอรรถชัยจะตอบคำถามนี้อย่างไร
การที่นายอรรถชัยพร่ำสอนตั๊ก-บงกชว่า “เราเป็นดารา มีชีวิต มีอาชีพวันนี้ได้ แท้จริงก็เพราะประชาชน เราเป็นคนของประชาชน ต้องรักประชาชน ประชาชนทุกคน มีบุญคุณกับตั๊ก ไม่เว้นแม้แต่อากง... น้าทอม ดันดี เคยพูดว่า ข้าวชามน้ำจอก ที่ชาวบ้านให้เรากิน เราอย่าลืมบุญคุณหวังว่าตั๊กคงได้อ่านที่พี่เขียน และทบทวนสิ่งที่ตัวเองคิดให้ดี เชื่อพี่ รักประชาชน กตัญญูต่อประชาชน รับใช้ประชาชน อยู่ข้างประชาชน แล้วจะเจริญอย่างมีเสรีภาพ ครับ” หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า สิ่งที่ตั๊ก-บงกชโพสต์แสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งที่ผิดใช่หรือไม่
“คุณรักอากง ฉันก็รักครอบครัวพ่อของฉัน ทำไมเหรอ”
สิ่งที่ตั๊ก-บงกชแสดงความคิดเห็นเอาไว้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ใช่หรือไม่ แล้วทำไมตั๊ก-บงกชถึงจะไม่สามารถแสดงความรักที่ตรงไปตรงมากับครอบครัวของพ่อที่เธอรักได้
อย่างน้อยตั๊กก็เปิดเผยตรงไปตรงมาโดยไม่เกรงกลัว ดีกว่า “ขุนทหาร” บางคนที่อ้างว่ารักสถาบัน แต่ทุกวันนี้ได้แต่คำรามจนเสียงแห้งโดยที่มิเคยเห็นรูปธรรมในการจัดการกับอ้ายอีที่หมิ่นสถาบันแต่ประการใด
เช่นเดียวกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ชื่นชมวิธีการของนายอรรถชัยอย่างออกหน้าจากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แถมในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง นายณัฐวุฒิก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องห้ามปรามพฤติกรรมดังกล่าวในฉับพลันทันที ดังนั้น เดอะเต้นก็จะต้องตอบคำถามเช่นกันว่า นายณัฐวุฒิเห็นด้วยกับพฤติกรรมของอากงหรือกระไร
ไม่ต่างอะไรกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีซึ่งได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติแทนที่จะกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสวัสดิภาพของประชาชน กลับบอกว่าเป็นเรื่องของสีสัน
ตกลงว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตกลงว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นด้วยกับสิ่งที่อากงกระทำ แต่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ตั๊ก-บงกชทำ ใช่หรือไม่
ย้ำและขีดเส้นใต้สองเส้นกันอีกครั้งว่า ตั๊ก-บงกชด่าอากง คนเสื้อแดงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ทำไมเวลาอากงหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ คนเสื้อแดงทั้งเบื้องสูงและเบื้องต่ำถึงไม่โมโหเป็นฟืนเป็นไฟบ้าง ซ้ำร้ายนอกจากจะไม่ กราดเกรี้ยวแล้ว คนเสื้อแดงยังเห็นควรด้วยกับการให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่กำหนดโทษต่ออ้ายอีผู้ใดที่กระทำจาบจ้วง ล่วงเกิน อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย
คนเสื้อแดงต้องการเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น คนเสื้อแดงต้องการเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ให้สนุกปากโดยไร้ซึ่งความผิดเยี่ยงนั้นหรือ
ขนาดมีตัวบทกฎหมายที่บัญญัติโทษเอาไว้รุนแรง คนเสื้อแดงก็ยังไม่หลาบจำ ไฉนถ้าหากมีการแก้ไข ม.112 แล้ว การหมิ่นสถาบันจะมิยิ่งทวีความรุนแรงมากไปกว่านี้หรือ
นอกจากนี้ คงต้องย้อนถามไปที่ข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่ นางสาวจิตรา คชเดช ยื่นให้กับนายยงยุทธในวันที่บุกทำเนียบรัฐบาลมีจิตเจตนาเช่นไร ใช่เป็นการเห็นด้วยกับบุคคลที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่
ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมถึงเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดตามมาตรา 112
นอกจากนี้ เหตุผลที่กลุ่มของนางสาวจิตราบิดเบือนว่า มาตรา 112 มีผลทำให้มีคนตายในคุกก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะความจริงก็คือ อากงตายเพราะมะเร็ง และอากงตายเพราะคนในคอกเดียวกับคนเสื้อแดงที่มีอำนาจอยู่ในกรมราชทัณฑ์ไม่ได้สนใจใยดีที่จะให้การรักษาพยาบาลอย่างถูกต้องตามหลักมนุษยธรรมต่างหาก
นี่ต่างหากคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ เหมือนดังที่นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการศาลยุติธรรมออกมาชี้แจงการบิดเบือนข้อเท็จจริงเอาไว้ชัดเจนยิ่งว่า.... “หากเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 108 ที่ว่าด้วยการปล่อยตัวผู้ต้องหาเป็นการชั่วคราวนั้น จำเป็นต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน และเพียงพอที่ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวออกไปได้ ส่วนจะอนุญาตหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล แต่กว่าร้อยละ 93 ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัว แต่ในกรณีของ นายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากงนั้น เป็นการเจ็บป่วยที่ไม่มีความชัดเจนในตอนที่แจ้งขอรับการประกันตัว จึงเป็นเหตุผลให้ศาลไม่อนุญาต และหากอากงนั้น มีอาการไม่หนักจริงก็อาจพิจารณาให้รักษาในโรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ได้
ศาลเองก็รู้สึกไม่สบายใจ และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับเป็นห่วง และไม่อยากให้ใครมาใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายฝ่ายตรงข้าม”
นี่ต่างหากคือความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังเช่นที่ พ.ต.อ.ภวัต ประทีปวิศรุต นายแพทย์สถาบันนิติเวชวิทยา ระบุว่า จากการผ่าพิสูจน์ศพของอากงนั้น พบมะเร็งที่ตับเต็มช่องท้อง เลยทำให้อากงมีอาการท้องอืด และท้องแน่นตลอดเวลา พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเมื่อผู้ป่วยมีอาการแบบนี้ แพทย์ในกรมราชทัณฑ์ถึงไม่ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้กำลังรอผลการพิสูจน์ชิ้นเพื่อสรุปสาเหตุการตายที่ชัดเจนอีกครั้ง
นี่ต่างหากคือความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังเช่นที่ นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล ในฐานะผู้มีส่วนร่วมชันสูตรพลิกศพอากง ระบุว่า อากงเป็นมะเร็งตับในระยะลุกลาม ไม่ใช่ระยะสุดท้าย ซึ่งพบชิ้นเนื้อมะเร็งประมาณ 7 เซนติเมตร แต่เชื้อดังกล่าวนั้น ไม่ได้ลามไปถึงหัวใจ และทำให้ตนเองตั้งข้อสังเกตว่า ขั้นตอนในการส่งตัวไปรักษานั้น มีความบกพร่องมากน้อยหรือไม่ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้น ทางกรมราชทัณฑ์ก็ควรแก้ไขปรับปรุงในเรื่องดังกล่าว
ที่สำคัญคือ ในขณะที่คนเสื้อแดงอ้างตนว่าเป็นนักประชาธิปไตย ในขณะที่แกนนำคนเสื้อประกาศนักประกาศหนาว่าเป็นนักประชาธิปไตยเต็มร้อย แล้วทำไมเพียงแค่ความคิดเห็นที่แตกต่างและไม่ตรงกับความคิดของตน กลุ่มคนเสื้อแดงจึงไม่สามารถยอมรับได้
นี่หรือคือนักประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม หากย้อนหลังพิจารณาถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของระบอบทักษิณและแกนนำคนเสื้อแดงแล้ว จะเห็นได้ว่า เครื่องมือสำคัญของพวกเขาก็คือการใช้วาทกรรมล้างสมองเพื่อให้คนเสื้อแดงมีความคิดเป็นไปในทิศทางเดียวกับอากง ไม่เช่นนั้นคงไม่ใช้วาทกรรม 2 มาตรฐาน....ไพร่...อำมาตย์ อภิสิทธิ์ชน
ขณะที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีก็ถูกแกนนำคนเสื้อแดงด่าอย่างสาดเสียเทเสียและถึงขนาดยกขบวนไปชุมนุมกันที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์มาแล้ว
ดังนั้น จงอย่าแปลกใจว่า ทำไมปฏิกิริยาของคนเสื้อแดงที่มีต่อตั๊ก-บงกชถึงได้รุนแรงและทำให้คนเสื้อแดงเป็นเดือดเป็นแค้นกันทั้งแผ่นดินเยี่ยงนี้ ทั้งนี้ เนื่องเพราะพวกเขาถือว่า อากงคือสัญลักษณ์สำคัญในการเคลื่อนไหว เมื่อใครมาแตะต้องอากง พวกเขาจึงยอมไม่ได้
นอกจากนี้ แนวความคิดในการจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงในทุกภูมิภาคของประเทศ ก็มีความชัดเจนเช่นกันว่า มีเป้าประสงค์เช่นไร และทำไมในทุกบ้านของคนเสื้อแดงจึงมีรูป นช.ทักษิณติดหราอยู่เต็มไปหมด แต่ “รูปที่ควรมีทุกบ้าน” กลับไม่ปรากฏให้เห็น หรือถ้ามีก็มีในจำนวนที่ไม่มากมายอะไรนัก
ทำไมต้องแบ่งแยกประชาชนออกไปจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง
แน่นอน เหตุผลในเรื่องการเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
แล้วทำไมกระทรวงมหาดไทยที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการและอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ถึงทำเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อการขยายตัวของหมู่บ้านเสื้อแดง
พวกเขามีเจตนาที่จะเปลี่ยนประเทศให้เป็นรัฐไทยใหม่ ใช่หรือไม่
ที่สำคัญคือ นายใหญ่ของพวกเขาคือ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ไม่เคยห้ามปราบการก่อกำเนิดของหมู่บ้านเสื้อแดง
ที่สำคัญคือ นายใหญ่ของพวกเขาคือ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” นอกจากจะไม่เคยห้ามปรามหรือตำหนิการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันแล้ว คำพูดของเขายังมีเจตนาที่จะจวบจ้วงล่วงละเมิดมาอย่างต่อเนื่องไม่แพ้กัน
ด้วยเหตุดังกล่าว สุดท้ายและท้ายที่สุด คงต้องหยิบยืมคำพูดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณที่ให้แง่คิดในกรณีของตั๊ก-บงกชเอาไว้ได้อย่างตรงใจมากที่สุดว่า....
“เรื่องนี้น่าอนาถใจ เพราะคนในรัฐบาลกลับออกมาปกป้อง ผมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย เสื้อแดงและกองกำลังติดอาวุธเป็นพวกเดียวกันทั้งสิ้น ทำงานกันเป็นขบวนการและมีเจตนาร้ายต่อระบบการปกครองของไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน”