“เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้” สยายปีกสู่ธุรกิจรีเทลชอปปิ้งมอลล์ หวังเสริมธุรกิจโรงหนังให้แข็งแกร่งขึ้น ทุ่ม 3,000 ล้านบาท ผุดย่านดาวน์ทาวน์ พื้นที่ 12 ไร่ เผยในกรุงเทพฯคงเปิดโรงหนังอีก 3 สาขาก็เต็มตลาดแล้ว
นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด ผู้บริหารโรงภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟ กล่าวว่า บริษัทเตรียมขยายธุรกิจใหม่เป็นธุรกิจรีเทลเป็นศูนย์การค้าแนวใหม่หรือชอปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นธุรกิจขาที่สองของเอสเอฟ จากเดิมที่ทำธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นต์เป็นหลัก ทั้งโรงหนัง สายหนัง โบว์ลิ่ง คาราโอเกะ เป็นต้น และจะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของเอสเอฟ โดยปีนี้จะใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท มีทั้งเงินทุนบริษัทและเงินกู้ เพื่อก่อสร้างชอปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่แนวใหม่ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างไตรมาสสองนี้และแล้วเสร็จเปิดบริการปีหน้า เป็นอาคารสูงหลายชั้น บนพื้นที่ 12 ไร่ ใจกลางเมือง ซึ่งซื้อที่ดินมาแล้วยังเป็นที่ดินเปล่า จะเป็นมอลล์ที่มีทั้งเอนเตอร์เทนเม้นต์ แฟชั่น อาหาร ไอที ทุกอย่าง
"ในท้องตลาดก็เห็นมีแต่รายใหญ่อย่างกลุ่มเซ็นทรัลเท่านั้นที่มีการเปิดศูนย์การค้าใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งหากเราลงทุนเปิดเองบ้างก็จะเป็นการช่วยทำให้ธุรกิจโรงหนังของเราเติบโตตามไปด้วย เพราะทำเลดีๆในกรุงเทพฯเริ่มหายากแล้ว และอีกอย่างคอนเซ็ปท์ของเราจะแตกต่างจากผู้ประกอบการพัฒนาศูนย์การค้ารายอื่นในตลาด เช่น บางรายก็จะเป็นแบบเช่าระยะสั้น บางรายก็จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์เน้นทำเลเปิดอยู่ชานเมือง ส่วนของเราจะเป็นแบบชอปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่เน้นให้เช่าระยะยาว เรามั่นใจในระดับหนึ่งของทีมงานและประสบการณ์ที่เคยทำแบบรีเทลให้เช่าพื้นที่มาแล้ว เช่นที่ เอ็มบีเคเซ็นเตอร์เมื่อ 10 ปีที่แล้วก็ประสบความสำเร็จ เพียงแต่โครงการใหม่นี้จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นหลักแสนตารางเมตร"
อีกทั้ง ทำเลดีๆหรือไพร์มแอเรียในกรุงเทพฯที่จะเปิดโรงหนังได้นั้นเหลือน้อยลงแล้ว ซึ่งในส่วนของเอสเอฟเองคาดว่า จะเปิดในกรุงเทพฯที่เป็นไพร์มแอเรียได้อีก 2 - 3 สาขาเท่านั้นก็ถือว่าครอบคลุมพื้นที่บริการได้แล้ว จากปัจจุบันมีสาขา 14 แห่งในกรุงเทพฯรวม 126 โรง และมีอีก 13 สาขาใหญ่ในต่างจังหวัดรวม 68 โรง ซึ่งการลงทุนสร้างชอปปิ้งมอลล์เองเป็นการสปีดการขยายตัวได้ส่วนหนึ่งด้วย
ส่วนแผนการลงทุนสร้างโรงหนังปีนี้มี 7 สาขา เปิดแล้ว 2 แห่งที่สุพรรณบุรีกับอุบลราชธานี ส่วนที่เหลืออีก 5 แห่งคือ ที่ สุราษฎร์ธานี 7 โรง, มหาสารคาม 5 โรง, ลำปาง 4 โรง, อุดรธานี 8 โรง, ลพบุรี 5 โรง และปีหน้าคาดว่าจะมีที่โคราช เป็นต้น โดยคาดว่าอีก 3 ปีก็คงจะขยายครอบคลุมทั่วประเทศ ขณะที่ผลประกอบการปีนี้ของเอสเอฟคาดว่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีที่แล้ว จากปกติจะเติบโตเฉลี่ย 15% - 20% เนื่องมาจากรายได้สาขาใหม่ที่เทอร์มินัล21กับพระรามเก้าจะรับเต็มปี