ASTVผู้จัดการรายวัน - CPFเผยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการธุรกิจอาหารสำเร็จรูป 3 รายใน คาดว่าได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 โครงการในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บริษัทโตแบบก้าวกระโดด หลังประสบความสำเร็จในการซื้อCPP ทำให้กำไรไตรมาส1/55แตะ 1.21 หมื่นล้าน พุ่ง 229% การันตีปีนี้กำไรทุบสถิติอีกครั้ง
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)( CPF) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการธุรกิจอาหารสำเร็จรูปในเอเชียและยุโรปจำนวน 3 ราย เพื่อสร้างความเติบโตให้บริษัทอย่างก้าวกระโดดหลังซื้อกิจการCP Pokphand (CPP)ในฮ่องกง ทำให้บริษัทฯมีกำไรโตเกินเป้าหมายในไตรมาส1/2555 คาดว่าในไตรมาส 3หรือ 4/2555 การซื้อกิจการจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ราย
“ ดีลซื้อกิจการที่เราสนใจจะต้องเสริมธุรกิจที่บริษัทฯทำอยู่ ไม่แตกไลน์ธุรกิจ โดยจะเข้าไปซื้อหุ้นไม่ต่ำกว่า 20%ไปถึง 100% คาดว่าภายในไตรมาส 3และไตรมา 4 นี้จะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1ดีล โดยขนาดธุรกิจที่เจรจาอยู่ในระดับพันล้านถึงหมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนในปีนี้ยังคงอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ไม่รวมการเข้าซื้อกิจการ”
นายอดิเรก กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯคาดว่ามียอดขายรวม 3 แสนกว่าล้านบาท และมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรบริษัทปีนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตในธุรกิจหลัก การขยายธุรกิจในต่างประเทศ และรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการ
โดยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯมีรายได้ 73,480 ล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 61% และมีกำไรสุทธิ 12,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229%จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการเข้าซื้อกิจการ CPP รวมทั้งการรับรู้กำไรจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนในCP Vietnam Corporation (CPV) 8,673 ล้านบาท และเชื่อว่าอีก 3ปีข้างหน้า รายได้จากธุรกิจต่างประเทศจะอยู่ 60%สูงกว่าธุรกิจในประเทศ
ขณะที่แนวโน้มรายได้และกำไรในไตรมาส 2/2555 และ ไตรมาส 3/2555 จะดีกว่าช่วงดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกทั้งไทยจะสามารถส่งออกไก่สดแช่แข็งไปขายในสหภาพยุโรป(อียู)ได้อีกครั้งนับตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้ ทำให้อุตสาหกรรมไก่ส่งออกดีขึ้น โดยคาดว่าบริษัทฯจะสามารถส่งออกไก่สดแช่แข็งในปีนี้ได้ 2-3 หมื่นตัน จากอดีตบริษัทฯเคยส่งออกไปถึง 6 หมื่นตัน และส่งออกเนื้อไก่แปรรูปปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น1.2 แสนตัน จากปีก่อน 1 แสนตัน
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)( CPF) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการธุรกิจอาหารสำเร็จรูปในเอเชียและยุโรปจำนวน 3 ราย เพื่อสร้างความเติบโตให้บริษัทอย่างก้าวกระโดดหลังซื้อกิจการCP Pokphand (CPP)ในฮ่องกง ทำให้บริษัทฯมีกำไรโตเกินเป้าหมายในไตรมาส1/2555 คาดว่าในไตรมาส 3หรือ 4/2555 การซื้อกิจการจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ราย
“ ดีลซื้อกิจการที่เราสนใจจะต้องเสริมธุรกิจที่บริษัทฯทำอยู่ ไม่แตกไลน์ธุรกิจ โดยจะเข้าไปซื้อหุ้นไม่ต่ำกว่า 20%ไปถึง 100% คาดว่าภายในไตรมาส 3และไตรมา 4 นี้จะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1ดีล โดยขนาดธุรกิจที่เจรจาอยู่ในระดับพันล้านถึงหมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนในปีนี้ยังคงอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ไม่รวมการเข้าซื้อกิจการ”
นายอดิเรก กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯคาดว่ามียอดขายรวม 3 แสนกว่าล้านบาท และมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรบริษัทปีนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตในธุรกิจหลัก การขยายธุรกิจในต่างประเทศ และรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการ
โดยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯมีรายได้ 73,480 ล้านบาท โตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 61% และมีกำไรสุทธิ 12,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229%จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการเข้าซื้อกิจการ CPP รวมทั้งการรับรู้กำไรจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนในCP Vietnam Corporation (CPV) 8,673 ล้านบาท และเชื่อว่าอีก 3ปีข้างหน้า รายได้จากธุรกิจต่างประเทศจะอยู่ 60%สูงกว่าธุรกิจในประเทศ
ขณะที่แนวโน้มรายได้และกำไรในไตรมาส 2/2555 และ ไตรมาส 3/2555 จะดีกว่าช่วงดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกทั้งไทยจะสามารถส่งออกไก่สดแช่แข็งไปขายในสหภาพยุโรป(อียู)ได้อีกครั้งนับตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้ ทำให้อุตสาหกรรมไก่ส่งออกดีขึ้น โดยคาดว่าบริษัทฯจะสามารถส่งออกไก่สดแช่แข็งในปีนี้ได้ 2-3 หมื่นตัน จากอดีตบริษัทฯเคยส่งออกไปถึง 6 หมื่นตัน และส่งออกเนื้อไก่แปรรูปปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น1.2 แสนตัน จากปีก่อน 1 แสนตัน
