ตามอารมณ์ “ฉลอง เรี่ยวแรง” ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย เหวี่ยงใส่ “จตุพร พรหรมพันธุ์” แกนนำนปช. เพื่อนร่วมชายคาเดียวกันเป็นครั้งที่สอง หลังจากเคยเปิดหน้าชกมาแล้วเมื่อครั้งเหตุการณ์มหาอุทกภัยปลายปี2554
มารอบนี้แปลงร่างเป็น “จระเข้ขวางคลอง” ออกมาโหวกเหวกโวยวาย ทะลุกลางปล้อง ชี้ให้เห็นชัดๆว่า “จตุพร” ไม่เหมาะจะเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่คนอื่นในพรรค พยักเพยิดเห็นดีไปกับข่าว “ว่าที่ ฯพณฯตู่” เตรียมขึ้นเสนาบดี ในการปรับ ครม.รอบหน้า
โดยเลือกที่จะยกเรื่อง “หมิ่นสถาบัน” กับวาทกรรม “กระสุน...” ที่เป็นชนักปักหลัง “แกนนำ นปช.” ขึ้นมาเป็นเหตุผลรองรับ พร้อมไล่ส่งให้รอเคลียร์คดีความให้เสร็จที่จะมารับ “บำเหน็จ” ในช่วงนี้
ไม่เท่านั้น เจ้าของฉายา “หลอง งูเห่า” ยังโยนระเบิดลูกเบ้อเริ่ม เข้าใจกลางพรรคอีกต่างหาก โดยเน้นว่า คนในพรรคเห็นด้วยกับตัวเองเยอะ แต่ไม่มีใครกล้าพูด
บอกได้คำเดียวว่า เป็นการโหมโรงที่มันหยดติ๋ง !
ยิ่งประโยคสุดท้ายของ ส.ส.เมืองนนท์รายนี้ด้วยแล้ว เจ็บจี๊ด คอนเฟิร์มไปเลย ในพรรคเพื่อไทยมีคน “หมั่นไส้” พวกเสื้อแดง อีกเป็นโขยง
มิหน้ำซ้ำ ยังเป็นการสะท้อนสถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ว่ามีกระเพื่อมๆกันอยู่ หลังบรรดาผีป่าซาตาน “สมาชิกบ้านเลขที่ 111” ที่ถูกยันต์การเมืองสะกดวิญญาณไว้นานร่วม 5 ปี จะลุกขึ้นจากหลุม ออกอาละวาดหน้าฉากกันได้ ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ โดยเฉพาะช็อตทวงเก้าอี้ ทวงโควต้าตัวเองจากพวกแถวบี แถวซี คืน
ผนวกกับข่าวการปรับ “ครม.ปู 3” ฉลองเชงเม้ง รับบ้านเลขที่ 111 ที่จะมีการเสียบชื่อ “คางคกตู่” ให้ขึ้นวอเป็นเสนาบดี ตามคำมั่นสัญญาของ"นช.แม้ว" ในครั้งนี้ติดพ่วงไปด้วย โดยถูกวางตัวให้ได้อย่างน้อยๆ กับเก้าอี้ “รมช.มหาดไทย” ส่วนจะเป็น มท.2- มท.3 หรือเปิดเก้าอี้ มท.4 ก็ว่ากันอีกเรื่อง
มันก็เลยเป็นเรื่องเป็นราว “แย่งชามข้าว” กันขึ้น เพราะมีแววที่จะไปเบียดเบียนโควตา ส.ส.ภาคกลาง
พอ “ฉลอง” เล่นบท “ฉายเดี่ยว” ไม่ลากพวกพ้องมาแบ็คอัพ จึงไม่แปลกที่จะถูกรุมประชาทัณฑ์ เปียกโชกไปด้วยน้ำลายของพลพรรคเสื้อแดงที่พ่นใส่ จนเช็ดหน้าแทบไม่ทัน
ไล่เรียงตั้งแต่ “ก่อแก้ว พิกุลทอง - พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ - อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” ตลอดจนถึง “แรมโบ้อีสาน - สุภรณ์ อัตถาวงศ์” สายแดงฮาร์ดคอร์ ที่ออกมาปกป้องเพื่อนรัก พร้อมส่งสัญญาณตอกกลับ “มาเฟียหลอง” จี้จุดให้คายความลับออกมาจากคอ ว่า “ใครสั่งเอ็งมาพูด”
ตามเหลี่ยมคูคนทันกัน แค่ลำพัง ส.ส.ราคาน้อย ไร้ต้นทุน มีหรือจะกล้า “ฉายเดี่ยว” ออกมาอย่างนี้ ย่อมต้องมีผู้เสียประโยชน์บงการชักใยอยู่เบื้องหลัง
ชี้กันชัดๆ ฟันธงกันตรงๆ “มีงาน” อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะความน่าสงสัยที่เลือกคิวเน้นออกมาด่า “ตุ๊ดตู่” รายเดียว แต่กลับลืมไปว่าก่อนหน้านี้มีแกนนำแดงอัพเกรดเลื่อนชั้นไปเป็นอำมาตย์อยู่ก่อนหน้าอย่าง “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รมช.เกษตรฯ เสียอย่างนั้น กลายเป็นหลักฐานมัดกันคาหนังคาเขาว่า “เอ็งรับงานมา”
หันซ้าย หันขวาก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ใน “กระทรวงคลองหลอด” เป็นแน่แท้ แต่คงต้องขอข้ามตำแหน่ง “มท.1” ของ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์” ไป เพราะ “คางคก” ยังจำศีลมาไม่พอ พรรษายังไม่ถึง จึงหนีไม่พ้นเจ้าของโควตา รมช.มหาดไทย ที่มีอยู่ 2 อัตรา “มท.2 - มท.3” คนหนึ่งก็ชื่อ “ชูชาติ หาญสวัสดิ์” คนโตเมืองปทุม อีกคน “ฐานิสร์ เทียนทอง” หลานชาย “ป๋าเหนาะ” ผู้รับสัมปทาน มท.3 เอาเป็นว่าตระกูล “เทียนทอง – หาญสวัสดิ์” ก็ไม่ใช่คนห่างไกล เคยโลดแล่นยิ่งใหญ่ในนาม “กลุ่มวังน้ำเย็น” มาก่อน
พูดไปเก้าอี้ รมช.มหาดไทย 2 ตัวนี้ ก็โควต้าของ “เจ้าพ่อวังน้ำเย็น” ที่นับหัวส.ส.ภาคกลางไปแลกมาก็คงไม่ผิด ส่วน “ฉลอง” ที่แม้จะดูไม่มีเพื่อนในพรรค ไม่ค่อยรวมกลุ่มก้อนกับใครเขา แต่บนหน้าผาก ก็พะยี่ห้อ “ส.เทียนทอง” นั่นเอง
เสียงโวยวายของ “ฉลอง” ก็หนีไม่คงเป็นคีย์เดียวกับเสียงคำรามในลำคอของ “ป๋าเหนาะ”
ฉากนี้สะท้อนให้เห็นว่า “แก๊งแดง” ผนึกกำลังโชว์เพาว์ อวดบารมีในพรรคข่มกันใหญ่ แถมบลั๊ฟซ้ำให้สำนึกบุญคุณเสื้อแดง ถ้าเก่ง ถ้ากล้าให้ “ฉลอง” ไปประกาศก้องให้ชาวนนท์ฯ รู้เลยว่า “ไม่เอาเสื้อแดง” แล้วเลือกตั้งพิสูจน์กัน พุ่งเป้าสหบาทาไปที่ “หลอง ซีดี” เหมือนตีสั่งสอนไปถึงคนอื่น ที่คิดกระด้างกระเดื่องกับ “คนเสื้อแดง”
เป็นไปตามอารมณ์ “กร่างคับพรรค” ของแกนนำเสื้อแดง ที่ให้หลังอีเวนท์ใหญ่ที่กัมพูชาดูว่า “นายห้างดูไบ” จะให้ราคา และความสำคัญมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ของ “รัฐบาลน้องสาว” ก็ไม่สู้ดี ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การออก พ.ร.บ.ปรองดอง เรื่อยไปจนถึงภาวะข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน
ทั้งหมดทั้งปวงล้วนแล้วยังต้องการให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาคอยเป็นเกราะป้องกันและค้ำยันให้ ยังไงเสียก็ต้องปูนบำเหน็จ ประคองเลี้ยงเอาไว้ก่อน ตามจังหวะปลากระดี่โดนน้ำ มันก็เลยได้ใจ
อย่างไรก็ตาม มองคิวขัดแข้งขัดขา “ตุ๊ดตู่” ของ “ฉลอง” หนนี้ นอกจากเรื่องการแย่งโควตาคนอื่นเพื่อสลัดคราบ ดันตัวเองเป็น “อำมาตย์ตู่” แล้ว อารมณ์หมั่นไส้ของคนในพรรค มันก็ชักหลุดออกมาให้ได้ยินกันบ่อยขึ้น
ยิ่งระยะนี้ “แก๊งแดง” ชักเริ่มทำตัวมีปัญหา สร้างปัญหาให้ “พรรคนายห้าง” กันถี่ยิบ
ช็อตสำคัญๆ ก็อย่าง การคัดเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส.ลงเลือกตั้งซ่อม เขต 3 จ.เชียงใหม่ ที่อลหม่านไปร่วมสัปดาห์ ก่อนจะเคลียร์ใจกันได้ในยกสุดท้าย
ถัดจากนั้นไม่กี่วัน แก๊งแดงก็แผลงฤทธิ์อีกรอบ เมื่อพรรคเพื่อไทย มีมติส่ง “ประสพสุข บุษราคัม” อดีต ส.ส.อุดรธานี ลงไปชิงชัยในสนามเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรฯ แต่สเปกดันไม่ตรงใจ “แดงรักอุดร– ขวัญชัย ไพรพนา" ที่สะบัดหน้าไม่ปลื้ม เรื่องเลยบานปลายใหญ่โตถึงหู “นายใหญ่” ก่อนสุดท้ายต้องตามใจให้ขาใหญ่เสื้อแดง มีสิทธิ์เด็ดขาดเลือกม้าศึกกันเอง ทำเอา ส.ส.หลายคนออกอาการเซ็งเป็ด
ตามสภาพที่เห็น เมื่อแดงเริ่มใหญ่ คนกันเองก็ “เหม็นขี้หน้า” สถานภาพของพรรคจึงสุ่มเสี่ยงจะร้าวฉาน ที่มั่นอกมั่นใจว่าพรรคจะไปรอด เพราะ “คนเสื้อแดง” คอยหนุนหลัง วันนี้คงต้องกลับมาทบทวนใหม่ ดูให้ดี เพราะบางทีคนที่ทำพรรคพังวินาศสันตะโร อาจเป็น “คนเสื้อแดง” ที่“ทักษิณ” ถือหางอยู่ก็เป็นได้
มารอบนี้แปลงร่างเป็น “จระเข้ขวางคลอง” ออกมาโหวกเหวกโวยวาย ทะลุกลางปล้อง ชี้ให้เห็นชัดๆว่า “จตุพร” ไม่เหมาะจะเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่คนอื่นในพรรค พยักเพยิดเห็นดีไปกับข่าว “ว่าที่ ฯพณฯตู่” เตรียมขึ้นเสนาบดี ในการปรับ ครม.รอบหน้า
โดยเลือกที่จะยกเรื่อง “หมิ่นสถาบัน” กับวาทกรรม “กระสุน...” ที่เป็นชนักปักหลัง “แกนนำ นปช.” ขึ้นมาเป็นเหตุผลรองรับ พร้อมไล่ส่งให้รอเคลียร์คดีความให้เสร็จที่จะมารับ “บำเหน็จ” ในช่วงนี้
ไม่เท่านั้น เจ้าของฉายา “หลอง งูเห่า” ยังโยนระเบิดลูกเบ้อเริ่ม เข้าใจกลางพรรคอีกต่างหาก โดยเน้นว่า คนในพรรคเห็นด้วยกับตัวเองเยอะ แต่ไม่มีใครกล้าพูด
บอกได้คำเดียวว่า เป็นการโหมโรงที่มันหยดติ๋ง !
ยิ่งประโยคสุดท้ายของ ส.ส.เมืองนนท์รายนี้ด้วยแล้ว เจ็บจี๊ด คอนเฟิร์มไปเลย ในพรรคเพื่อไทยมีคน “หมั่นไส้” พวกเสื้อแดง อีกเป็นโขยง
มิหน้ำซ้ำ ยังเป็นการสะท้อนสถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ว่ามีกระเพื่อมๆกันอยู่ หลังบรรดาผีป่าซาตาน “สมาชิกบ้านเลขที่ 111” ที่ถูกยันต์การเมืองสะกดวิญญาณไว้นานร่วม 5 ปี จะลุกขึ้นจากหลุม ออกอาละวาดหน้าฉากกันได้ ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ โดยเฉพาะช็อตทวงเก้าอี้ ทวงโควต้าตัวเองจากพวกแถวบี แถวซี คืน
ผนวกกับข่าวการปรับ “ครม.ปู 3” ฉลองเชงเม้ง รับบ้านเลขที่ 111 ที่จะมีการเสียบชื่อ “คางคกตู่” ให้ขึ้นวอเป็นเสนาบดี ตามคำมั่นสัญญาของ"นช.แม้ว" ในครั้งนี้ติดพ่วงไปด้วย โดยถูกวางตัวให้ได้อย่างน้อยๆ กับเก้าอี้ “รมช.มหาดไทย” ส่วนจะเป็น มท.2- มท.3 หรือเปิดเก้าอี้ มท.4 ก็ว่ากันอีกเรื่อง
มันก็เลยเป็นเรื่องเป็นราว “แย่งชามข้าว” กันขึ้น เพราะมีแววที่จะไปเบียดเบียนโควตา ส.ส.ภาคกลาง
พอ “ฉลอง” เล่นบท “ฉายเดี่ยว” ไม่ลากพวกพ้องมาแบ็คอัพ จึงไม่แปลกที่จะถูกรุมประชาทัณฑ์ เปียกโชกไปด้วยน้ำลายของพลพรรคเสื้อแดงที่พ่นใส่ จนเช็ดหน้าแทบไม่ทัน
ไล่เรียงตั้งแต่ “ก่อแก้ว พิกุลทอง - พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ - อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” ตลอดจนถึง “แรมโบ้อีสาน - สุภรณ์ อัตถาวงศ์” สายแดงฮาร์ดคอร์ ที่ออกมาปกป้องเพื่อนรัก พร้อมส่งสัญญาณตอกกลับ “มาเฟียหลอง” จี้จุดให้คายความลับออกมาจากคอ ว่า “ใครสั่งเอ็งมาพูด”
ตามเหลี่ยมคูคนทันกัน แค่ลำพัง ส.ส.ราคาน้อย ไร้ต้นทุน มีหรือจะกล้า “ฉายเดี่ยว” ออกมาอย่างนี้ ย่อมต้องมีผู้เสียประโยชน์บงการชักใยอยู่เบื้องหลัง
ชี้กันชัดๆ ฟันธงกันตรงๆ “มีงาน” อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะความน่าสงสัยที่เลือกคิวเน้นออกมาด่า “ตุ๊ดตู่” รายเดียว แต่กลับลืมไปว่าก่อนหน้านี้มีแกนนำแดงอัพเกรดเลื่อนชั้นไปเป็นอำมาตย์อยู่ก่อนหน้าอย่าง “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รมช.เกษตรฯ เสียอย่างนั้น กลายเป็นหลักฐานมัดกันคาหนังคาเขาว่า “เอ็งรับงานมา”
หันซ้าย หันขวาก็คงไม่ใช่ใคร นอกจากคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ใน “กระทรวงคลองหลอด” เป็นแน่แท้ แต่คงต้องขอข้ามตำแหน่ง “มท.1” ของ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์” ไป เพราะ “คางคก” ยังจำศีลมาไม่พอ พรรษายังไม่ถึง จึงหนีไม่พ้นเจ้าของโควตา รมช.มหาดไทย ที่มีอยู่ 2 อัตรา “มท.2 - มท.3” คนหนึ่งก็ชื่อ “ชูชาติ หาญสวัสดิ์” คนโตเมืองปทุม อีกคน “ฐานิสร์ เทียนทอง” หลานชาย “ป๋าเหนาะ” ผู้รับสัมปทาน มท.3 เอาเป็นว่าตระกูล “เทียนทอง – หาญสวัสดิ์” ก็ไม่ใช่คนห่างไกล เคยโลดแล่นยิ่งใหญ่ในนาม “กลุ่มวังน้ำเย็น” มาก่อน
พูดไปเก้าอี้ รมช.มหาดไทย 2 ตัวนี้ ก็โควต้าของ “เจ้าพ่อวังน้ำเย็น” ที่นับหัวส.ส.ภาคกลางไปแลกมาก็คงไม่ผิด ส่วน “ฉลอง” ที่แม้จะดูไม่มีเพื่อนในพรรค ไม่ค่อยรวมกลุ่มก้อนกับใครเขา แต่บนหน้าผาก ก็พะยี่ห้อ “ส.เทียนทอง” นั่นเอง
เสียงโวยวายของ “ฉลอง” ก็หนีไม่คงเป็นคีย์เดียวกับเสียงคำรามในลำคอของ “ป๋าเหนาะ”
ฉากนี้สะท้อนให้เห็นว่า “แก๊งแดง” ผนึกกำลังโชว์เพาว์ อวดบารมีในพรรคข่มกันใหญ่ แถมบลั๊ฟซ้ำให้สำนึกบุญคุณเสื้อแดง ถ้าเก่ง ถ้ากล้าให้ “ฉลอง” ไปประกาศก้องให้ชาวนนท์ฯ รู้เลยว่า “ไม่เอาเสื้อแดง” แล้วเลือกตั้งพิสูจน์กัน พุ่งเป้าสหบาทาไปที่ “หลอง ซีดี” เหมือนตีสั่งสอนไปถึงคนอื่น ที่คิดกระด้างกระเดื่องกับ “คนเสื้อแดง”
เป็นไปตามอารมณ์ “กร่างคับพรรค” ของแกนนำเสื้อแดง ที่ให้หลังอีเวนท์ใหญ่ที่กัมพูชาดูว่า “นายห้างดูไบ” จะให้ราคา และความสำคัญมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ของ “รัฐบาลน้องสาว” ก็ไม่สู้ดี ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การออก พ.ร.บ.ปรองดอง เรื่อยไปจนถึงภาวะข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน
ทั้งหมดทั้งปวงล้วนแล้วยังต้องการให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาคอยเป็นเกราะป้องกันและค้ำยันให้ ยังไงเสียก็ต้องปูนบำเหน็จ ประคองเลี้ยงเอาไว้ก่อน ตามจังหวะปลากระดี่โดนน้ำ มันก็เลยได้ใจ
อย่างไรก็ตาม มองคิวขัดแข้งขัดขา “ตุ๊ดตู่” ของ “ฉลอง” หนนี้ นอกจากเรื่องการแย่งโควตาคนอื่นเพื่อสลัดคราบ ดันตัวเองเป็น “อำมาตย์ตู่” แล้ว อารมณ์หมั่นไส้ของคนในพรรค มันก็ชักหลุดออกมาให้ได้ยินกันบ่อยขึ้น
ยิ่งระยะนี้ “แก๊งแดง” ชักเริ่มทำตัวมีปัญหา สร้างปัญหาให้ “พรรคนายห้าง” กันถี่ยิบ
ช็อตสำคัญๆ ก็อย่าง การคัดเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส.ลงเลือกตั้งซ่อม เขต 3 จ.เชียงใหม่ ที่อลหม่านไปร่วมสัปดาห์ ก่อนจะเคลียร์ใจกันได้ในยกสุดท้าย
ถัดจากนั้นไม่กี่วัน แก๊งแดงก็แผลงฤทธิ์อีกรอบ เมื่อพรรคเพื่อไทย มีมติส่ง “ประสพสุข บุษราคัม” อดีต ส.ส.อุดรธานี ลงไปชิงชัยในสนามเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรฯ แต่สเปกดันไม่ตรงใจ “แดงรักอุดร– ขวัญชัย ไพรพนา" ที่สะบัดหน้าไม่ปลื้ม เรื่องเลยบานปลายใหญ่โตถึงหู “นายใหญ่” ก่อนสุดท้ายต้องตามใจให้ขาใหญ่เสื้อแดง มีสิทธิ์เด็ดขาดเลือกม้าศึกกันเอง ทำเอา ส.ส.หลายคนออกอาการเซ็งเป็ด
ตามสภาพที่เห็น เมื่อแดงเริ่มใหญ่ คนกันเองก็ “เหม็นขี้หน้า” สถานภาพของพรรคจึงสุ่มเสี่ยงจะร้าวฉาน ที่มั่นอกมั่นใจว่าพรรคจะไปรอด เพราะ “คนเสื้อแดง” คอยหนุนหลัง วันนี้คงต้องกลับมาทบทวนใหม่ ดูให้ดี เพราะบางทีคนที่ทำพรรคพังวินาศสันตะโร อาจเป็น “คนเสื้อแดง” ที่“ทักษิณ” ถือหางอยู่ก็เป็นได้