ศรีไทยฯชี้รายได้ไตรมาส 1/55 โตแค่ 10%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มั่นใจไตรมาส2 รายได้ดีกว่านี้ เหตุปรับขึ้นราคาสินค้าทั้งเมลามีนและพลาสติกตามต้นทุนค่าแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น มั่นใจทั้งปีรายได้เข้าเป้า 7.8 พันล้านบาท พร้อมหยุดขยายการลงทุนในจีนเพิ่ม เหตุสู้ค่าแรงไม่ไหว
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) (SITHAI) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2555ว่า บริษัทฯมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 10%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายประมาณ 1.58 พันล้านบาท มาจากยอดขายที่เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ อาทิ ธุรกิจเมลามีนโตขึ้น 15% และพลาสติก 20% และอื่นๆ 5% ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 2/2555 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาสนี้ เพราะได้ทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าทั้งผลิตภัณฑ์พลาสติก5-8%และผลิตภัณฑ์เมลามีน 10%ตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าแรงขั้่นต่ำวันละ 300 บาท คาดว่าราคาสินค้าจะปรับขึ้นแล้วเสร็จภายในมิ.ย.นี้ ดังนั้นบริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 6.69 พันล้านบาท หรือขยายตัว 17%
ด้านการลงทุน ปีนี้ บริษัทเตรียมใช้ 900 ล้านบาทขยายธุรกิจ โดยในประเทศจะซื้อเครื่องจักรและแม่พิมพ์ เพื่อขยายโรงงานฉีดพลาสติกขวดและฝาน้ำดื่ม-น้ำอัดลมเพิ่มขึ้นอีก 20% ขณะเดียวกันก็จะลดการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและยานยนต์ลงเพราะค่าแรงงานที่สูงขึ้นและมาร์จินต่ำ แต่หันมาผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่มแทน โดยใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน
ส่วนต่างประเทศ บริษัทฯมีแผนขยายการลงทุนในประเทศเวียดนาม ประมาณ 350 ล้านบาท เพื่อผลิตขวด ฝาน้ำดื่มและน้ำอัดลม คาดสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 3/2555 พร้อมกับดูลู่ทางการลงทุนในพม่าด้วย เบื้องต้นจะตั้งสำนักงานสาขาก่อน หากจะลงทุนตั้งโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เมลามีนและพลาสติกคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี เนื่องจากระบบสาธารณูปโภคยังไม่พร้อม ส่วนจีน ไม่มีแผนลงทุนเพิ่ม เพราะค่าแรงงานสูงกว่าไทย โดยจะดำเนินงานเฉพาะโรงงานผลิตพลาสติกเท่าที่มีอยู่เท่านั้น
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) (SITHAI) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2555ว่า บริษัทฯมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 10%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายประมาณ 1.58 พันล้านบาท มาจากยอดขายที่เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ อาทิ ธุรกิจเมลามีนโตขึ้น 15% และพลาสติก 20% และอื่นๆ 5% ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 2/2555 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาสนี้ เพราะได้ทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าทั้งผลิตภัณฑ์พลาสติก5-8%และผลิตภัณฑ์เมลามีน 10%ตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าแรงขั้่นต่ำวันละ 300 บาท คาดว่าราคาสินค้าจะปรับขึ้นแล้วเสร็จภายในมิ.ย.นี้ ดังนั้นบริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 6.69 พันล้านบาท หรือขยายตัว 17%
ด้านการลงทุน ปีนี้ บริษัทเตรียมใช้ 900 ล้านบาทขยายธุรกิจ โดยในประเทศจะซื้อเครื่องจักรและแม่พิมพ์ เพื่อขยายโรงงานฉีดพลาสติกขวดและฝาน้ำดื่ม-น้ำอัดลมเพิ่มขึ้นอีก 20% ขณะเดียวกันก็จะลดการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและยานยนต์ลงเพราะค่าแรงงานที่สูงขึ้นและมาร์จินต่ำ แต่หันมาผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่มแทน โดยใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน
ส่วนต่างประเทศ บริษัทฯมีแผนขยายการลงทุนในประเทศเวียดนาม ประมาณ 350 ล้านบาท เพื่อผลิตขวด ฝาน้ำดื่มและน้ำอัดลม คาดสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 3/2555 พร้อมกับดูลู่ทางการลงทุนในพม่าด้วย เบื้องต้นจะตั้งสำนักงานสาขาก่อน หากจะลงทุนตั้งโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์เมลามีนและพลาสติกคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี เนื่องจากระบบสาธารณูปโภคยังไม่พร้อม ส่วนจีน ไม่มีแผนลงทุนเพิ่ม เพราะค่าแรงงานสูงกว่าไทย โดยจะดำเนินงานเฉพาะโรงงานผลิตพลาสติกเท่าที่มีอยู่เท่านั้น