xs
xsm
sm
md
lg

“ศรีไทยฯ”พ่ายต้นทุน ปรับราคาอีก10%เม.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “ศรีไทยฯ” สุดทนแล้ว ประกาศลั่นปรับราคาสินค้าอีก 10% ในเดือนเมษายนนี้ หลังต้นทุนประเดประดังโถมเข้าใส่ เร่งมือเคลียร์สต๊อกสินค้าเก่าให้เรียบร้อยก่อน เผยยังหวั่นราคาใหม่กระทบออร์เดอร์ใหม่ แต่มั่นใจรายได้รวมปีนี้ทะลุ 7,800 ล้านบาท เติบโต 10%
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า  ในช่วงเดือนเมษายนนี้ บริษัทฯเตรียมปรับราคาขายสินค้าของศรีไทยฯทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอีกอย่างต่ำ 10% แต่คาดว่าราคาที่ปรับขึ้นจริงนั้นจะมีผลในช่วงเดือนพฤษภาคมแทน เนื่องจากบริษัทฯจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งในการเคลียร์สต๊อกสินค้าเก่าด้วย เพื่อที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าให้เสร็จสิ้น คาดว่าใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 เดือนนับจากนี้
สาเหตุของการปรับราคา 10% ดังกล่าว เป็นผลมาจากการที่ บริษัทฯไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากอีกต่อไปได้แล้ว เพราะราคาวัตถุดิบ รวมทั้งค่าแรงงาน และค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ปัจจัยสำคัญนอกจากเรื่องของ วัตถุดิบ และ ค่าขนส่งแล้ว คือต้นทุนด้านค่าแรงงาน ที่รัฐบาลประกาศค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท ที่จะมีผลอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนนี้ ทำให้ต้องตัดสินใจปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้น อีกทั้งแรงงานส่วนหนึ่งของบริษัทฯนั้นเป็นแรงงานจากต่างประเทศ   โดยในส่วนของโรงงานที่โคราชมีแรงงานเป็นพม่า 600 คน และสมุทรปราการ 100 คน ซึ่งขณะนี้แรงงานเหล่านั้นเดินทางกลับต่างประเทศจำนวนมาก ทำให้ขาดแคลนแรงงานแล้ว”
ทั้งนี้ทางแก้ไขที่ได้ดำเนินการไปบ้างแล้วคือ การหันไปลงทุนพึ่งพาเครื่องจักรในการผลิตมากขึ้น โดยการซื้อเครื่องจักรต่างประเทศเข้ามาใช้ในระบบการผลิตมากขึ้น โดยในปี 55 บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนทุกหน่วยธุรกิจ แบ่งเป็น สินค้าเมลามีน 100 ล้านบาท สินค้าพลาสติก 500 - 600 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในต่างประเทศ และในธุรกิจอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทฯมีแผนที่หยุดการผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในปี 2556 เพราะประสบปัญหามีปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ไม่คุ้มการลงทุน ทำให้บริษัทฯหันไปโฟกัสสินค้าบรรจุภัณฑ์ ทั้งอาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งคาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 15%
นายสนั่นกล่าวยอมรับว่า บริษัทฯยังไม่มีความมั่นใจว่าการปรับราคาขึ้นจะมีผลกระทบต่อออร์เดอร์หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดรับออร์เดอร์ใหม่ เพราะต้องเคลียร์ออร์เดอร์เก่าให้เรียบร้อยก่อน แต่ก็ยังมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 7,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 6,690 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6,700 ล้านบาท
**
กำลังโหลดความคิดเห็น