สภาร่วมเสียงข้างมาก โหวตให้ส.ส.ร.อยู่ยาว แม้เจอยุบสภาการแก้รธน.ก็ไม่ล่ม ฝ่ายค้านรุมต้าน ยันต้องพ้นไปพร้อมสภา อัดรัฐบาลวิตกเกินเหตุ บล็อกไว้ทุกทาง เชื่อมีพิรุธ จับตาประธานสภาขยันทำงานผิดปกติ
วานนี้ (2 พ.ค.) มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... ต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 10 โดยเป็นการพิจารณา มาตรา 291/7 ที่บัญญัติ กรณีที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการตามหมวดนี้ ในระหว่างปิดสมัยประชุมรัฐสภา ให้ประธานสภานำความกราบบังคมทูล เพื่อมีพระบรมราชโองการ เรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ และให้ประธานรัฐสภา เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ แต่ถ้าอายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง หรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร และมีกรณีที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการใดภายในระยะเวลาที่กำหนดตามหมวดนี้ มิให้นับระยะเวลาตั้งแต่วันที่อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง หรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่กรณี จนถึงวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ภายหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมเข้าในระยะเวลาที่รัฐสภา จะต้องดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ต่างสงวนคำแปรญัตติให้ตัดมาตรานี้ออกไป เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่จะยังคงให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญต่อไป หากมีการยุบสภา หรืออายุของสภาหมดลง อีกทั้งยังเป็นการให้อำนาจกับประธานรัฐสภา แบบรวบรัดเบ็ดเสร็จในการให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญได้
นายธนา ชีรวนิช ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเสนอขอให้ตัดออกทั้งมาตรา เพราะชัดเจนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นเรื่องการเมือง ดังนั้นการแก้ไขต้องยุติเมื่อสภาสิ้นสุด หรือมีการยุบสภา เพราะประชาชนเริ่มรับรู้ว่า แท้ที่จริงแล้วกำลังทำเพื่อใคร ตนไม่อยากให้ประเด็นการแก้ไขนี้ อยู่ติดกับคนไทยไปตลอดชีวิต เพราะมีการกำหนดว่า ส.ส.ร. ต้องร่างให้เสร็จ ภายในไม่เกิน 1 ปี และกรณีให้รัฐสภาต้องดำเนินการระหว่างปิดสมัยประชุม ถือเป็นการล็อกไว้ทุกทาง ว่าจะต้องเป็นประธานคนนี้
" เป็นไปไม่ได้ ที่ประธานคนนี้จะไม่เรียกประชุมเพื่อให้ ส.ส.ร. ทำตามหน้าที่ รัฐบาลไม่ต้องกลัว หรือวิตกจนเกินเหตุ จนต้องเขียนล็อกไว้ทุกทาง ควรปล่อยให้เป็นไปตามสภาพธรรมชาติ โดยควรเขียนว่า หากมีรัฐสภาชุดใหม่ให้รัฐสภาใหม่ลงมติว่า สิ่งที่ทำมาเห็นชอบด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ต้องตกไป แต่กลับไม่เปิดช่องเลย อย่าให้บุคคลใดอาศัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หาผลประโยชน์ตามที่ต้องการได้" นายธนา กล่าว
ขณะที่นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย กล่าวว่า หากมองเพียงผิวเผิน เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ความเป็นจริงมีหลายเรื่องแฝงอยู่ ตนได้พยายามหาเหตุผลว่า ทำไมกรรมาธิการเสียงข้างมาก ถึงต้องกำหนดขั้นตอนการดำเนินการในระหว่างปิดสมัยประชุม หรือหากอายุรัฐสภาหมดลง หรือสภามีการยุบ ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ทำไมต้องเขียนให้ประธานสภา สามารถนำความกราบบังคมทูล เรียกประชุมสภาวิสามัญ เพราะเป็นสิทธิตามปกติของประธานอยู่แล้ว หากมีเหตุผลความจำเป็น รัฐบาลกำลังร่างรัฐธรรมนูญ รวบอำนาจทุกอย่างไปอยู่ประธานรัฐสภา จะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ แต่เป็นหลักการของเผด็จการระบอบรัฐสภา เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจการใช้ดุลพินิจ กระจายไปไว้ตามส่วนต่างๆ ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ และ ฝ่ายนิติบัญญัติ
นอกจากนี้ เมื่อส.ส.ร.เกิดขึ้นจากสภาชุดนี้เป็นการชั่วคราว ไม่ใช่องค์กรถาวร ดังนั้นเมื่อสภาไม่มี หรือยุบไป เท่ากับขาดองค์ประกอบของรัฐสภา ส.ส.ร.ชุดนี้ ก็ต้องยุบไปด้วย เพื่อรอชุดสภาใหม่ เพราะนโยบายจากสภาชุดใหม่ อาจจะเหมือนเดิมหรือไม่เหมือนเดิมก็ได้ และยังมีการเขียนว่า กรณีที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการใดๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนดตามหมวดนี้ มิให้นับระยะเวลาตั้งแต่วันที่อายุของสภาสิ้นสุดลง หรือมีการยุบสภา แล้วแต่กรณี จนถึงวันประชุมสภาครั้งแรก ภายหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ทำให้เกิดความสับสน เพราะเท่ากับแปลว่า สภาส.ส.ร. เป็นองค์กรถาวร ไม่ได้สิ้นสุดไปกับคนที่ตั้งขึ้นมา แต่ในหลักการ กลับบอกให้เป็นสภาชั่วคราว ก็ไม่ต้องมานับอายุอีกแล้ว เพราะถือว่าขบวนการยังไม่เสร็จสิ้น
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า รัฐบาลพยายามเร่งหามรุ่งหามค่ำ พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จเร็วๆ และหลายประเด็นมีการเขียนเพื่อให้อำนาจเบ็ดเสร็จกับประธานสภา ผูกปมไว้ทุกอย่าง แสดงว่าต้องมีปมอะไรผิดปกติ จึงอยากให้ประชาชนจับตาดูอย่างใกล้ชิด จะต้องมีปมอะไรที่ทำให้ประธานสภา ขยันทำหน้าที่ขนาดนี้
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย ประธาน กมธ. ชี้แจงว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้ว กระบวนการเลือกตั้ง และสรรหาส.ส.ร. และการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ก็จะดำเนินไป โดยในแต่ละกระบวนการจะมีเงื่อนเวลา ว่าต้องกระทำการให้แล้วเสร็จเท่านั้น เท่านี้ หากไม่บัญญัติมาตรานี้ ก็จะมีปัญหาหากมีการคัดเลือก ส.ส.ร. หรือ ส.ส.ร. กำลังร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งหากเป็นช่วงที่ปิดสมัยประชุม สภาฯ สิ้นอายุ หรือถูกยุบสภา กระบวนการที่ล็อกเวลาไว้ ก็จะมีปัญหา
ดังนั้น จึงบัญญัติไว้ว่า หากจำเป็นต้องมีการเรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ ประธานมีอำนาจเรียกประชุมโดยนำความกราบบังคมทูล หรือหากมีการยุบสภา หรือสภาฯ สิ้นอายุลง เมื่ออยู่ครบ 4 ปี ก็ต้องรอกระบวนการต่างๆ ไว้โดยไม่นับเวลา จนกว่าจะมีสภาชุดใหม่ และเปิดการประชุมครั้งแรก โดยหลักเมื่อได้พิจารณาเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และได้นำความกราบบังคมทูล ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขแล้ว ก็ต้องดำเนินการต่อไป แม้สภาฯ จะสิ้นอายุ กระบวนการต่างๆ ก็ต้องเดินต่อไป เพราะถือเป็นผลผูกพันที่สภาได้แก้ไขแล้ว จึงขอยืนตามร่างที่ได้เสนอต่อสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมในครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นายสมศักดิ์ ซึ่งทำหน้าที่ประธานควบคุมการประชุม พยายามเร่งให้อภิปรายรวบรัดรวดเร็ว และคอยตัดบทสมาชิกเป็นระยะ โดยอ้างว่าอภิปรายนอกประเด็น ขณะที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ทยอยลุกขึ้นประท้วง และกระตุ้นให้การพิจารณาเดินไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตามที่ประชุม ได้มีการลงมติเห็นชอบตามร่างของกรรมาธิการใน มาตรา 291/7 ด้วยคะแนน 352 ต่อ 109 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง
วานนี้ (2 พ.ค.) มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... ต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 10 โดยเป็นการพิจารณา มาตรา 291/7 ที่บัญญัติ กรณีที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการตามหมวดนี้ ในระหว่างปิดสมัยประชุมรัฐสภา ให้ประธานสภานำความกราบบังคมทูล เพื่อมีพระบรมราชโองการ เรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ และให้ประธานรัฐสภา เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ แต่ถ้าอายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง หรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร และมีกรณีที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการใดภายในระยะเวลาที่กำหนดตามหมวดนี้ มิให้นับระยะเวลาตั้งแต่วันที่อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง หรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่กรณี จนถึงวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ภายหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมเข้าในระยะเวลาที่รัฐสภา จะต้องดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ต่างสงวนคำแปรญัตติให้ตัดมาตรานี้ออกไป เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่จะยังคงให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญต่อไป หากมีการยุบสภา หรืออายุของสภาหมดลง อีกทั้งยังเป็นการให้อำนาจกับประธานรัฐสภา แบบรวบรัดเบ็ดเสร็จในการให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญได้
นายธนา ชีรวนิช ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเสนอขอให้ตัดออกทั้งมาตรา เพราะชัดเจนว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นเรื่องการเมือง ดังนั้นการแก้ไขต้องยุติเมื่อสภาสิ้นสุด หรือมีการยุบสภา เพราะประชาชนเริ่มรับรู้ว่า แท้ที่จริงแล้วกำลังทำเพื่อใคร ตนไม่อยากให้ประเด็นการแก้ไขนี้ อยู่ติดกับคนไทยไปตลอดชีวิต เพราะมีการกำหนดว่า ส.ส.ร. ต้องร่างให้เสร็จ ภายในไม่เกิน 1 ปี และกรณีให้รัฐสภาต้องดำเนินการระหว่างปิดสมัยประชุม ถือเป็นการล็อกไว้ทุกทาง ว่าจะต้องเป็นประธานคนนี้
" เป็นไปไม่ได้ ที่ประธานคนนี้จะไม่เรียกประชุมเพื่อให้ ส.ส.ร. ทำตามหน้าที่ รัฐบาลไม่ต้องกลัว หรือวิตกจนเกินเหตุ จนต้องเขียนล็อกไว้ทุกทาง ควรปล่อยให้เป็นไปตามสภาพธรรมชาติ โดยควรเขียนว่า หากมีรัฐสภาชุดใหม่ให้รัฐสภาใหม่ลงมติว่า สิ่งที่ทำมาเห็นชอบด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ต้องตกไป แต่กลับไม่เปิดช่องเลย อย่าให้บุคคลใดอาศัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หาผลประโยชน์ตามที่ต้องการได้" นายธนา กล่าว
ขณะที่นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย กล่าวว่า หากมองเพียงผิวเผิน เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ความเป็นจริงมีหลายเรื่องแฝงอยู่ ตนได้พยายามหาเหตุผลว่า ทำไมกรรมาธิการเสียงข้างมาก ถึงต้องกำหนดขั้นตอนการดำเนินการในระหว่างปิดสมัยประชุม หรือหากอายุรัฐสภาหมดลง หรือสภามีการยุบ ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ทำไมต้องเขียนให้ประธานสภา สามารถนำความกราบบังคมทูล เรียกประชุมสภาวิสามัญ เพราะเป็นสิทธิตามปกติของประธานอยู่แล้ว หากมีเหตุผลความจำเป็น รัฐบาลกำลังร่างรัฐธรรมนูญ รวบอำนาจทุกอย่างไปอยู่ประธานรัฐสภา จะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ แต่เป็นหลักการของเผด็จการระบอบรัฐสภา เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจการใช้ดุลพินิจ กระจายไปไว้ตามส่วนต่างๆ ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ และ ฝ่ายนิติบัญญัติ
นอกจากนี้ เมื่อส.ส.ร.เกิดขึ้นจากสภาชุดนี้เป็นการชั่วคราว ไม่ใช่องค์กรถาวร ดังนั้นเมื่อสภาไม่มี หรือยุบไป เท่ากับขาดองค์ประกอบของรัฐสภา ส.ส.ร.ชุดนี้ ก็ต้องยุบไปด้วย เพื่อรอชุดสภาใหม่ เพราะนโยบายจากสภาชุดใหม่ อาจจะเหมือนเดิมหรือไม่เหมือนเดิมก็ได้ และยังมีการเขียนว่า กรณีที่รัฐสภาจะต้องดำเนินการใดๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนดตามหมวดนี้ มิให้นับระยะเวลาตั้งแต่วันที่อายุของสภาสิ้นสุดลง หรือมีการยุบสภา แล้วแต่กรณี จนถึงวันประชุมสภาครั้งแรก ภายหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ทำให้เกิดความสับสน เพราะเท่ากับแปลว่า สภาส.ส.ร. เป็นองค์กรถาวร ไม่ได้สิ้นสุดไปกับคนที่ตั้งขึ้นมา แต่ในหลักการ กลับบอกให้เป็นสภาชั่วคราว ก็ไม่ต้องมานับอายุอีกแล้ว เพราะถือว่าขบวนการยังไม่เสร็จสิ้น
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า รัฐบาลพยายามเร่งหามรุ่งหามค่ำ พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จเร็วๆ และหลายประเด็นมีการเขียนเพื่อให้อำนาจเบ็ดเสร็จกับประธานสภา ผูกปมไว้ทุกอย่าง แสดงว่าต้องมีปมอะไรผิดปกติ จึงอยากให้ประชาชนจับตาดูอย่างใกล้ชิด จะต้องมีปมอะไรที่ทำให้ประธานสภา ขยันทำหน้าที่ขนาดนี้
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย ประธาน กมธ. ชี้แจงว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้ว กระบวนการเลือกตั้ง และสรรหาส.ส.ร. และการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ก็จะดำเนินไป โดยในแต่ละกระบวนการจะมีเงื่อนเวลา ว่าต้องกระทำการให้แล้วเสร็จเท่านั้น เท่านี้ หากไม่บัญญัติมาตรานี้ ก็จะมีปัญหาหากมีการคัดเลือก ส.ส.ร. หรือ ส.ส.ร. กำลังร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งหากเป็นช่วงที่ปิดสมัยประชุม สภาฯ สิ้นอายุ หรือถูกยุบสภา กระบวนการที่ล็อกเวลาไว้ ก็จะมีปัญหา
ดังนั้น จึงบัญญัติไว้ว่า หากจำเป็นต้องมีการเรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ ประธานมีอำนาจเรียกประชุมโดยนำความกราบบังคมทูล หรือหากมีการยุบสภา หรือสภาฯ สิ้นอายุลง เมื่ออยู่ครบ 4 ปี ก็ต้องรอกระบวนการต่างๆ ไว้โดยไม่นับเวลา จนกว่าจะมีสภาชุดใหม่ และเปิดการประชุมครั้งแรก โดยหลักเมื่อได้พิจารณาเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และได้นำความกราบบังคมทูล ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขแล้ว ก็ต้องดำเนินการต่อไป แม้สภาฯ จะสิ้นอายุ กระบวนการต่างๆ ก็ต้องเดินต่อไป เพราะถือเป็นผลผูกพันที่สภาได้แก้ไขแล้ว จึงขอยืนตามร่างที่ได้เสนอต่อสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมในครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นายสมศักดิ์ ซึ่งทำหน้าที่ประธานควบคุมการประชุม พยายามเร่งให้อภิปรายรวบรัดรวดเร็ว และคอยตัดบทสมาชิกเป็นระยะ โดยอ้างว่าอภิปรายนอกประเด็น ขณะที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ทยอยลุกขึ้นประท้วง และกระตุ้นให้การพิจารณาเดินไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตามที่ประชุม ได้มีการลงมติเห็นชอบตามร่างของกรรมาธิการใน มาตรา 291/7 ด้วยคะแนน 352 ต่อ 109 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง