xs
xsm
sm
md
lg

จีนแนะไทยเลิกพัฒนา3อุตฯหนุนศก.พอเพียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเกา เหวิงควัน อัครราชทูตฝ่ายพาณิชย์ สถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวบรรยายพิเศษ “มุมมองจีนต่อทิศทางอุตสาหกรรมไทยหลังปี 2015 “ ซึ่งจัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)วันที่ 2 พ.ค.ว่า ไทยมีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสมต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจที่ดีเยี่ยมอยู่แล้ว ดังนั้นแนวทางการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยในอนาคตไม่ควรมุ่งไปสู่ 3 แนวทาง ดังนี้คือ 1.การพัฒนาอุตสาหกรรมที่สิ้นเปลืองพลังงานสูง เพราะไทยพึ่งพิงการนำเข้าจะทำให้ไทยมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะพลังงานของโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤติต้องแย่งชิงแหล่งพลังงานมากขึ้น ดังนั้นอุตฯที่พึ่งพิงพลังงานสูงจะไม่มีอนาคต

2.ไม่ควรจะพัฒนาอุตสาหกรรมที่ทำลายมลภาวะสูง เพราะไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมจะทำให้มลภาวะไปทำลายภาคเกษตรที่เข้มแข็งโดยเฉพาะไทยเป็นผู้ผลิตข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียง มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่หากมลภาวะไปทำลายสิ่งเหล่านี้จะหมดไปเปรียบสุภาษิตจีน “วิดน้ำให้แห้งเพื่อจับปลาในบ่อ” หรือสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 3.ไม่ควรมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมากเพราะขณะนี้ไทยเองก็อาศัยแรงงานต่างด้าวค่อนข้างสูง และในปี 2025ไทยจะเข้าสู่สังคมวัยชรา ประกอบกับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC แรงงานจะหมุนเวียนบ่อย

ดังนั้นไทยควรมุ่งพัฒนาอุตสาหรรมไปสู่ 3 แนวทางได้แก่ 1.ขยายห่วงโซ่การผลิตให้ยาวขึ้นเพื่อที่จะทำให้เข้มแข็งสามารถรองรับปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกเพื่อให้ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางหรือ HUB ในภูมิภาคอาเซียนเพื่อขยายตลาดไปยังจีน อาเซียนและอินเดีย

2.การพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมให้มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยมากขึ้นใช้จุดเด่นของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่เพิ่มมูลค่าไปสู่สินค้ากึ่งสำเร็จรูป และสำเร็จรูป เช่น ยางพารา ไม้แปรรรูป มันสำปะหลัง ฯลฯ และ 3.พัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนซึ่งกำลังเป็นทิศทางของโลกเพื่อป้องกันการขาดแคลนพลังงานในอนาคต

“รัฐบาลจีนกำลังส่งเสริมให้ธุรกิจจีนมาลงทุนยังต่างประเทศและแน่นอนว่าอาเซียนซึ่งรวมถึงไทยจะเป็นเป้าหมายการลงทุนแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามกรณีพม่าเปิดประเทศนั้นยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันตกของจีนจะเน้นให้จีนเชื่อมโยงกับพม่ามากขึ้น แต่จีนก็จะยังเชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับไทยเช่นกันซึ่งเรามีแผนพัฒนาเชิงลึกและกว้างควบคู่ไปเราต้องการเชื่อมโยงกับภูมิภาคอาเซียน”นายเกากล่าว
***เตรียมเลิกส่งเสริมการลงทุนเป็นรายเขต

ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในการรองรับการเข้าสู่ AEC เป็นสิ่งที่รัฐบาลเองคงจะต้องชี้นำและทำงานร่วมกับเอกชนซึ่งนโยบายดังกล่าวรัฐบาลได้วางแผนแล้วโดยจะมองใน 5 ปัจจัยได้แก่ 1.ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)อยู่ระหว่างปรับปรุงซึ่งคาดว่าจะเสร็จปลายปีนี้โดยเบื้องต้นจะยกเลิกเขตส่งเสริมการลงทุนที่จะให้สิทธิประโยชน์ตามเขต 1 2 และ3 เป็นรายกิจการแทน รวมถึงจะส่งเสริมให้ไทยไปลงทุนต่างประเทศ

2.การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุนที่จะเชื่อมโยงในภูมิภาคภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น รถไฟความเร็วสูง การขยายสนามบิน ฯลฯ 3.การพัฒนากำลังคน 4. เพิ่มผลิตภาพการผลิต 5. การให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งทุน

สำหรับอุตสาหกรรมที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของ AEC พบว่ามี 12 กิจการได้แก่ 1. เกษตร 2. ยานยนต์ 3. ไอซีที 4. ขนส่งทางอากาศ 5.อิเล็กทรอนิกส์ 6. ประมง 7. สุขภาพ 8.ยางพารา 9.ท่องเที่ยว 10.ลอจิสติกส์ 11.สิ่งทอ และ 12.ไม้แปรรูป โดยพบว่าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ไทยมีความเข้มแข็งที่สามารถจะผลักดันให้ไทยสู่การเป็น HUB การผลิตได้ในภูมิภาคนี้ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เกษตร ขนส่งทางอากาศ ฯลฯ

อย่างไรก็ตามมีหลายอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวโดยเฉพาะด้านไอซีที ที่ไทยจะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นอีกมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น