ASTVผู้จัดการรายวัน-ส.ส.ปชป.โต้เพื่อไทย กล่าวหา “มาร์ค” ให้คนอื่นกดบัตรแทนไร้สาระ แนะควรตรวจสอบนายกฯมากกว่า เผยข้อมูลนายกฯแค่ลงชื่อร่วมประชุมสภาแต่ชิ่งหนีเคยร่วมลงมติแค่ 7% อัดเห็นสภาเป็นแค่ฝ่ายธุรการบริษัท ท้า “หมวดเจี๊ยบ” เสนอ กมธ.กิจการสภาฯ สอบใหม่ เปิดภาพโป๊กลางห้องประชุมสภา
เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายประชา ประสพดี ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แสดงหลักฐานการอยู่ในห้องประชุมสภาเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ให้คนอื่นกดบัตรแทนนั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และเป็นการกล่าวหาที่มักง่าย ปราศจากหลักฐาน ไม่ใช่การเมืองที่สร้างสรรค์ แต่ต้องการเบี่ยงเบนประเด็นจากปัญหาการกดบัตรแทนกัน ในระหว่างการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูที่อาจส่งผลทำให้ร่างแก้ไขดังกล่าว มีปัญหาในข้อกฎหมายจนถึงขั้นขัดรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าหากนายประชามีเจตนาดีที่จะตรวจสอบการทำงานของ ส.ส.ที่เป็นบุคคลสำคัญในสภาควรตรวจสอบการทำหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่ามีการปฏิบัติหน้าที่ในสภาสมกับการเป็น ส.ส.หรือไม่ โดยขอนำข้อมูลระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาเปรียบเทียบกับนายอภิสิทธิ์จากเว็บไซต์เครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย (tpd.in.th)
โดยมีการรายงานการเข้าประชุมและการลงมติในเดือนมีนาคม ไว้ดังนี้ นายอภิสิทธิ์เข้าร่วมประชุม 78% ลงมติ 47% ในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าประชุม 89% แต่ลงมติ 7% เท่านั้น และเมื่อตรวจสอบการพิจารณาพระราชบัญญัติสำคัญ 9 ฉบับ ปรากฏว่าา น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ร่วมลงมติแม้แต่ครั้งเดียว เช่นเดียวกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ก็ไม่ได้ร่วมลงมติเลย ดังนั้น หากนายประชาสนใจเรื่องการอยู่ในที่ประชุมของสมาชิกคนสำคัญก็ควรไปถามนายกรัฐมนตรี และครม.จะมีประโยน์มากกว่า
อีกทั้งยั้งตั้งข้อสังเกตว่า สถิติที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมถึง 89% แต่ไม่เคยร่วมลงมติเลย แสดงว่าไม่ได้อยู่ร่วมประชุมจริง คือแค่เดินทางมาลงชื่อแต่ไม่ร่วมประชุม ไม่เคยรับฟังการอภิปรายในสภา สะท้อนถึงการไม่เคารพต่อกลไกรัฐสภา ใช้สภาเป็นเพียงฝ่ายธุรการในบริษัทเพื่อทำเอกสารให้เสร็จเป็นครั้งๆ ไปเท่านั้น แม้แต่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญนายกรัฐมนตรีก็ยังไม่อยู่ในห้องประชุมระหว่างการลงมติ เช่นเดียวกับการแก้ไขร่างแก้ไข รัฐธรรมนูญที่ ครม.เป็นผู้เสนอแก้ไขในวาระที่สองซึ่งมีการพิจารณายาวนานต่อเนื่องถึง 8 วัน 8 คืน แต่ก็ไม่ปรากฏตัวนายกรัฐมนตรีมาร่วมฟังการอภิปรายแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษก พรรคเพื่อไทย ระบุว่าตนมีความสัมพันธ์กับบริษัทแอลจี จึงขอให้ช่วยนายณัฏฐ์ บรรทัดฐานว่าจอพลาสมาของแอลจีรับสัญญาณจากไอโฟนไม่ได้นั้น นายบุญยอดกล่าวว่า เป็นการกล่าวหาที่ฉาบฉวยมาก เพราะรายการเกมคนเก่งกับแอลจีที่ตนเป็นพิธีกรนั้นยกเลิกไปกว่า 8 ปีแล้ว อีกทั้งเจ้าของรายการคือบริษัทกันตนา ตนกับบริษัทแอลจีไม่มีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น การกล่าวหาเช่นนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทแอลจี และสภาฯ ซึ่งมีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้ เห็นว่าถ้า ร.ท.หญิง สุณิสา ยังมีข้อติดใจก็ควรขอให้ทางพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นประธานกิจการสภาฯ อยู่แล้วตรวจสอบเรื่องนี้ต่อ อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าการกล่าวหาเช่นนี้เป็นเรื่องมักง่ายที่จะใส่ร้ายคนอื่นโดยไม่รับผิดชอบ และไม่แสดงสติปัญญาของผู้ตั้งคำถาม เพราะถ้าดูรายการของตนจริงก็อาจทำให้ ร.ท.หญิง สุณิศามีเหตุผลและวิธีคิดที่ดีกว่านี้ เพราะกรณีนายณัฏฐ์นั้น กรรมาธิการกิจการสภาฯ ซึ่งมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมอยู่ด้วยและประธานก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครติดใจ เนื่องจากช่วงที่นายณัฏฐ์เปิดภาพไม่เหมาะสมนั้นเป็นคนละช่วงเวลากับที่เกิดเหตุภาพโป๊ปรากฏบนจอมอนิเตอร์ จึงสงสัยว่าทำไมพรรคเพื่อไทยยังไม่ยอมยุติเรื่องนี้ แต่ยังตามจู้จี้จุกจิกกวนใจ ทั้งที่ควรเอาเวลาไปเร่งรัดรัฐบาลให้แก้ปัญหาปากท้องประชาชนจะดีกว่า.
เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายประชา ประสพดี ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แสดงหลักฐานการอยู่ในห้องประชุมสภาเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ให้คนอื่นกดบัตรแทนนั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และเป็นการกล่าวหาที่มักง่าย ปราศจากหลักฐาน ไม่ใช่การเมืองที่สร้างสรรค์ แต่ต้องการเบี่ยงเบนประเด็นจากปัญหาการกดบัตรแทนกัน ในระหว่างการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูที่อาจส่งผลทำให้ร่างแก้ไขดังกล่าว มีปัญหาในข้อกฎหมายจนถึงขั้นขัดรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าหากนายประชามีเจตนาดีที่จะตรวจสอบการทำงานของ ส.ส.ที่เป็นบุคคลสำคัญในสภาควรตรวจสอบการทำหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่ามีการปฏิบัติหน้าที่ในสภาสมกับการเป็น ส.ส.หรือไม่ โดยขอนำข้อมูลระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาเปรียบเทียบกับนายอภิสิทธิ์จากเว็บไซต์เครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย (tpd.in.th)
โดยมีการรายงานการเข้าประชุมและการลงมติในเดือนมีนาคม ไว้ดังนี้ นายอภิสิทธิ์เข้าร่วมประชุม 78% ลงมติ 47% ในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าประชุม 89% แต่ลงมติ 7% เท่านั้น และเมื่อตรวจสอบการพิจารณาพระราชบัญญัติสำคัญ 9 ฉบับ ปรากฏว่าา น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ร่วมลงมติแม้แต่ครั้งเดียว เช่นเดียวกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ก็ไม่ได้ร่วมลงมติเลย ดังนั้น หากนายประชาสนใจเรื่องการอยู่ในที่ประชุมของสมาชิกคนสำคัญก็ควรไปถามนายกรัฐมนตรี และครม.จะมีประโยน์มากกว่า
อีกทั้งยั้งตั้งข้อสังเกตว่า สถิติที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมถึง 89% แต่ไม่เคยร่วมลงมติเลย แสดงว่าไม่ได้อยู่ร่วมประชุมจริง คือแค่เดินทางมาลงชื่อแต่ไม่ร่วมประชุม ไม่เคยรับฟังการอภิปรายในสภา สะท้อนถึงการไม่เคารพต่อกลไกรัฐสภา ใช้สภาเป็นเพียงฝ่ายธุรการในบริษัทเพื่อทำเอกสารให้เสร็จเป็นครั้งๆ ไปเท่านั้น แม้แต่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญนายกรัฐมนตรีก็ยังไม่อยู่ในห้องประชุมระหว่างการลงมติ เช่นเดียวกับการแก้ไขร่างแก้ไข รัฐธรรมนูญที่ ครม.เป็นผู้เสนอแก้ไขในวาระที่สองซึ่งมีการพิจารณายาวนานต่อเนื่องถึง 8 วัน 8 คืน แต่ก็ไม่ปรากฏตัวนายกรัฐมนตรีมาร่วมฟังการอภิปรายแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษก พรรคเพื่อไทย ระบุว่าตนมีความสัมพันธ์กับบริษัทแอลจี จึงขอให้ช่วยนายณัฏฐ์ บรรทัดฐานว่าจอพลาสมาของแอลจีรับสัญญาณจากไอโฟนไม่ได้นั้น นายบุญยอดกล่าวว่า เป็นการกล่าวหาที่ฉาบฉวยมาก เพราะรายการเกมคนเก่งกับแอลจีที่ตนเป็นพิธีกรนั้นยกเลิกไปกว่า 8 ปีแล้ว อีกทั้งเจ้าของรายการคือบริษัทกันตนา ตนกับบริษัทแอลจีไม่มีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น การกล่าวหาเช่นนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทแอลจี และสภาฯ ซึ่งมีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้ เห็นว่าถ้า ร.ท.หญิง สุณิสา ยังมีข้อติดใจก็ควรขอให้ทางพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นประธานกิจการสภาฯ อยู่แล้วตรวจสอบเรื่องนี้ต่อ อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าการกล่าวหาเช่นนี้เป็นเรื่องมักง่ายที่จะใส่ร้ายคนอื่นโดยไม่รับผิดชอบ และไม่แสดงสติปัญญาของผู้ตั้งคำถาม เพราะถ้าดูรายการของตนจริงก็อาจทำให้ ร.ท.หญิง สุณิศามีเหตุผลและวิธีคิดที่ดีกว่านี้ เพราะกรณีนายณัฏฐ์นั้น กรรมาธิการกิจการสภาฯ ซึ่งมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมอยู่ด้วยและประธานก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครติดใจ เนื่องจากช่วงที่นายณัฏฐ์เปิดภาพไม่เหมาะสมนั้นเป็นคนละช่วงเวลากับที่เกิดเหตุภาพโป๊ปรากฏบนจอมอนิเตอร์ จึงสงสัยว่าทำไมพรรคเพื่อไทยยังไม่ยอมยุติเรื่องนี้ แต่ยังตามจู้จี้จุกจิกกวนใจ ทั้งที่ควรเอาเวลาไปเร่งรัดรัฐบาลให้แก้ปัญหาปากท้องประชาชนจะดีกว่า.