รายงานการเมือง
พูดกันมานาน แต่ก็ไร้หลักฐานจับได้คาหนังคาเขา กับเรื่องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ กดบัตรแทนกันในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรเวลาโหวตนับองค์ประชุมหรือลงมติในเรื่องต่างๆ
คนที่พูดเรื่องนี้มาตลอด อย่างรังสิมา รอดรัศมีส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ จนเคยมีเรื่องมีราวในห้องประชุมสภาฯ กับพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทย สมัยเป็น ส.ส.สิงห์บุรี ไทยรักไทยมาแล้ว
แต่ทุกครั้งก็ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น เพราะทำเป็นหาหลักฐานไม่ได้
แต่รอบนี้มันชัดแจ้งแดงแจ๋ ฉาวโฉ่กันทั้งสภา เพราะภาพที่ทั้งรสนา โตสิตระกูล สว.กรุงเทพมหานครและชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย นำมาแฉต่อสื่อมวลชนและนำไปอภิปรายในห้องประชุมรัฐสภาเมื่อ 24เมษายน 2555 มันชัดเสียยิ่งกว่าชัด
หลักฐานที่ภาพบันทึกไว้ มี ส.ส.หญิงและชาย เอื้อมมือไปกดบัตรใช้สิทธิแทนให้กับเพื่อน ส.ส.ที่นั่งอยู่ในแถวเดียวกัน ซึ่งก็คือสังกัดพรรคเดียวกัน ระหว่างการโหวตเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ภาพเพิ่งถูกนำมาขยายผลในสัปดาห์นี้
ที่ล่าสุด นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาได้ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ว่า สอง ส.ส.ชาย-หญิงดังกล่าวสังกัดพรรคการเมืองใดกันแน่ แต่การสอบสวนที่จะใช้เวลา 7 วัน คงทำได้ไม่ยาก เพราะมีทั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในห้องประชุมสภาฯ และภาพของส.ส.ก็น่าจะแกะรอยได้ไม่ยากว่าเป็นใคร?
เบื้องต้น ดูแล้วก็พอจะรู้แล้วว่าเป็น ส.ส.คนใด
เรื่องนี้ หากเทียบกับเรื่องมีภาพโป๊หลุดเข้าไปอ้าขาชวนสยิวในห้องประชุมรัฐสภาฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และเรื่อง ณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กรุงเทพมหานคร เปิดดูภาพโป๊ในโทรศัพท์ยี่ห้อดังกลางที่ประชุมรัฐสภาแล้ว
ต้องบอกว่ามันร้ายแรงยิ่งกว่าสองกรณีแรกเสียอีก
เนื่องจาก แม้เรื่องภาพโป๊โผล่กลางสภาฯ ดูแล้ว ทางการสอบสวนไม่น่าจะเป็นการจงใจหรือเตรียมการล่วงหน้าเพื่อให้ภาพโป๊โผล่กลางห้องประชุมรัฐสภาแน่นอน น่าจะเป็นความผิดพลาดในการใช้โทรศัพท์มือถือซัมซุงของคนที่อยู่ในรัฐสภา ที่เชื่อมต่อสัญญาณไว-ไฟในรัฐสภา จนภาพหลุดออกไปกลางห้องประชุมรัฐสภา ซึ่งน่าจะรู้ตัวคนต้นเหตุในเร็ววันนี้แล้ว หากต้องการสืบเอาตัวคนทำจริง
เช่นเดียวกับ กรณี ณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ก็ต้องถือว่าทำสิ่งที่ไม่สมควร น่าจะถูกตำหนิและประณาม กับการเปิดภาพโป๊กลางห้องประชุมรัฐสภา อันเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อสถานที่สภาอันทรงเกียรติ แม้จะอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจเปิดและได้ลบภาพทันทีเมื่อส่งคนเข้ามาในช่องทางการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือแต่ก็เป็นคำชี้แจงที่ฟังไม่ขึ้นสักเท่าใด และเจ้าตัวกำลังโดนกระแสสังคมกดดันให้ลาออกอยู่ตอนนี้
แต่ทั้งสองกรณี ซึ่งเป็นการกระทำผิดเฉพาะตัวที่ไม่มีผลต่อการทำงานของสภา แต่กับกรณีการกดบัตรแทนกันที่ปรากฏภาพเห็นชัดว่ามีนักการเมืองชาย-หญิงสองคน เอื้อมมือไปกดในช่องกดบัตรของ ส.ส.คนอื่นที่เสียบบัตรคาไว้
พฤติกรรมชัดว่าจงใจกระทำผิด ทั้งคนกดให้ และเจ้าของบัตร ที่เชื่อว่าคงฝากให้กดบัตรแทนให้ ผิดต่อการทำหน้าที่ชัดและน่าตำหนิมากกว่า สองกรณีแรกคือภาพโป๊หลุดกลางสภาฯ และณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ดูภาพโป๊กลางห้องประชุมฯ
ส.ส.-สว.ในฐานะสมาชิกรัฐสภา คือ ผู้มีหน้าที่สำคัญคือการออกฎหมาย ทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติ เพื่อตรากฎหมายออกมาให้มีผลบังคับใช้กับประชาชนคนไทยทุกคน แต่เมื่อสมาชิกรัฐสภา กลับมีเจตนา จงใจ ทำผิดกฎหมาย ทำผิดหน้าที่ ด้วยการ กดบัตร แทนกันให้เพื่อน ส.ส. ยิ่งเป็นการพิจารณารัฐธรรมนูญฯ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ แล้วขั้นตอนการพิจารณากลับทำผิดกันมาตั้งแต่ต้น มีการสวมสิทธิ กดบัตรแทนกัน มันก็เป็น
มติผี-มติเถื่อน
เช่นนี้แล้วจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร ในเมื่อคนร่วมทำคลอด มันทำผิดกฎหมายเสียเอง นี้คือสิ่งที่เรียกกันว่า “อาชญกรรมกลางรัฐสภา” ชัดๆ
เรื่องฉาวโฉ่กลางสภาไม่รู้เป็นอย่างไร ช่วงนี้ออกมาถี่ยิบ ต่อเนื่อง ทำให้ภาพลักษณ์สภาฯ เสียหาย อย่างรุนแรง จากเดิมที่แค่เรื่องภาพโป๊โผล่กลางห้องประชุมรัฐสภาและกรณีของณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ก็ทำให้สภาไทย เสียหายป่นปี้ ภาพลักษณ์กลายเป็นสภาเอวีไปในสายตาคนจำนวนมาก จนผลโพลของสองสำนักเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ สวนดุสิตโพล และเอแบคโพลล์ บอกตรงกันว่า เสื่อมศรัทธาสภาไทย และต้องการให้ณัฏฐ์รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น มากกว่าแค่การขอโทษ
อย่างไรก็ตาม ดูแล้วสังคมคงต้องการให้มีการสังคายนาการทำงานของสภาฯ กันยกใหญ่ เรื่องการตรวจสอบและลงโทษ ส.ส.-สว.ที่ทำผิดจริยธรรมควรต้องมีมาตรการอย่างจริงจังเสียที และไม่ควรเอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
ไม่ใช่ว่า พอประชาธิปัตย์เพลี่ยงพล้ำ กรณี ณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ฝ่ายประชาธิปัตย์ ก็มาอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ คนอื่นก็ทำ ไม่ต้องลาออก ไม่ต้องให้กรรมาธิการต่างๆ ของสภาฯ เช่น กมธ.กิจการสภาฯ มาสอบสวน อ้างว่าประธาน กมธ.กิจการสภาฯ เป็นคนของเพื่อไทย
แต่พอพรรคอื่นเห็นภาพชัดว่าเพลี่ยงพล้ำ มีการกดบัตรแทนกัน ประชาธิปัตย์ก็รีบโหมกระแสเอาคืน บอกจะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการจริยธรรมสภาฯ สอบสวน แต่พอเรื่องของตัวเองกลับทำเป็นเงียบกันทั้งพรรค
กรรมการจริยธรรมสภาฯ ซึ่งมีตัวแทนจากหลายพรรคการเมือง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นอดีตประธานสภาฯ เลยไม่มีความหมายอะไร มีไว้ก็เท่านั้น เพราะก็ไม่ได้มีความเป็นกลางอย่างแท้จริง เป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ และที่ผ่านมาก็ไม่เห็นทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
เห็นได้จากกรณี “เมารัก ไม่ได้เมาเหล้า” ของเฉลิม อยู่บำรุง และอนันต์ ศรีพันธ์ ส.ส.อุดรธานี เพื่อไทย ในช่วงการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไข รธน.วาระแรกเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งภาพฟ้องชัดเจนว่านักการเมืองบางคน ทรงตัวแทบไม่ได้กลางห้องประชุมรัฐสภาอันทรงเกียรติในยามค่ำคืนเพราะเหตุใด จนป่านนี้ ก็ยังไม่มีการสอบสวนใดๆ จากฝ่ายสภาฯออกมา
ส่วนที่จะไปพึ่งหวังองค์กรอย่าง “ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา” แม้จะพอพึ่งพิงได้ในฐานะองค์กรอิสระ แต่การทำงานที่ผ่านมาก็ล่าช้า และพบว่าไม่กล้าชี้ถูกชี้ผิด ออกแนว แค่เสนอแนะข้อคิดเห็นประกอบในเรื่องต่างๆ ที่มีการสอบสวนสรุปผล
หากสภาฯ ผู้ทรงเกียรติยังไม่คิดทำอะไรสักอย่าง ปล่อยให้สภาฯ ฉาวและโฉ่กันแบบนี้ มันจะเน่าตายกันทั้งคอก จะบอกให้