xs
xsm
sm
md
lg

ขมาอำมาตย์ "ปู"ควง3รองนายกฯพบ"ป๋า"ชื่นมื่น แดงชูป้ายด่าอย่านั่งทับหัวเสวยสุข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -“ปู”สวมชุดสีชมพู หวังปรองดอง “ป๋าเปรม” นำ 3 รองนายกฯ หอบดอกไม้ ขนมหวาน เข้ารดน้ำอายพร ก่อนปิดบ้านหารือสองต่อสอง “ยงยุทธ”อ้างไม่มีมิติทางการเมือง แต่เป็นมิติของไมตรีจิตมิตรภาพ ด้านเสื้อแดงบุกชูป้าย “อย่านั่งทับหัวคนเสื้อแดงเสวยสุข” ส่วนเวทีราชประสงค์จัดรดน้ำกระดูกน้องเกด “โอ๊ค”สุดเศร้า เฟซบุ๊กรำลึก

วานนี้ (26 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในชุดเสื้อสีชมพู เช่นเดียวกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่สวมเสื้อสีชมพูเช่นเดียวกันที่นัดไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนความรัก ขณะที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และพลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ไม่สวมเสื้อสีชมพู โดยอ้างว่าไม่มี

ทั้งหมดได้ออกเดินทางจากอาคารรัฐสภา โดยรถตู้ ป้ายแดง ทะเบียน 3438 เพื่อเดินทางไปยังบ้านสี่เสาเทเวศน์ เข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อรดน้ำขอพร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์และวันขึ้นปีใหม่ไทย โดยเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเข้าพบผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เพื่อขอพรในเทศกาลสำคัญ

นอกจากนี้ นายยงยุทธ ได้เตรียมกระเช้าผลไม้ พวงมาลัยดอกไม้และขนมหวานไปมอบในครั้งนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งหมดได้ใช้เวลารดน้ำอวยพรประมาณ 15 นาที จากนั้นในเวลา 15.45 น. รองนายกรัฐมนตรีทั้งสามก็ได้ออกมาคอยอยู่นอกบ้าน และปล่อยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพล.อ.เปรม หารือกันตามลำพังภายในบ้านอยู่ประมาณ 35 นาที จนกระทั่งเวลา 16.20 น. ทั้งสองก็ได้ออกมาพูดคุยกับคณะรองนายกฯ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยพล.อ.เปรม ที่สวมเสื้อผ้าไหมสีส้มได้เดินออกมาส่ง จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยกมือไหว้ลาพล.อ.เปรม และนั่งรถออกไปโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

**ป๋าฝากช่วย“สานใจไทยสู่ใจใต้”

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเดินทางเข้ารดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม ว่า ก็ชื่นอกชื่นใจ เพราะพวกตนเป็นผู้น้อย เมื่อมีโอกาสไปเคารพผู้ใหญ่ของบ้านเมืองก็มีความสุข

เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีโอกาสปิดห้องหารือกับพล.อ.เปรมเป็นการส่วนตัวด้วย นายยงยุทธ กล่าวว่า ก็มีเวลาได้คุยส่วนหนึ่ง ก็ได้คุยกัน

เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เล่าให้ฟังหรือไม่ว่าคุยอะไรบ้าง นายยงยุทธ กล่าวว่า ก็มีเรื่องงานที่รัฐบาลอยากจะเข้าไปช่วย พล.อ.เปรม อย่างโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รวมถึงงานกุศลต่างๆ ที่พล.อ.เปรมดำเนินการอยู่ ทางรัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งจริงๆ ก็ทำอยู่แล้ว อย่างโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ ก็มีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการให้การสนับสนุนอยู่ แต่รัฐบาลจะดูแลให้เข้มข้นขึ้น เพราะถือเป็นโครงการที่มีประโยชน์ ในการสร้างสันติสุขในกับพื้นที่ภาคใต้ และงานอะไรก็ตามที่เป็นงานกุศลที่ พล.อ.เปรมทำอยู่ ทางรัฐบาลก็อยากจะเข้าไปสนับสนุนด้วย โดยทั่วไปก็คุยกันแค่นั้น ที่เหลือพล.อ.เปรมก็ให้ศีลให้พรตามปกติที่ผู้ใหญ่พูดจากับคนที่มีอายุน้อยกว่า ก็เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดี

นายยงยุทธ กล่าวด้วยว่า พล.อ.เปรมให้พร ให้สุขภาพแข็งแรง ให้ดูแลพี่น้องประชาชนให้ดี

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์นำคณะเข้าพบ พล.อ.เปรม จะส่งผลต่ออนาคตทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการปรองดองจะสดใสเหมือนการเข้าพบครั้งนี้หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลยครับ ตนกราบเรียนแต่ต้นว่า ลูกเต้าไปรดน้ำอวยพรคุณพ่อคุณแม่ ก็ไม่ได้หวังสมบัติหรืออะไร เป็นมิติที่พวกเราพยายามคิดให้ไกล ทั้งๆ ที่มีมิติธรรมดาๆ คือ เรื่องวัฒนธรรม

เมื่อถามว่า พล.อ.เปรม ได้แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองเรื่องอะไรบ้าง นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่มีเลยครับ ไม่มีเลย รับรองได้ พร้อมกันนี้ นายยงยุทธ ยืนยันว่า ไม่การคุยกันในประเด็นเรื่องปรองดอง ไม่มีเลย ไม่มีมิติทางการเมือง เป็นมิติของวัฒนธรรม เป็นมิติของความเคารพนับถือ เป็นมิติของไมตรีจิตรมิตรภาพ

เมื่อถามว่าได้คุยเรื่องความเข้าใจผิดที่เคยพูดกันหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ ไม่มีมิติทางการเมืองเลยแม้แต่น้อย ตนก็มีเกียรติส่วนหนึ่งอยู่ ก็ขอรับรองด้วยเกียรติว่าที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นความสัตย์จริง

"นายกฯได้กราบเรียน พล.อ.เปรมว่า อาจจะมีช่วงเวลาที่ได้มาหารือข้อราชการ มาปรึกษา เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ เป็นถึงอดีตนายกฯ ที่มีประสบการณ์ เพราะท่านอยู่หลายปี"

เมื่อถามว่ามีใครโฟนอินจากต่างประเทศไปคุยหรือไม่ นายยงยุทธยิ้ม พร้อมถามกลับว่า จากไหน ไม่มีฮะ ไม่มี ก็มีแค่เนี้ยครับ อย่างที่กราบเรียนให้ทราบ

**อย่านั่งทับหัวคนเสื้อแดงเสวยสุข

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ส่งกำลังตำรวจพร้อมดูแลความปลอดภัย นายกฯ และคณะรัฐมนตรี ที่เข้ารดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม เข้าจุดทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเช้า จำนวน 1 กองร้อย 150 นาย พร้อมกำลังชุดปราบจลาจลสนับสนุน ณ ที่ตั้ง หากมีเหตุฉุกเฉินสามารถเข้าจุดเกิดเหตุได้ในทันที

ก่อนหน้านั้น เวลา 14.00 น. มีชายอายุประมาณ 50 ปี ได้นำป้ายกระดาษที่มีเขียนข้อความระบุว่า "พรบ.ปรองดอง เราเห็นชอบ แต่ 91 ศพใครจะรับผิดชอบ อำมาตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ ต้องไม่ตายฟรี รัฐบาลอย่านั่งทับหัวคนเสื้อแดงเสวยสุข กลุ่มรักประชาธิปัตย์ นายสมพงษ์ โพธิ์โน (ขอนแก่น) เอฟ.เอ็ม 107.5" หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวชายคนดังกล่าวออกจากบริเวณหน้าบ้านพักประธานองคมนตรีในทันที

ขณะที่การเข้าเดินทางเข้าพบเพื่อรดน้ำของพล.อ.เปรม ในครั้งนี้ ได้มีกลุ่มผู้สื่อข่าวแขนงต่างๆ ได้รอติดตามทำข่าวกันจำนวนมาก โดยเดินทางเข้าพล.อ.เปรม ในครั้งนี้ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวภายในตัวบ้านพักของประธานองคมนตรีแต่อย่างใด

**สุรยุทธ์ชี้"ปู"รดน้ำป๋าเป็นเรื่องประเพณี

ขณะที่ความเห็นในเรื่องนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้รุ่นที่ 17 ว่า เป็นเรื่องของประเพณีปฏิบัติคนที่มีวัยวุฒิน้อยก็ควรไปคารวะผู้มีวัยวุฒิสูงกว่า และประธานองคมนตรีถือเป็นบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ให้กับชาติมากมาย และเมื่อมีการแสดงมุทิตาจิตในลักษณะเช่นนี้ ก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้คนทั้งหลายว่า ประเพณีปฏิบัติของเราเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันได้

ส่วนจะเป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดองหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่การที่มีการปฏิบัติตามประเพณีในช่วงปีใหม่ไทย เป็นสิ่งที่ดีงาม และเป็นตัวอย่างที่ดี ส่วนคนในประเทศจะกลับมาปรองดองรักใคร่เหมือนในอดีตได้หรือไม่นั้น ตนคงไม่สามารถมองเห็นอนาคตได้ อยู่ที่ความพยายาม เช่นเดียวกับการสร้างคนดี ก็เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความพยายาม แน่นอนว่า ไม่มีคนดีทั้งหมด ต้องมีคนไม่ดีบ้าง แต่ถ้าคนดีช่วยกัน บ้านเมืองของเราจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องการเมือง ตนทำหน้าที่ในการส่งเสริมเยาวชนให้มีประสบการณ์ มีความรู้ เป็นคนดีของชาติบ้านเมือง ส่วนเรื่องการเมืองไม่มีข้อคิดเห็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า อีกฝ่ายมองว่า พล.อ.เปรมเป็นฝ่ายอำมาตย์และเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องทางการเมือง ตนคงให้ข้อคิดเห็นไม่ได้ และตนไม่ทราบว่า คนทั้งหลายมองในแง่ไหน และตนคงจะไปตอบแทนพล.อ.เปรมไม่ได้ ส่วนจะหล่อหลอมให้คำว่า อำมาตย์กับไพร่ให้เป็นเนื้อเดียวกันได้หรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ เพราะเป็นเรื่องความคิดเห็นทางการเมือง แต่ถ้อยคำที่นำมาเรียกขานไม่ได้อยู่ในระบบ เพราะยกเลิกไปตั้งแต่พ.ศ.2475 ก่อนตนเกิดด้วยซ้ำ การเรียกสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องทางการเมืองมากกว่า ไม่ได้เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง

**"ยงยุทธ"วอนขออย่าโยงการเมือง

ช่วงเช้า นายยงยุทธ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เราต้องยอมรับก่อนว่าพล.อ.เปรมเป็นบุคคลที่เราเคารพ ขณะที่รัฐบาลเป็นคนที่ประชาชนเลือกเข้ามา และในเทศกาลสงกรานต์ คนไทยก็จะรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าเราไปมองทุกอย่างเป็นเรื่องการเมืองหรือเกี่ยวข้องกับการเมือง มันก็จะกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย คับแคบ เราต้องคิดอะไรที่สร้างสรรค์ และคิดบวก ก็จะมองเป็นเป็นอีกอย่าง การที่จะได้อวยพร พล.อ.เปรม โดยที่ไม่มีเรื่องซ่อนเร้นและไม่ได้มุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากท่าน ถือว่าเป็นเรื่องดี ถ้าคิดอีกอย่างหนึ่งก็จะเป็นบาปและไม่บริสุทธิ์ใจ

ทั้งนี้ ถ้าครม.ทั้งคณะ36 คน เข้าไปพบพล.อ.เปรม มันก็จะเยอะเกินไป ห้องจะแน่น และภาพก็ออกมาไม่ดี ถ้าไปเพียง 3-4 คนเป็นเรื่องที่ดีกว่า ยืนยันว่าพล.อ.เปรมไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นองคมนตรี เป็นรัฐบุรุษ เป็นอดีตนายกฯ และนายกฯ คนปัจจุบันก็ต้องเคารพตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้ ตนในฐานะที่เคยเป็นลูกป๋ามากว่า 20 ปี เป็นผู้ประสานงานไปและได้รับการยืนยันกำหนดวันเวลาตอบรับการเข้าขอพรปีใหม่ไทย

เมื่อถามถึงกรณีที่แกนนำคนเสื้อแดงบางส่วนไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดการเกี้ยเซี้ยกับอำมาตย์ จะต้องส่งคนไปชี้แจงทำความเข้าใจหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่เป็นไร หัวใจของคนเหล่านั้น เป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่ใช่แนวร่วมต่อต้านวัฒธรรมไทย ต่อต้านพล.อ.เปรมหรือสถาบัน เพราะฉะนั้นตนเชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเข้าใจและคงไม่จำเป็นต้องไปพูดคุยชี้แจงทำความเข้าใจอะไร

** ไม่ส่งผลถึงขั้นคนในพรรคแตกแยก

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้พี่น้องประชาชนและกลุ่มเสื้อแดงมีความเข้าใจว่าเราจำเป็นต้องกลับเข้าสู่ระบบการปรองดอง เพราะไม่เช่นนั้น สังคมไทยจะเดินหน้าต่อไปได้ยากลำบาก

เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงถึงจุดแตกแยกทางความคิดแล้วหรือไ
ม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ยังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คิดว่าร้อยละ 99 เราอยู่ด้วยกัน แต่ในระบอบประชาธิปไตยความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ ย่อมมีความเห็นคนส่วนใหญ่ คนส่วนน้อย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะดำเนินการตามความเห็นของคนส่วนใหญ่ แต่เราจะรับฟังความคิดเห็นคนส่วนน้อยตลอดเวลาที่จะนำมาปรับทัศนคติเข้าหากัน

** ชี้"ยิ่งลักษณ์"พบป๋าหวังช่วยพี่ชาย

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย กล่าวว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์พยายามพบผู้ใหญ่ เพื่อต้องการกระซิบผู้มีบารมีในประเทศเพื่อให้ช่วยเหลือพี่ชาย ตนเองไม่ได้หวังหารือพูดคุยหาทางออกประเทศ ไม่ได้คิดในมิติเพื่อประโยชน์ประชาชน จึงถูกตั้งคำถามถึงความจริงใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการแก้ปัญหาประเทศชาติ และเรื่องความปรองดอง คิดว่าบรรยากาศประเทศไม่น่าจะดีขึ้นนัก ในเมื่อยังมีการปฏิบัติกับคนอย่างเหลื่อมล้ำและมีการสร้างกระแสความเกลียดชังทั้งเรื่องกระบวนการยุติธรรม ตนเชื่อว่าการแก้ปัญหาต้องแก้ที่ตัวบุคคล เอาผิดกับผู้ต้องคดี เอาผิดกับคนที่ศาลพิพากษาว่าต้องคดี ไม่ใช่เป็นการถอนหรือหนีคดีไป หากไม่เป็นเช่นนั้นประเทศก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้

“ผมหวังว่านายกฯ ควรสร้างความจริงใจด้วยการพูดคุยเรื่องการหาทางออกปัญหาต่างๆ ของประเทศมากกว่าปรึกษาปัญหาพี่ชาย การวางตัวมาเป็นนายกฯ ก็เพื่อคุณสมบัติช่วยพี่ชายสุดที่รักเท่านั้น แต่ไม่มีคุณสมบัติแก้ปัญหาประเทศ ทักษิณเป็นปัญหาของสังคม และเป็นประเด็นสำคัญของความขัดแย้งในชาติ หากทักษิณหยุดความเคลื่อนไหวใดๆ ทางการเมือง ก็เชื่อว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของความขัดแย้ง การปรองดองจะเกิดได้ ต้องแก้ที่ต้นเหตุและนักการเมืองทั้งระบบ”

**"โคทม"เชื่อป็นสัญลักษณ์สู่ปรองดอง

นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติวิธีและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ผู้มีอาวุโสน้อยจะเข้าไปขอคำแนะนำ หรือเข้าไปทำความเคารพกับผู้ที่มีอาวุโสมากกว่า ซึ่งการเข้าพบกันครั้งนี้ อาจถือเป็นการแสดงออกถึงสัญลักษณ์ทางการเมืองอย่างหนึ่ง

**ปรองดองใช้เวลาไม่กดปุ๊บติดปั๊บ

นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตน แต่ก็เป็นธรรมเนียม ไม่ได้มีอะไรประหลาด การที่เราไปคาราวะใคร ก็เป็นเรื่องของมารยาทสังคม ซึ่งในทุกปีๆ พล.อ.เปรมก็ต้อนรับหลายคณะอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีผู้มอง พล.อ.เปรม เป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือกลุ่มคนเสื้อแดง การเข้ารดน้ำครั้งนี้ น่าจะช่วยให้บรรยากาศทางการเมืองดีขึ้นหรือไม่ อย่างไร นายคณิต กล่าวว่า พล.อ.เปรม เป็นคู่ขัดแย้งอย่างไร ตนไม่เข้าใจเช่นกัน ท่านก็อยู่ในส่วนของท่าน เป็นองคมนตรี เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง การเมืองก็อยู่ในส่วนของการเมือง และขณะนี้ พล.อ.เปรม ก็ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับด้านการเมืองแล้ว จะมาเป็นคู่ขัดแย้งกันอย่างไร ไม่เข้าใจ

“การทำงานของ คอป.ไม่ได้เกี่ยวกับด้านการเมือง ส่วนการเมืองจะเป็นอย่างไรนั้นก็ว่าไป เราพยายาม ที่จะสร้างบรรยากาศให้เกิดความสงบ มีสันติ ซึ่งการที่จะสร้างได้นั้น ไม่ใช่แค่ คอป อย่างเดียว ทุกฝ่ายต้องมีหน้าที่ในการสร้างด้วย แต่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่กดปุ๊ปติดปั๊บ”นายคณิตกล่าว

** แม้วส่ง"โอ๊ค"ระลึก27ปีน้องเกด

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra เนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 27 ของน้องเกด (น.ส.กมนเกด อัคฮาด) และรูปภาพน้องเกด ดังนี้

ขอระลึกถึงน้องเกด เนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 27 นะครับ น้องเกดยอมเสียสละชีวิตเพื่อเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องที่บาดเจ็บจากการชุมนุมและเข้าไปพักรักษาตัวในวัดปทุม ถึงแม้ผมจะไม่เคยมีโอกาสได้เจอน้องเกดมาก่อน แต่ก็มีความศรัทธา เมื่อได้ทราบในวีรกรรมความกล้าหาญของน้อง ขอให้น้องเกดไปสู่สุขคติครับ

อีกด้าน เวลา15.00 - 24.00น. กลุ่มนปช.หรือคนเสื้อแดงได้จัดกิจกรรมที่แยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ โดยตั้งเวทีระบุว่า เป็นงานรดน้ำกระดูก “น้องเกด” โดยบรรยากาศงานทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิต จากเหตุการณ์ 19 พ.ค.2553 ในวัดปทุมวนาราม ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ โดยกลุ่มเสื้อแดงได้ตั้งเวทีที่บริเวณริมฟุตปาธหัวมุมแยกราชประสงค์ ฝั่งหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ และมีร้านค้ามาตั้งเพื่อจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและมีคนเสื้อแดง ค่อยๆ ทยอยมาร่วมงาน

ขณะที่เวลา 17.00 น. มีการการรดน้ำกระดูกของ น.ส.กมนเกด ก่อนที่เวลา 19.00 น. ได้มีการจุดเทียนเป่าเค้ก และมีกิจกรรมจนถึงเที่ยงคืน ขณะที่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.6 จำนวนสองหมวด 80 นาย มาดูแล

**แย้งนิติเรด ยังไม่เห็น"นิรโทษ"

พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ส.ส. พรรคมาตุภูมิ ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง แห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่คณะนิติราษฎร์ออกประกาศไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมว่า ตนยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ในเบื้องต้นขณะนี้ยังไม่มีขั้นตอนใดที่รัฐบาลหรือสภาผู้แทนราษฎรจะทำในประเด็นดังกล่าว และตนยังไม่เห็นมีใครจะทำเรื่องนี้ส่วนผลการศึกษาวิจัยของสภาบันพระปกเกล้าก็ยังเป็นเพียงข้อเสนอทางวิชาการไม่ใช่ผลที่จะนำไปปฏิบัติได้
กำลังโหลดความคิดเห็น