เพิ่งมีการเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองของ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลูกสาวของ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นเวลา 5 ปี และให้พ้นสภาพการเป็น ส.ส. รวมทั้งให้จำคุกเป็นเวลา 2 เดือน ปรับเป็นเงิน 4,000 บาท แต่โทษจำคุก ให้รอลงอาญา 1 ปี
ความผิดดังกล่าวเกิดขึ้นจากการจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ มีความผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 119 และกระทำผิดรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 259 และ 263
สำหรับสาระสำคัญก็คือเป็นเรื่องที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 51 ซึ่งเป็นการยื่นหลังจากยื่นบัญชีทรัพย์สินตามกำหนด เมื่อได้เป็น ส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งล่าช้าเกินกำหนดมานานกว่า 8 เดือน โดยจำนวนทรัพย์สินที่จงใจปกปิดนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องการกู้เงินจาก บรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม ของ พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ (ดามาพงศ์) จำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษ และผลก็ออกมาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี คำถามก็คือ มันอะไรกันนักหนา ทำไมทั้งปีทั้งชาติ คนในครอบครัวนี้ ตระกูลนี้ ถึงได้เกี่ยวพันนุงนังอยู่แต่เรื่องคดีซุกหุ้น ปั่นหุ้น เลี่ยงภาษี มาตลอด ตั้งแต่คนพวกนี้ร่ำรวยและเข้ามาสู่การเมือง
เริ่มมาจากหัวหน้าใหญ่ คือ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็มีเรื่องอื้อฉาว มีข้อกล่าวหาเรื่อง “ข้อมูลภายใน” ร่ำรวยจากการเก็งกำไรค่าเงินบาทในช่วงก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 ที่คนอื่นเขาเจ๊ง บอบช้ำกันทั้งประเทศ
หลังจากนั้นเมื่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อปี 2544 ก็มีปัญหาเรื่อง “ซุกหุ้น” ภาคแรก จากนั้นก็มีเรื่องทำนอง “ไม่ซื่อ” มาตลอด ทั้งเรื่องครหาปั่นหุ้น แปลงทรัพย์สินของรัฐมาเป็นของตัวเอง ในกรณีแปรรูปรัฐวิสาหกิจชั้นดี ปกปิดทรัพย์สิน เลี่ยงภาษี ใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งกรณีถูกสั่งจำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดาภิเษก ก็มาจากเรื่องนี้แหละ
**แม้แต่กรณี “ถุงขนม” สองล้านที่ตีนศาล จนทำให้ทนายความของเขาที่ชื่อ พิชิต ชื่นบาน ถูกตัดสินจำคุกและเพิกถอนวิชาชีพทนายความ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องอัปยศทั้งสิ้น
ส่วนคนอื่นๆ ที่ว่ากันเฉพาะที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันก่อน ตั้งแต่ พจมาน ชินวัตร (เดิม) อดีตภรรยาตามกฎหมาย ลูกๆ ทั้งสามคน เลขาส่วนตัว พี่บุญธรรมของภรรยา คือ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ อ้อ! ยังมีอีกคน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรี ในปัจจุบัน ก็มีเรื่องพัวพันประเภทถือหุ้นถือแทน โยกไปโยงมา จนน่าเวียนหัว บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมคนพวกนี้มันช่างสรรหาวิธีคิดหลบเลี่ยงกันได้พิสดารพันลึกขนาดนั้น
เพราะจะว่าไปแล้ว “นักประชาธิปไตย” ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ดิบได้ดีร่ำรวยมาจากสัมปทานผูกขาด มีภาพน้อมกายกุมไข่ นอบน้อมกับเผด็จการ รสช.ในอดีต เมื่อเข้ามาสู่การเมืองก็มีเรื่องควบรวม ซื้อพรรค ซื้อส.ส. ทำทุกอย่างสารพัด เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกตรวจสอบในสภา ขณะที่ นักประชาธิปไตยคนนี้ ก็ไม่เคยให้ความสำคัญเลยแม้แต่น้อย เพราะแทบจะไม่เข้าประชุม ไม่ตอบกระทู้ ปิดกั้นการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วยังมีข่าวลูกๆ โกงข้อสอบ ฯลฯ
จนกระทั่งล่าสุด มาถึงรุ่นหลาน อย่าง ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นลูกของน้องสาว คือ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มีน้องเขยคือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ในกระทรวงยุติธรรม ก็ไม่เคยมีใครเก่งกาจ เท่ากับ สมชาย ที่เป็นน้องเขยตัวเอง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการต่ออายุให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ต่อเนื่องกันถึง 3 ครั้ง จนเต็มพิกัด จนต้อง “เว้นวรรค”ไปเป็นปลัดกระทรวงแรงงานชั่วคราว แล้วค่อยกลับมารับตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
** พิลึกมั๊ยละ
กรณีของ ชินณิชา ที่ศาลฎีกาเพิ่งพิพากษาความผิด ฐานจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น หากพิจารณากันตามสามัญสำนึก เด็ก ๆวัยขนาดนี้คงไม่รู้เรื่องเล่ห์เหลี่ยมดังกล่าว หรือแม้แต่การเป็น ส.ส. ที่ถือว่าเป็นตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ ศักยภาพส่วนตัวคงไม่ถึง แต่เป็นเพราะผู้ใหญ่เป็นคนจัดการให้เสร็จสรรพ ปกปิด อำพรางให้ทุกอย่าง แต่เมื่อเกิดปัญหา ก็ต้องรับกรรมไป
เหมือนอย่างความผิดคราวนี้ ก็โยงไปถึง บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นตัวละครเอก ในคดีทุจริตมิชอบที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว ทักษิณ-พจมาน-ยิ่งลักษณ์ แทบทุกคดี ถามว่าด้วยวัยของ ชินณิชา แค่นี้จะมีปัญญาไปกู้เงินนับร้อยล้านบาทไปทำธุรกิจอะไร ถ้าไม่ใช่เป็นการบริหารจัดการจากคนอื่น
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากคดีที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่อดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มันก็ต้องตั้งคำถามอย่างจริงจังกับคนในครอบครัวนี้ และคนใกล้ชิดที่มีคนบางกลุ่มยกย่องให้เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ว่าทำไมล้วนแล้วแต่ข้องแวะสนิทสนมกับเผด็จการ บริหารงานก็ไม่ชอบมาพากลไร้ธรรมาภิบาล มีแต่คดี ซุกหุ้น ปกปิดทรัพย์สิน ใช้อำนาจมิชอบ อยู่ตลอดเวลา
**ล่าสุดกำลังเหิมเกริมถึงขั้นฉีกรัฐธรรมนูญ และเตรียมออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้พ้นผิด โอ้ย สนุกจริงๆ !!
ความผิดดังกล่าวเกิดขึ้นจากการจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ มีความผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 119 และกระทำผิดรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 259 และ 263
สำหรับสาระสำคัญก็คือเป็นเรื่องที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 51 ซึ่งเป็นการยื่นหลังจากยื่นบัญชีทรัพย์สินตามกำหนด เมื่อได้เป็น ส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งล่าช้าเกินกำหนดมานานกว่า 8 เดือน โดยจำนวนทรัพย์สินที่จงใจปกปิดนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องการกู้เงินจาก บรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม ของ พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ (ดามาพงศ์) จำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษ และผลก็ออกมาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี คำถามก็คือ มันอะไรกันนักหนา ทำไมทั้งปีทั้งชาติ คนในครอบครัวนี้ ตระกูลนี้ ถึงได้เกี่ยวพันนุงนังอยู่แต่เรื่องคดีซุกหุ้น ปั่นหุ้น เลี่ยงภาษี มาตลอด ตั้งแต่คนพวกนี้ร่ำรวยและเข้ามาสู่การเมือง
เริ่มมาจากหัวหน้าใหญ่ คือ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็มีเรื่องอื้อฉาว มีข้อกล่าวหาเรื่อง “ข้อมูลภายใน” ร่ำรวยจากการเก็งกำไรค่าเงินบาทในช่วงก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 ที่คนอื่นเขาเจ๊ง บอบช้ำกันทั้งประเทศ
หลังจากนั้นเมื่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อปี 2544 ก็มีปัญหาเรื่อง “ซุกหุ้น” ภาคแรก จากนั้นก็มีเรื่องทำนอง “ไม่ซื่อ” มาตลอด ทั้งเรื่องครหาปั่นหุ้น แปลงทรัพย์สินของรัฐมาเป็นของตัวเอง ในกรณีแปรรูปรัฐวิสาหกิจชั้นดี ปกปิดทรัพย์สิน เลี่ยงภาษี ใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งกรณีถูกสั่งจำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดาภิเษก ก็มาจากเรื่องนี้แหละ
**แม้แต่กรณี “ถุงขนม” สองล้านที่ตีนศาล จนทำให้ทนายความของเขาที่ชื่อ พิชิต ชื่นบาน ถูกตัดสินจำคุกและเพิกถอนวิชาชีพทนายความ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องอัปยศทั้งสิ้น
ส่วนคนอื่นๆ ที่ว่ากันเฉพาะที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันก่อน ตั้งแต่ พจมาน ชินวัตร (เดิม) อดีตภรรยาตามกฎหมาย ลูกๆ ทั้งสามคน เลขาส่วนตัว พี่บุญธรรมของภรรยา คือ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ อ้อ! ยังมีอีกคน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรี ในปัจจุบัน ก็มีเรื่องพัวพันประเภทถือหุ้นถือแทน โยกไปโยงมา จนน่าเวียนหัว บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมคนพวกนี้มันช่างสรรหาวิธีคิดหลบเลี่ยงกันได้พิสดารพันลึกขนาดนั้น
เพราะจะว่าไปแล้ว “นักประชาธิปไตย” ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ดิบได้ดีร่ำรวยมาจากสัมปทานผูกขาด มีภาพน้อมกายกุมไข่ นอบน้อมกับเผด็จการ รสช.ในอดีต เมื่อเข้ามาสู่การเมืองก็มีเรื่องควบรวม ซื้อพรรค ซื้อส.ส. ทำทุกอย่างสารพัด เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกตรวจสอบในสภา ขณะที่ นักประชาธิปไตยคนนี้ ก็ไม่เคยให้ความสำคัญเลยแม้แต่น้อย เพราะแทบจะไม่เข้าประชุม ไม่ตอบกระทู้ ปิดกั้นการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วยังมีข่าวลูกๆ โกงข้อสอบ ฯลฯ
จนกระทั่งล่าสุด มาถึงรุ่นหลาน อย่าง ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นลูกของน้องสาว คือ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มีน้องเขยคือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ในกระทรวงยุติธรรม ก็ไม่เคยมีใครเก่งกาจ เท่ากับ สมชาย ที่เป็นน้องเขยตัวเอง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการต่ออายุให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ต่อเนื่องกันถึง 3 ครั้ง จนเต็มพิกัด จนต้อง “เว้นวรรค”ไปเป็นปลัดกระทรวงแรงงานชั่วคราว แล้วค่อยกลับมารับตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
** พิลึกมั๊ยละ
กรณีของ ชินณิชา ที่ศาลฎีกาเพิ่งพิพากษาความผิด ฐานจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น หากพิจารณากันตามสามัญสำนึก เด็ก ๆวัยขนาดนี้คงไม่รู้เรื่องเล่ห์เหลี่ยมดังกล่าว หรือแม้แต่การเป็น ส.ส. ที่ถือว่าเป็นตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ ศักยภาพส่วนตัวคงไม่ถึง แต่เป็นเพราะผู้ใหญ่เป็นคนจัดการให้เสร็จสรรพ ปกปิด อำพรางให้ทุกอย่าง แต่เมื่อเกิดปัญหา ก็ต้องรับกรรมไป
เหมือนอย่างความผิดคราวนี้ ก็โยงไปถึง บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นตัวละครเอก ในคดีทุจริตมิชอบที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว ทักษิณ-พจมาน-ยิ่งลักษณ์ แทบทุกคดี ถามว่าด้วยวัยของ ชินณิชา แค่นี้จะมีปัญญาไปกู้เงินนับร้อยล้านบาทไปทำธุรกิจอะไร ถ้าไม่ใช่เป็นการบริหารจัดการจากคนอื่น
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากคดีที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่อดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มันก็ต้องตั้งคำถามอย่างจริงจังกับคนในครอบครัวนี้ และคนใกล้ชิดที่มีคนบางกลุ่มยกย่องให้เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ว่าทำไมล้วนแล้วแต่ข้องแวะสนิทสนมกับเผด็จการ บริหารงานก็ไม่ชอบมาพากลไร้ธรรมาภิบาล มีแต่คดี ซุกหุ้น ปกปิดทรัพย์สิน ใช้อำนาจมิชอบ อยู่ตลอดเวลา
**ล่าสุดกำลังเหิมเกริมถึงขั้นฉีกรัฐธรรมนูญ และเตรียมออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้พ้นผิด โอ้ย สนุกจริงๆ !!