เครือข่ายคนในตระกูลชินวัตร ที่มักต้องโทษมีคดีความอยู่เสมอ รายล่าสุดเรียบร้อยไปแล้ว ก็คือ ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ “เจ๊แดง” เจ้าแม่ซาลาเปาเพื่อไทย
ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ให้ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย หลานสาวทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความผิดฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สินในการยื่นบัญชีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช.
ต้นตอก็มาจากเงินจำนวน 100 ล้านบาท ที่ตอนคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทำการอายัดทรัพย์สินทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวจำนวน 7.6 หมื่นล้านที่ได้จากการขายหุ้นชินคอร์ป แล้วมีเงิน 100 ล้านบาทที่พ่วงติดเข้ามาด้วย
ในตอนนั้น “ชินณิชา” แจงต่อ คตส.ว่าเป็นเงินกู้ยืมกันในเครือญาติเพื่อทำธุรกิจระหว่างเธอกับลุง บรรณพจน์ ดามาพงศ์
แต่ปรากฏว่าเมื่อ น.ส.ชินณิชาได้มาเป็น ส.ส.ครั้งแรกปี 50 สังกัดพรรคพลังประชาชนกลับไม่ได้ยื่นบัญชีจำนวนเงินดังกล่าวต่อ ป.ป.ช.
แล้วพอเรื่องแดงก็จะไปขอยื่นย้อนหลัง โดยอ้างเหตุที่ไม่ได้แสดงรายการหนี้สินดังกล่าว ว่าเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยสุจริตว่า ระหว่างทำรายการบัญชีฯ นั้นกระบวนการไต่สวนของคตส.ยังไม่เสร็จสิ้น จึงคิดว่าหนี้สินที่มีคำสั่งอายัดไว้ผู้ยื่นไม่สามารถดำเนินการอื่นใดได้จนกว่าคตส. จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัด จึงไม่ได้ยื่นบัญชีดังกล่าว
จึงไปขอยื่นบัญชีดังกล่าวเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2551 ภายหลังยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไปแล้ว 8 เดือน
ต่อมาที่ประชุมใหญ่ ป.ป.ช.เห็นว่าข้ออ้างของ น.ส.ชินณิชา ฟังไม่ขึ้นจึงมีความเห็นว่า น.ส.ชินณิชาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จฯและนำมาสู่การตัดสินของศาลฎีกาฯ ครั้งนี้
จนในที่สุดศาลฯ ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานและเอกสารในสำนวน แล้วเห็นว่า น.ส.ชินณิชา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ฯ อันเป็นการทำผิดและฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญฯ และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 รวมถึงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 จึงมีคำตัดสินดังกล่าว
อันมีผลทำให้ น.ส.ชินณิชา จึงต้องพ้นจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีรวมถึงให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 4 พันบาท
อย่างไรก็ตาม น.ส.ชินณิชาไม่เคยได้รับโทษมาก่อน โทษจำคุกเห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
คำตัดสินของศาลฎีกาฯ ถือว่าสิ้นสุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกต่อไป
น.ส.ชินณิชาจึงพ้นสภาพการเป็น ส.ส.ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมใหม่ทันทีหลังขั้นตอนทุกอย่างทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
การหลุดจาก ส.ส.และต้องโทษแบนการเมืองไปห้าปีของชินณิชา ทำให้ทั้งพ่อ-แม่-ลูก ตระกูลวงศ์สวัสดิ์ ล้วนถูกศาลตัดสินเว้นวรรคการเมืองห้าปีกันครบถ้วน
ไล่ตั้งแต่ “เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” โดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิการเมืองห้าปีในคดียุบพรรคไทยรักไทย แต่กำลังจะพ้นโทษแบนในวันที่ 30 พ.ค.นี้แล้ว
ลำดับถัดมาก็คือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิในคดียุบพรรคพลังประชาชน แล้วก็มาถึง “ชินณิชา” เป็นรายล่าสุด
เรื่องนี้ ก็ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญของนักการเมืองทุกคนไม่ใช่แค่ ชินณิชา เท่านั้น ที่สามารถพลาดตกเก้าอี้ได้เพราะความไม่รอบคอบพอ ทั้งที่หากชินณิชาจะยันเงินจำนวนดังกล่าวเอาไว้ในบัญชีทรัพย์สินก็ไม่น่าจะเป็นอะไรถ้าบริสุทธิ์ใจจริง ไม่ได้มีอะไรปกปิดซ่อนเร้นถึงที่มาที่ไปของเงินดังกล่าว แล้วมาคิดได้ในภายหลังจึงจะขอยื่นเพิ่มเติม แต่ก็สายไปแล้ว
ซึ่งผู้นำเรื่องไปยื่นต่อ ป.ป.ช.ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหาเจ้าเดิม ที่ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้พวกเพื่อไทย-คนเสื้อแดงรู้สึกอย่างไร ด้วยเหตุหลายคนเห็นว่าระยะหลังเรืองไกรออกจะแดงค่อนข้างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งซ่อม “เจ๊แดง” หากพ้นโทษแบนออกมาแต่ดูเงื่อนเวลา คงไม่ทัน เพราะลำดับแรกการจะลงสมัคร ส.ส.ได้ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอย่างน้อย 90 วัน เนื่องจากไม่ใช่การยุบสภา แค่เงื่อนไขดังกล่าว “เจ๊แดง” ก็หมดสิทธิแล้ว
ดังนั้น เพื่อไทยและตระกูลวงศ์สวัสดิ์ก็ต้องส่งคนอื่นลงแทนไปก่อน หรือไม่แน่อาจจะเป็นคนในตระกูล วงศ์สวัสดิ์ ที่เจ๊แดง เข็นมาเป็นทายาทการเมืองคนใหม่แทนชินณิชาที่อาจจะเป็นลูกชายคนโต แต่ก็ต้องดูว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองครบ 90 วันหรือไม่
หรือไม่ ก็เอาใครในสังกัดกลุ่มเจ๊แดงมาขัดตาทัพไปก่อน