เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (19 เม.ย.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารบก และนายทหารหารชั้นผู้ใหญ่ ได้เดินทางลงพื้นที่ 3 จังชายแดนภาคใต้ และประชุมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาตามยุทธศาสตร์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะไปพบกับ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมทั้งกำกับงานด้าน 6 ยุทธศาสตร์ ซึ่งได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชุมชน หรือในเมือง การปฏิบัติหน้าที่ของด่านตรวจ การปฏิบัติการข่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการทุกมาตรการ แต่ปัญหาการนำไปปฏิบัติยังไม่ครบทุกมิติ เพราะเป็นการขับเคลื่อนในหลายหน่วยงาน ทั้ง พลเรือน ตำรวจ ทหาร โดยเฉพาะพลเรือนมีหลายกระทรวง ได้กวดขันให้ทุกกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาของ กอ.รมน. ต้องลงไปขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ ตามงบประมาณ และแผนงานทมี่ทุกหน่วยมีโดยจะมีการประเมินความก้าวหน้าเป็นระยะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 28 เม.ย.นี้ เป็นวันครบรอบ 9 ปี การเกิดเหตุการณ์ที่ กรือเซะ การข่าวมีการแจ้งการเตรียมก่อเหตุหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า 1 ปี มีห้วงระยะเวลาที่สำคัญอยู่หลายเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนเมษายน ซึ่งมีหลายช่วงที่เกิดเหตุขึ้น ซึ่งทุกช่วงมีการแจ้งเตือนเพื่อให้ทุกหน่วยระมัดระวัง เพิ่มด่านตรวจจุดสกัด เพิ่มมาตรการด้านการข่าว การลดความไม่เข้าใจในประชาชน ซึ่งมีการทำงานมาตลอด
" วันนี้ท่านรองนายกฯ ในนามของรัฐบาล จะลงไปดูการขับเคลื่อน 3 แท่ง ของ กอ.รมน. โดยแท่งแรกในนาม กอ.รมน. ผมจะลงไปกำกับดูแลในนามนายกฯ ส่วนแท่งที่ 2 ในนาม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นผู้ปฏิบัติงาน และแท่งที่ 3 คือ กระทรวง ทบวง กรม โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ จะกวดขันในแท่งนี้ และหารือกันทั้ง 3 แท่ง ว่ามีอะไรที่ต้องปรับแก้ตามห้วงเวลาที่ทำงาน" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ต่อมา เวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของพล.อ.ยุทธศักดิ์ เดินทางถึง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อประชุมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมมอบนโยบาย ให้มีความเข้มงวด ระวังป้องกันให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่เขตปลอดภัย หรือเซฟตี้โซนให้ประชาชน การตั้งด่าน การตรวจยานพาหนะ ขณะเดียวกัน ในการดำเนินการเชิงรุกก็ขอให้หน่วยใน กอ.รมน. ดำเนินการกดดัน และมีการปฏิบัติอย่างเข้มงวด ไม่ให้ลดหย่อนลง เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ มักจะใช้ประชาชนเป็นเป้าหมาย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีเหตุคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ว่า ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานให้ทราบว่า มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยไปแล้ว และได้มีการสืบสวนสอบสวน โดยผู้ไม่เกี่ยวข้องก็ได้ปล่อยตัวไป ส่วนผู้เกี่ยวข้องมีหลักฐานชัดเจน ก็จะดำเนินคดีต่อไป ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องสงสัย 3 คน ได้ปล่อยตัวไปแล้ว 2 คน
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ กำล่าวหลังการหารือว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ ไม่ได้แก้ด้วยการใช้อาวุธเพียงอย่างเดียว จะต้องแก้ในหลายมิติ ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทราบว่ากำลังสู้รบกับใครมาตลอด และก็มีการจับกุมมาโดยตลอด โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ รวมทั้งต้องระมัดระวังกฎหมายระหว่างประเทศด้วย ที่รู้ว่ามีการเคลื่อนไหวของขบวนการแยกดินแดน ที่เป็นภายในประเทศ ไม่ได้มีสากลเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
" วันนี้ก็มาปรับการแก้ปัญหาทางยุทธวิธีว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยในเชิงป้องกัน ไม่ใช่แก้ไข ต้องป้องกันในเชิงรุกตามยุทธวิธีต่างๆ ที่ขณะนี้ระบบดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ เพราะต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะดำเนินการให้กระทบกับพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด ในการสร้างความปลอดภัยในพื้นที่"
สำหรับภาพรวมในการทำงานแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ขณะนี้ ตนเองยังไม่พอใจ ตราบใดที่ยังมีการบาดเจ็บล้มตาย ก็ยังไม่มีคำว่าพอใจ เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ต้องทำให้ไม่มีคนบาดเจ็บ และล้มตาย ตนจึงต้องลงพื้นที่มาสอบถามว่า ปัญหาคืออะไร ทำอย่างไรจะลดต่ำลงกว่านี้ ที่ผ่านมาสถิติลดน้อยลง แต่ความรุนแรงมากขึ้น น้อยครั้ง แต่ตายมากขึ้น จะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ จะต้องไปหาว่า จะแก้ปัญหานั้นอย่างไร เจ้าหน้าที่ไม่มีใครคิดว่าต้องการให้มีเหตุการณ์เพื่อที่จะได้ทำงาน เพื่อให้มีงบประมาณ ตนเองอยากให้จบพรุ่งนี้ ด้วยซ้ำไป ลูกน้องก็จะได้กลับบ้าน กลับไปดูแลครอบครัวกัน จะมาอยู่ที่นี่กันเพื่ออะไร เอาประเทศชาติมาเสี่ยงทำไม จะเอาชีวิตคนใต้มาเสี่ยงทำไม ทำให้บ้านเมืองสงบ ดีที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะไปพบกับ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมทั้งกำกับงานด้าน 6 ยุทธศาสตร์ ซึ่งได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชุมชน หรือในเมือง การปฏิบัติหน้าที่ของด่านตรวจ การปฏิบัติการข่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการทุกมาตรการ แต่ปัญหาการนำไปปฏิบัติยังไม่ครบทุกมิติ เพราะเป็นการขับเคลื่อนในหลายหน่วยงาน ทั้ง พลเรือน ตำรวจ ทหาร โดยเฉพาะพลเรือนมีหลายกระทรวง ได้กวดขันให้ทุกกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาของ กอ.รมน. ต้องลงไปขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ ตามงบประมาณ และแผนงานทมี่ทุกหน่วยมีโดยจะมีการประเมินความก้าวหน้าเป็นระยะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 28 เม.ย.นี้ เป็นวันครบรอบ 9 ปี การเกิดเหตุการณ์ที่ กรือเซะ การข่าวมีการแจ้งการเตรียมก่อเหตุหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า 1 ปี มีห้วงระยะเวลาที่สำคัญอยู่หลายเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนเมษายน ซึ่งมีหลายช่วงที่เกิดเหตุขึ้น ซึ่งทุกช่วงมีการแจ้งเตือนเพื่อให้ทุกหน่วยระมัดระวัง เพิ่มด่านตรวจจุดสกัด เพิ่มมาตรการด้านการข่าว การลดความไม่เข้าใจในประชาชน ซึ่งมีการทำงานมาตลอด
" วันนี้ท่านรองนายกฯ ในนามของรัฐบาล จะลงไปดูการขับเคลื่อน 3 แท่ง ของ กอ.รมน. โดยแท่งแรกในนาม กอ.รมน. ผมจะลงไปกำกับดูแลในนามนายกฯ ส่วนแท่งที่ 2 ในนาม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นผู้ปฏิบัติงาน และแท่งที่ 3 คือ กระทรวง ทบวง กรม โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ จะกวดขันในแท่งนี้ และหารือกันทั้ง 3 แท่ง ว่ามีอะไรที่ต้องปรับแก้ตามห้วงเวลาที่ทำงาน" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ต่อมา เวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของพล.อ.ยุทธศักดิ์ เดินทางถึง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อประชุมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมมอบนโยบาย ให้มีความเข้มงวด ระวังป้องกันให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่เขตปลอดภัย หรือเซฟตี้โซนให้ประชาชน การตั้งด่าน การตรวจยานพาหนะ ขณะเดียวกัน ในการดำเนินการเชิงรุกก็ขอให้หน่วยใน กอ.รมน. ดำเนินการกดดัน และมีการปฏิบัติอย่างเข้มงวด ไม่ให้ลดหย่อนลง เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ มักจะใช้ประชาชนเป็นเป้าหมาย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีเหตุคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ว่า ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานให้ทราบว่า มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยไปแล้ว และได้มีการสืบสวนสอบสวน โดยผู้ไม่เกี่ยวข้องก็ได้ปล่อยตัวไป ส่วนผู้เกี่ยวข้องมีหลักฐานชัดเจน ก็จะดำเนินคดีต่อไป ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องสงสัย 3 คน ได้ปล่อยตัวไปแล้ว 2 คน
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ กำล่าวหลังการหารือว่า การแก้ปัญหาภาคใต้ ไม่ได้แก้ด้วยการใช้อาวุธเพียงอย่างเดียว จะต้องแก้ในหลายมิติ ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทราบว่ากำลังสู้รบกับใครมาตลอด และก็มีการจับกุมมาโดยตลอด โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ รวมทั้งต้องระมัดระวังกฎหมายระหว่างประเทศด้วย ที่รู้ว่ามีการเคลื่อนไหวของขบวนการแยกดินแดน ที่เป็นภายในประเทศ ไม่ได้มีสากลเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
" วันนี้ก็มาปรับการแก้ปัญหาทางยุทธวิธีว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยในเชิงป้องกัน ไม่ใช่แก้ไข ต้องป้องกันในเชิงรุกตามยุทธวิธีต่างๆ ที่ขณะนี้ระบบดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ เพราะต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะดำเนินการให้กระทบกับพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด ในการสร้างความปลอดภัยในพื้นที่"
สำหรับภาพรวมในการทำงานแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ขณะนี้ ตนเองยังไม่พอใจ ตราบใดที่ยังมีการบาดเจ็บล้มตาย ก็ยังไม่มีคำว่าพอใจ เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ต้องทำให้ไม่มีคนบาดเจ็บ และล้มตาย ตนจึงต้องลงพื้นที่มาสอบถามว่า ปัญหาคืออะไร ทำอย่างไรจะลดต่ำลงกว่านี้ ที่ผ่านมาสถิติลดน้อยลง แต่ความรุนแรงมากขึ้น น้อยครั้ง แต่ตายมากขึ้น จะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ จะต้องไปหาว่า จะแก้ปัญหานั้นอย่างไร เจ้าหน้าที่ไม่มีใครคิดว่าต้องการให้มีเหตุการณ์เพื่อที่จะได้ทำงาน เพื่อให้มีงบประมาณ ตนเองอยากให้จบพรุ่งนี้ ด้วยซ้ำไป ลูกน้องก็จะได้กลับบ้าน กลับไปดูแลครอบครัวกัน จะมาอยู่ที่นี่กันเพื่ออะไร เอาประเทศชาติมาเสี่ยงทำไม จะเอาชีวิตคนใต้มาเสี่ยงทำไม ทำให้บ้านเมืองสงบ ดีที่สุด
