รมว.กลาโหม เผยเตรียมลงพื้นที่ชายแดนใต้ร่วม ผบ.ทบ.สัปดาห์หน้า ลั่นไปทุกเดือนดูผลงานตามแนวทางบูรณาการและนโยบายรัฐ เล็งปรับยุทธวิธีไม่ลาดตระเวณเป็นแบบแผน ยันจุดบึ้มน้อยลงแต่ยังรุนแรงอยู่ รับเหตุที่นราฯ บกพร่องทางยุทธวิธี แย้มเชิญ “ยิ่งลักษณ์” ไปเยือนสักครั้งในชีวิต ขณะที่นายกฯ โทร.สายตรงจากแดนปลาดิบสั่งดูแลศพทหารสมเกียรติ
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งล่าสุดมีการรอบว่างระเบิดทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารใน จ.นราธิวาส ว่าในสัปดาห์หน้าตนและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก จะลงไปประชุมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อไปฟังรายละเอียดและชี้แจงนโยบาย และนับจากนี้ต่อไปตนจะลงไปทุกเดือนเพื่อผลักดันแนวทาง คือ 1. จะพูดถึงเรื่องการบูรณาการ 2. พูดนโยบายของรัฐบาลและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่ให้ไว้ ว่าแต่ละกระทรวงจะต้องทำตามนโยบายให้ได้ ทุกเดือนจึงต้องลงไปดูว่าผลงานละเดือนเป็นไปตามจุดมุ่งหมายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ให้ไว้ โดยจะไม่เกิดขึ้นอย่างปีที่แล้วว่าบางส่วนไม่ทำ บางส่วนก็ทำ แต่ทุกอย่างจะต้องทำตามนโยบาย และจะต้องทำตามนโยบายกี่เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องไปพูดเร่งรัดและขอผลการปฎิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์การวางระเบิดของผู้ก่อการร้ายที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะวางบริเวณคอสะพาน เพราะผู้ก่อการร้ายจะรู้ว่าจุดล่อแหลมเวลาลาดตะเวนในสนามรบนั้นอยู่ที่สะพาน ทางแยก หรือจุดที่มีการซุ่มได้ก็ต้องมีความระมัดระวัง ตนคิดว่าส่วนใหญ่นั้นเกิดจากความเคยชินและเซตแพตเทิร์น ก็ต้องเตือนว่าอะไรก็ตามในเรื่องของการปฏิบัติตามยุทธวิธีจะไม่ทำอะไรให้เป็นแพตเทิร์นอีก จะไม่ทำอะไรซ้ำซาก เช่น เช้าเส้นทางนี้เย็นกลับอีกเส้นทางนี้เป็นประจำ ต่อไปนี้การดำเนินการเป็นประจำจนเป็นความเคยชินก็ทำไม่ได้แล้ว เมื่อถามว่า ที่ท่านระบุว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นถือเป็นการเตือน พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แม่ทัพภาคที่ 4 ก็พูดอย่างนั้น เพราะจุดที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ นั้นไม่มากและที่เกิดอย่างนี้ก็เพื่อเป็นการรักษาสถานการณ์ของผู้ก่อการร้ายไว้ แต่จุดระเบิดขณะนี้น้อยลง แต่ความรุนแรงยังรักษาไว้ ถ้านับครั้งในปีนี้กับปีที่แล้วจะเห็นว่าปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้ว ขณะนี้เราก็ได้มีการจัดกำลังในการลาดตะเวนตลอด และชุดที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อคืนก็คือชุดที่ออกไปตรวจเส้นทาง จึงต้องมีการเตือนลูกน้องมากๆทางการปฎิบัติทางยุทธวิธีเพราะครั้งนี้เป็นความพลั้งพลาดและความบกพร่องทางยุทธวิธี แต่ไม่ใช่ทางยุทธศาสตร์ที่เราวาง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีมาตรการระยะสั้นในการแก้ไขปัญหาอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า มาตรการระยะสั้นที่จะลงไปคุยกันในสัปดาห์หน้านี้ แต่ยังไม่ทราบว่าวันไหน เมื่อถามต่อว่า จะมีการเปลี่ยนยุทธศาสตร์หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ยังไม่เปลี่ยน เพราะพึ่งอนุมัติยุทธศาสตร์ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นยุทธศาสตร์ของ ผอ.กอ.รมน.ที่เสนอต่อคณะกรรมการ กอ.รมน.
เมื่อถามว่า ถึงเวลาที่จะต้องปรับกำลังหลักหรือยัง พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้พยายามอย่างยิ่งที่จะผลักกำลังหลักให้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ เพราะความจำเป็นในการใช้กำลังหลักนั้นมี และถ้าหากสามารถทดแทนด้วยกำลังทหารพรานได้ก็จะใช้กำลังทหารพรานซึ่งเป็นกำลังท้องถิ่นเข้าไปแทนกำลังหลัก เพื่อให้กำลังหลักได้มีโอกาสกลับเข้าไปทำงานในพื้นที่ของตนเอง อย่างไรก็ตาม ทหารพรานต้องมีกำลังที่สามารถทดแทนกำลังหลักได้ก่อนจึงจะถอนกำลังหลักได้ เพราะในพื้นที่แม่ทัพภาคที่ 2 ทางอีสานก็จำเป็นที่จะใช้กำลังทหารในการปกป้องเช่นกัน ทั้งนี้ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมหารือเรื่องการขยายพระราชกำหนดใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่าจะขยายต่อไปอีกหรือไม่ สำหรับในการลงพื้นที่ภาคใต้นั้น หากนายกฯ ว่างเมื่อไหร่ตนจะเชิญไปด้วยสักครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.นายกฯ ได้โทรศัพท์มาสอบถามเหตุคนร้ายรอบวางระเบิดที่ จ.นราธิวาสเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนายกฯ ได้แสดงความห่วงใย และสั่งให้ดูแลอย่างสมเกียรติ จากนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ได้ต่อโทรศัพท์ถึง ผบ.ทบ. ซึ่ง ผบ.ทบ.ระบุว่าขณะนี้ได้ดูแลทหารที่เสียชีวิตแล้ว โดยทาง ทบ.จะจัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ และช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่