ASTVผู้จัดการรายวัน-ตลาดหลักทรัพย์ฯเผย มีลุ้นมาร์เกตแคปปีนี้แตะ 10 ล้านล้านบาท หากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่องและไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบ "วิรไท" แจงภาวะการลงทุนไตรมาส2/55 ยังดีจากปัจจัยใน-ต่างประเทศหนุน "จรัมพร" ชี้ผลงานไตรมาส1/55 เข้าเป้า พร้อมเดินหน้าทำงานต่อ มั่นใจตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากP/Eต่ำเพียง 12 เท่า ขณะตลาดหุ้นอื่นP/E 14 เท่า ล่าสุดหุ้นไทยดีด17 จุด รับแรงซื้อกลุ่มแบงก์ ที่ถูกเก็งกำไรรับข่าวผลประกอบการ โบรกฯเตือนช่วงนี้ตลาดผันผวน ควรชะลอลงทุน
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ในปีนี้มีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป)แตะ 10 ล้านล้านบาท หากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบ โดยยังเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยอยู่จากเม็ดเงินสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่จำนวนมาก ส่วนภาวะการลงทุนในไตรมาส2/55ยังคงดีต่อเนื่องจากธนาคารกลางประเทศต่างๆจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังคงนโยบายเรื่องอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อไป ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้น แต่ต้องระมัดระวังในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ของราคาสินค้าและสินทรัพย์ที่จะมีผลกระทบกับเม็ดเงินสภาพคล่องได้ ส่วนปัจจัยในประเทศมีการฟื้นตัวที่ดีหลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมในปลายปีที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ
"ณ สิ้นไตรมาส1/55 มาร์เกตแคปของตลาดหลักทรัพย์และตลาดเอ็มเอไอ ปรับขึ้นต่อเนื่องทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินการ ของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 9.85 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 17.28% จากสิ้นปี54 " นายวิรไท กล่าว
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของตลท. ในไตรมาส1/55 ว่า การดำเนินงานภาพรวมถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายทุกด้าน ได้แก่ ปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันไตรมาส1/55 อยู่ที่ 3.12 หมื่นล้านบาทต่อวัน จากเป้าหมายปีนี้เฉลี่ย 3.1-3.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน บริษัทจดทะเบียนระดมทุนเพิ่ม ไตรมาส1/55 อยู่ที่3.36 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายปีนี้ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท เป้าหมายการเพิ่มมาร์เกตแคปจากบริษัทเข้าใหม่ไตรมาส1/55 ทำได้2.27หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายปีนี้ที่ 1.2 แสนล้านบาท การเพิ่มบัญชีซื้อขายหุ้น ไตรมาส1/55 อยู่ที่ 7.21 แสนบัญชี จากเป้าหมายปีนี้อยู่ที่ 7.4-7.5 แสนบัญชี
นอกจากนี้บัญชีซื้อขายอนุพันธ์ไตรมาส1/55 อยู่ที่ 6.43 หมื่นบัญชี จากเป้าหมายปีนี้ที่ 8 หมื่นบัญชี มูลค่าการซื้อขายผ่านออนไลน์ของนักลงทุนบุคคล เป้าหมายปีนี้จะอยู่ที่ 50% ไตรมาส1/55 ทำได้แล้ว 48.65% เป้าหมายการเพิ่มสภาพคล่องให้สินค้าเดิมโดยการเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM)ของกองทุนอีทีเอฟ ปีนี้ 7.5 พันล้านบาท ไตรมาส1ทำได้แล้ว 5.52 พันล้านบาท แต่ในส่วนของปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์เฉลี่ยต่อวันไตรมาส1/55 อยู่ที่ 3.51 สัญญาต่อวัน ยังไม่ใกล้เคียงเป้าหมายปีนี้ที่ตั้งไว้ 5.5-5.7 หมื่นสัญญา จากภาวะตลาดที่เป็นขาขึ้น ทำให้ปริมาณการซื้อขายในสินค้าSET 50 ฟิวเจอร์สลดลง และราคาทองคำมีความผันวน
"เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศเชื่อว่าจะยังคงไหลเข้ามาลงทุนใสตลาดหุ้นไทยต่อ เนื่องจากราคาหุ้นไทยไม่แพง มีP/E 12 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นP/E 14 เท่า เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นไปได้ ส่วนการที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายสุทธิออกมานั้น มองว่าเป็นการพักฐานระยะสั้นจากก่อนหน้านี้ที่ซื้อสะสมมาถึง 8 หมื่นล้านบาท"
หุ้นดีดแรง17จุดกลุ่มแบงก์-สื่อสารหนุน
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19เม.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,185.34 จุด เพิ่มขึ้น 17.29 จุด หรือ 1.48% มูลค่าการซื้อขาย 30,341.56 ล้านบาท นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้ดีกว่าที่คิดไว้มาก และดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะทรงตัวและบวกเล็กน้อย โดยมีการเข้ามาเล่นลงทุนในกลุ่มธนาคาร และสื่อสาร จำนวนมาก เพื่อรับแรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 1/55 ที่คาดว่าจะออกมาดี นอกจากนี้ ยังมีการเก็งผลการเสนอพันธบัตรของสเปน ซึ่งเชื่อว่าผลจะออกมาดี ทำให้ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(20 เม.ย.) ดัชนียังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคเอเชียที่น่าจะดีขึ้น แต่ค่อนข้างอันตรายหากจะเข้าซื้อ เพราะนักลงทุนต่างประเทศช่วงนี้ไม่ได้ซื้อลงทุนจริงจัง แต่เป็นลักษณะการเล่นเทรดดิ้ง จึงไม่คุ้มเสี่ยงและควรชะลอลงทุนก่อน
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ในปีนี้มีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป)แตะ 10 ล้านล้านบาท หากไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบ โดยยังเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยอยู่จากเม็ดเงินสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่จำนวนมาก ส่วนภาวะการลงทุนในไตรมาส2/55ยังคงดีต่อเนื่องจากธนาคารกลางประเทศต่างๆจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังคงนโยบายเรื่องอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อไป ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้น แต่ต้องระมัดระวังในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ของราคาสินค้าและสินทรัพย์ที่จะมีผลกระทบกับเม็ดเงินสภาพคล่องได้ ส่วนปัจจัยในประเทศมีการฟื้นตัวที่ดีหลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมในปลายปีที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ
"ณ สิ้นไตรมาส1/55 มาร์เกตแคปของตลาดหลักทรัพย์และตลาดเอ็มเอไอ ปรับขึ้นต่อเนื่องทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินการ ของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 9.85 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 17.28% จากสิ้นปี54 " นายวิรไท กล่าว
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของตลท. ในไตรมาส1/55 ว่า การดำเนินงานภาพรวมถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายทุกด้าน ได้แก่ ปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันไตรมาส1/55 อยู่ที่ 3.12 หมื่นล้านบาทต่อวัน จากเป้าหมายปีนี้เฉลี่ย 3.1-3.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน บริษัทจดทะเบียนระดมทุนเพิ่ม ไตรมาส1/55 อยู่ที่3.36 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายปีนี้ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท เป้าหมายการเพิ่มมาร์เกตแคปจากบริษัทเข้าใหม่ไตรมาส1/55 ทำได้2.27หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายปีนี้ที่ 1.2 แสนล้านบาท การเพิ่มบัญชีซื้อขายหุ้น ไตรมาส1/55 อยู่ที่ 7.21 แสนบัญชี จากเป้าหมายปีนี้อยู่ที่ 7.4-7.5 แสนบัญชี
นอกจากนี้บัญชีซื้อขายอนุพันธ์ไตรมาส1/55 อยู่ที่ 6.43 หมื่นบัญชี จากเป้าหมายปีนี้ที่ 8 หมื่นบัญชี มูลค่าการซื้อขายผ่านออนไลน์ของนักลงทุนบุคคล เป้าหมายปีนี้จะอยู่ที่ 50% ไตรมาส1/55 ทำได้แล้ว 48.65% เป้าหมายการเพิ่มสภาพคล่องให้สินค้าเดิมโดยการเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM)ของกองทุนอีทีเอฟ ปีนี้ 7.5 พันล้านบาท ไตรมาส1ทำได้แล้ว 5.52 พันล้านบาท แต่ในส่วนของปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์เฉลี่ยต่อวันไตรมาส1/55 อยู่ที่ 3.51 สัญญาต่อวัน ยังไม่ใกล้เคียงเป้าหมายปีนี้ที่ตั้งไว้ 5.5-5.7 หมื่นสัญญา จากภาวะตลาดที่เป็นขาขึ้น ทำให้ปริมาณการซื้อขายในสินค้าSET 50 ฟิวเจอร์สลดลง และราคาทองคำมีความผันวน
"เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศเชื่อว่าจะยังคงไหลเข้ามาลงทุนใสตลาดหุ้นไทยต่อ เนื่องจากราคาหุ้นไทยไม่แพง มีP/E 12 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นP/E 14 เท่า เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นไปได้ ส่วนการที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายสุทธิออกมานั้น มองว่าเป็นการพักฐานระยะสั้นจากก่อนหน้านี้ที่ซื้อสะสมมาถึง 8 หมื่นล้านบาท"
หุ้นดีดแรง17จุดกลุ่มแบงก์-สื่อสารหนุน
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19เม.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,185.34 จุด เพิ่มขึ้น 17.29 จุด หรือ 1.48% มูลค่าการซื้อขาย 30,341.56 ล้านบาท นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้ดีกว่าที่คิดไว้มาก และดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะทรงตัวและบวกเล็กน้อย โดยมีการเข้ามาเล่นลงทุนในกลุ่มธนาคาร และสื่อสาร จำนวนมาก เพื่อรับแรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 1/55 ที่คาดว่าจะออกมาดี นอกจากนี้ ยังมีการเก็งผลการเสนอพันธบัตรของสเปน ซึ่งเชื่อว่าผลจะออกมาดี ทำให้ แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(20 เม.ย.) ดัชนียังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ เช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคเอเชียที่น่าจะดีขึ้น แต่ค่อนข้างอันตรายหากจะเข้าซื้อ เพราะนักลงทุนต่างประเทศช่วงนี้ไม่ได้ซื้อลงทุนจริงจัง แต่เป็นลักษณะการเล่นเทรดดิ้ง จึงไม่คุ้มเสี่ยงและควรชะลอลงทุนก่อน